"ทนายกระดูกเหล็ก" แฉ พระชื่อดังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งภายในวัดจันทร์ใน ด้านเจ้าอาวาสวัดฯ เซ็นหนังสือขับไล่พระลูกวัด 12 รูป มีผลภายใน 3 วัน ท่ามกลางความดีใจของฆราวาส
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพ พร้อมด้วยคณะ เดินทางมาที่ยังวัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร หลังจากก่อนหน้านี้ได้มาร่วมประชุมเพื่อหาทางออก เนื่องจากมีพระลูกวัดจำนวน 12 รูป มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระด้างกระเดื่อง ไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส และไม่เข้าร่วมสังฆกรรมหรือกิจกรรมใดๆกับคณะสงฆ์ที่มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน
ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว ชาวบ้านได้มีการไปนิมนต์พระรูปวัดที่มีปัญหาทั้ง 12 รูป แต่ปรากฏว่าไม่มีพระรูปไหนอยู่วัดเลย ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลว่าเป็นแบบนี้มาทุกครั้งในตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี พอจะประชุมหาข้อยุติความขัดแย้ง พระลูกวัดทั้ง 12 รูปไม่เคยอยู่วัด หรือเข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวัด
จากนั้นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนได้ร่วมการแถลงข่าว โดยพระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ได้ชี้แจงว่า หลังจากที่ออกรายการ hard talk ชื่อดัง พระลูกวัดทั้ง 12 รูปได้มีการไปหาหลวงพี่น้ำฝน และมีการให้ข่าวว่าหลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้ยุติปัญหาความขัดแย้งภายในวัดจันทร์ในเรียบร้อยแล้ว
แต่ความเป็นจริงแล้ว เจ้าอาวาสได้โต้แย้งว่ายังไม่จบ และยอมรับว่าก่อนหน้านี้พระสงฆ์รูปหนึ่งพยายามขอเคลียร์ปัญหา ขอให้จบ โดยพระสงฆ์รูปนั้นเป็นพระผู้ใหญ่ที่บวชอยู่ในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ในเขตการปกครองภาค 14 แต่วัดจันทร์ในอยู่ในเขตการปกครองภาค 1 ซึ่งถือว่าเป็นการข้ามเขตการปกครองและเป็นการก้าวก่ายกิจของสงฆ์ โดยตนได้บอกไปว่าให้ไปปรึกษากับมูลนิธิทนายกองทัพธรรมก่อน เพราะตนแต่งตั้งให้มาดูแลเรื่องกฎหมายและปัญหาเหล่านี้
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในวัดจันทร์ในนั้น ต้องย้อนไปตั้งแต่ปี 2564 ที่มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาส ซึ่งมีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายพยายามจะดันคนของตัวเองขึ้นในตกแหน่งนี้ แต่ไม่ได้เป็นตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งพระลูกวัดทั้ง 12 รูปที่มีการต่อต้านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันนั้น จากข้อมูลที่มีอยู่มีการรู้จักและไปมาหาสู่หลวงพี่น้ำฝนอยู่บ่อยครั้ง
อีกทั้ง หลังออกรายการ hard talk ชื่อดัง ปรากฏว่า ทนายความของหลวงพี่น้ำฝนได้มีการแชตไลน์ มาบอกตนว่า "ต้องยอมรับว่าผมอยู่ฝ่ายพระ 12 รูป แต่ถ้าผมล่วงเกินต้องขอโทษครับพอดีพี่กลับมาก่อนเลยไม่ได้ขอโทษด้วยตัวเอง เรื่องวัดจันทร์ใน อีกกี่ปีก็ไม่จบครับเพราะไม่มีคนกลางมาช่วยประนีประนอม ฝ่ายหนึ่งเชื่อพี่ อีก ฝ่ายหนึ่งเชื่อผมกับมหาวีรวงศ์มันก็เลยคุยกันไม่จบ ถ้าคนกลางจบครับ ผมขออนุญาตเสนอพี่ว่า
ถ้าให้ หลวงพี่น้ำฝนเป็นคนกลางจบได้เพราะทุกฝ่ายให้ความเชื่อถือมหาวีรวงศ์ก็เคยไปพบหลวงพี่น้ำฝนมาก่อน รวมทั้งโยมวัดจันทร์ในก็รู้จักหลวงพี่น้ำฝน ผมว่าทั้งสองฝ่ายอยากจบกันครับแต่ว่าไม่รู้จะเริ่มกันยังไงแค่แบ่งกิจนิมนต์ให้เป็นธรรมเหมือนกับช่วงแรกๆก็จบแล้วครับ"
ด้วยประโยคนี้จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่า พระทั้ง 12 รูป ได้มีการไปพบหลวงพี่น้ำฝนบ่อยครั้งจริง และมีการให้หลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้แบ่งกิจนิมนต์ ทั้งๆที่อยู่คนละเขตการปกครองกัน จึงอยากให้สื่อมวลชนและศาสนิกชนไปพิจารณาเอาเองว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งดังกล่าว
จากนั้นพระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ได้เซ็นหนังสือให้พระสงฆ์ทั้ง 12 รูปออกจากวัดภายใน 3 วัน หากไม่ทำตามจะมีการฟ้องร้องในข้อขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ท่ามกลางความดีใจของฆราวาสที่มาร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าว
นอกจากนี้ นายอนันต์ชัย ยังได้เปิดเผยอีกว่า มีพระ 2 จาก 12 รูป ได้มีการยักยอกเงินวัด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติม