จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน รับแจ้งพบศพ 2 พี่น้องตายายในบ่อน้ำ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจื้อง อายุ 85 ปี และนางร่วน อายุ 89 ปี ที่บ้านหลังหนึ่ง ม.14 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คาดว่าเป็นการถูกฆาตกรรม เนื่องจาก ยายหีด อดีตเมียของตาเจื้อง ผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า บุคคลที่น่าสงสัยในคดีนี้คือกลุ่มญาติ 16 คน ที่มาเยี่ยมวันเจอศพพอดี ทำไมเพิ่งจะมาเยี่ยมตากับยายหลังจากไม่เคยมาเยี่ยมเลยร่วม 10 ปี นั้น




วันนี้ (20 เมษายน 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่วัดโพธาวาส อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมาที่งานศพของตาเจื้องและยายร่วน แต่ในระหว่างที่มาถึงทีมข่าวได้พบกับนายสุรชัย อายุ 44 ปี ลูกชายของตาเจื้อง ที่ในวันนี้ได้เดินทางมาที่งานศพของพ่อและป้าของตัวเอง


โดยวันนี้นายสุรชัย บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ว่าหลังจากที่ตนโดนค้นบ้านและถูกตำรวจเรียกสอบ ตนรู้สึกว่า รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกพุ่งเป้าว่าจะต้องเป็นคนก่อเหตุ จึงอยากขอชี้แจงข้อมูลในส่วนของตัวเองบ้าง โดยเรื่องแรกขอยืนยันว่าตนเองไม่ใช่คนก่อเหตุทำร้ายพ่อและป้าจนเสียชีวิตอย่างแน่นอน




โดยในที่เกิดเหตุตำรวจได้มีการเรียกตัวเองและครอบครัวไปสอบสวน และสอบถามเรื่องทั้งหมดว่าตนมีปัญหาอะไรกับพ่อ หรือได้ไปหาพ่อมาบ้างไหม ตนก็ตอบทุกอย่างกับตำรวจหมด รวมไปถึงเรื่องที่ตำรวจมาตรวจค้นบ้าน ตนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ที่สำคัญการตรวจค้นบ้านในวันนั้นก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ที่เชื่อมโยงว่าตนเองจะเป็นคนก่อเหตุ


จึงอยากขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองบ้าง เพราะถูกพุ่งเป้าว่าเป็นคนก่อเหตุอยู่คนเดียว เนื่องจากมีประวัติทะเลาะกันเรื่องของที่ดิน ที่แม่ยายติดต่อขอซื้อยายร่วน ผู้เป็นป้า แต่เมื่อซื้อมาแล้วไม่มีโฉนดจึงขอเงินคืนแต่ก็ไม่ได้ และเมื่อไม่ได้เงินตนจึงเดินทางเข้าไปทวง แต่ก็ถูกผู้เป็นพ่อไล่ออกมาและบอกว่าอย่าเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีก และหลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าไปเหยียบที่บ้านของพ่อและไม่เคยเจอพ่ออีกเลยจนวันที่รู้ข่าวว่าพบศพ


และเรื่องที่ตนสงสัยมากที่สุด ก็คือเรื่องของญาติทั้ง 16 คน ที่เดินทางมาบ้านของพ่อและป้า ก่อนที่จะรู้ว่าทั้งคู่กลายเป็นศพหมกอยู่ในบ่อบาดาล ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเท่าที่ตนทราบมาก็รู้มาว่าญาติพี่น้องกลุ่มนี้ ไม่เผาผีกับพ่อและป้าของตน โดยเรื่องนี้มีที่มาว่าหลังจากที่พ่อของตนนั้นมีคดีความต้องขึ้นโรงขึ้นศาล และมีหลานที่เป็นตำรวจอยู่ที่หาดใหญ่ ซึ่งหลานคนนี้เป็นลูกยายเอียด ซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อและป้ามาช่วยไกล่เกลี่ยจนทำให้พ่อพ้นผิด จึงทำให้พ่อได้ยกที่ดินจำนวน 8 ไร่ให้




และหลังจากนั้นหลานคนนี้ก็ได้มีการเข้ามาซื้อที่ดินของยายร่วน โดยยายร่วนเองขายในราคาญาติไปในราคา 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก และในขณะที่หลานคนนี้ก็จ่ายเงินมายังไม่ถึง 200,000 บาทด้วยซ้ำ ป้าของตนก็ใจดีอนุญาตให้สร้างบ้านอยู่เลย ก่อนที่จะจ่ายเงินครบ แต่เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วก็เข้ามาอยู่ โดยที่ไม่ยอมจ่ายเงินส่วนที่เหลือของค่าที่ดินอีกเลย ทำให้พ่อและป้าของตนเกิดอาการโมโหเพราะเชื่อว่าถูกโกงแล้ว จนเป็นเหตุให้พ่อและป้าเดินทางไปไล่หลานคนนี้ออกจากที่ดินของตัวเอง เพราะไม่ยอมจ่ายเงินค่าที่ดินให้ทั้งหมดนั่นเอง ทำให้ทุกวันนี้หลานคนนี้ยังคงไม่เผาผีกับพ่อและป้า และญาติคนอื่น ๆ ก็พลอยโกรธพ่อและป้าไปด้วยที่ไปไล่ฟันหลานคนนี้


ซึ่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา กลุ่มญาติที่ไม่เผาผีกับพ่อและป้า และไม่เคยติดต่อหรือมาหาพ่อและป้าของตนกว่า 10 ปี ได้เดินทางจะมารถน้ำดำหัวให้พ่อและป้า จึงเป็นเรื่องที่แปลกและตำรวจจะต้องตั้งประเด็นนี้และสืบสวนประเด็นนี้ด้วย อีกประเด็นหนึ่งอย่ามามุ่งเป้าหาที่ตนคนเดียว รวมไปถึงตนก็เชื่อว่าหลานคนที่มีประเด็นทะเลาะกันเรื่องที่ดินกับพ่อและป้า ก็น่าจะอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 16 คนที่มารดน้ำดำหัวด้วย และที่สำคัญที่สุดหลังจากที่พ่อและป้าของตนตายไปแล้ว ตนและนางหีด แม่ของตน ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดินที่เกิดเหตุแม้แต่น้อย จึงไม่สามารถรับมรดกได้อย่างแน่นอน


เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของยานร่วน ป้าของตน ไม่ใช่ที่ดินของพ่อของตนแต่อย่างใด และยายร่วน ป้าของตน ก็เป็นสาวโสดไม่มีลูก ไม่มีสามี ทำให้มรดกที่ดินดังกล่าวจะต้องไปตกอยู่กับยายเอียด ซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อและป้า และคนที่จะได้รับผลประโยชน์ในเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นหลานคนดังกล่าวที่เคยมีเรื่องกับพ่อและป้าด้วยเช่นกัน




วันนี้ทาง พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน พร้อมชุดสืบสวน จ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อทำการเก็บหลักฐานต่าง ๆ โดยรอบบริเวณบ้าน ซึ่ง พ.ต.อ.ฉลาด ผกก.สภ.หลังสวน ได้นำทีมชุดสืบสวน จ.ชุมพร เดินค้นหาพยายานหลักฐานต่าง ๆ ที่อาจจะหลงเหลือในสวนยางข้างบ้าน


ส่วนจุดที่น่าสนใจอยู่ที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้พบกับกองขี้เถ้า 2 กองที่น่าสงสัย โดยห่างจากตัวบ้านประมาณ 56 เมตร และใช้เวลาในการเก็บพยานหลักฐานในจุดนี้กว่า 1 ชม. ด้วยกันกว่าจะแล้วเสร็จ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ออกจากพื้นที่แล้ว ทีมข่าวช่อง 8 จึงเข้าไปดูกองขี้เถ้าดังกล่าว ซึ่งกองขี้เถ้าดังกล่าวน่าจะเป็นกองขี้เถ้าใหม่ที่เพื่งจุดเผาอะไรบางอย่างไป




จากการสอบถามข้อมูลกับ พ.ต.อ.ฉลาด เผยว่า วันนี้ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบกองขี้เถ้าต้องสงสัยที่อยู่ข้างบ้านของตาเจื้องและยายร่วน 2 พี่น้องที่พบเป็นศพใต้บ่อบาดาล ซึ่งในจุดนี้อาจจะมีการเผาพยานหลักฐานอำพรางก็อาจจะเป็นไปได้ ส่วนจะเป็นเสื้อผ้าของทั้งคู่ที่คนก่อเหตุนำไปเผาหรือไม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัดก่อน ถึงจะให้คำตอบได้


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางปรานี อายุ 67 ปี หนึ่งใน 16 คนที่ไปพบศพตาเจื้องและยายร่วน โดยนางปรานี เล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ตนนั้นเป็นลูกสาวของยายเอียด พี่สาวของตาเจื้องและยายร่วน โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ก็มีญาติ ๆโทร. มาหาบอกว่าจะเดินสายสวัสดีและรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ ในวันที่ 17 เม.ย. และตนก็ตบปากรับคำไป จากนั้นในวันรุ่งขึ้นเมื่อมาทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อไปสวัสดีและรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ ก็มากันถึง 16 คน ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่เคยเดินสายกันมา ทำให้ตั้งใจว่าจะไล่สวัสดีและรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักให้หมด และเมื่อรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่คนแรกไปแล้ว ทั้งหมดก็นึกถึงตาเจื้องและยายร่วน 2 พี่น้องที่อยู่กันตามลำพัง และไม่ได้เจอกันกว่า 10 ปีแล้ว




ทำให้ทั้งหมดตัดสินใจไปบ้านของทั้งคู่ทันที และเมื่อมาถึงในช่วงเที่ยงก็พยามเรียกทั้งคู่แต่ไม่มีใครขานตอบ และเมื่อสังเกตว่าประตูบ้านเปิดจึงขึ้นกันไปดู พบว่าบนบ้านข้าวของกระจัดกระจาย และที่สำคัญตั้งแต่เข้าบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมารุนแรง ทั้งหมดจึงพยายามเดินตามหาทั้งคู่ ซึ่งเมื่อกระจายกันค้นหาจึงไปพบกับรอยเลือดตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน และเมื่อลองหาต้นตอของกลิ่นเหม็นเน่า ทั้งหมดก็มาหยุดอยู่ที่บ่อบาดาลข้างบ้าน แต่มันมีฝาปิดอยู่ โดยทุกคนตอนนั้นก็เชื่อว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาแน่ ๆ และสั่งห้ามกันและกันว่าห้ามไปยุ่งกับฝาปิดบ่อบาดาลเด็ดขาด จนกว่าตำรวจและกู้ภัยจะมา และเมื่อทั้งตำรวจและกู้ภัยมาถึงจึงเข้ามาตรวจสอบ จึงพบศพของทั้งคู่อยู่ก้นบ่อบาดาลจริง ๆ


ตอนนี้ตนก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ในชีวิตต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ เพราะรู้สึกสงสารทั้งคู่ที่ต้องมาโดนคนใจเหี้ยมทำร้ายจนตาย และเรื่องที่มีคนพูดกันว่ากลุ่มญาติที่มาหาทั้งคู่ ไม่เผาผีกันไม่เป็นความจริงใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกคนยังรักและคิดถึงทั้งคู่เสมอ แต่เหตุผลที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครคิดไปรดน้ำดำหัวเลย ก็เพราะต่างคนก็ต่างมีภาระของตัวเอง ประกอบกับเห็นว่าทั้งคู่ก็อยู่กันสุขสบายตามประสาคนแก่ และดูแลตัวเองกันได้ดี จึงไม่ค่อยเป็นห่วง


ส่วนเรื่องที่ลูกชายของตาเจื้อง สงสัยพี่ชายของตน ที่เป็นหลานของตาเจื้องและยายร่วน ที่เคยเป็นตำรวจที่หาดใหญ่ และเคยทะเลาะกันเรื่องไม่จ่ายเงินค่าที่ดิน เรื่องนี้ก็เคลียร์และจบปัญหากันไปนานแล้ว อีกทั้ง 1 ใน 16 คน ที่มาหาในวันพบศพ คน ๆ นี้ก็อยู่ที่หาดใหญ่ ไม่ได้มาร่วมรดน้ำดำหัวด้วย จึงขอยืนยันว่าคน ๆ นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน อย่าไปปรักปรำเขาเลย สุดท้ายตนก็ภาวนาให้ทั้งตาเจื้องและยายร่วน ช่วยคลี่คลายคดีให้ไปบอกกับใครก็ได้ที่ตามเรื่องนี้อยู่ ให้ช่วยเปิดทางให้พบคนใจอำมหิตคนนี้มาลงโทษให้จงได้

 

ไขปริศนา ฆ่า 2 เฒ่าหมกบ่อนํ้า ญาติเชื่อกลุ่มญาติ 16 คน ไม่ได้เกี่ยวข้อง