จากกรณีภาพวงจรปิดจากหอพักแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านชัยสถาน ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คนอุ้มหนุ่มชาวไทใหญ่ออกจากหอพัก แห่งดังกล่าวซึ่งชายคนดังกล่าวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากถูกรุมซ้อมก่อนจะถูกชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน อุ้มออกจากหอพักดังกล่าว ก่อนจะพาขึ้นรถขับออกไปทางทิศเหนือหายไป จนทำให้ผู้ที่พักอาศัยในหอพักดังกล่าว ต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวิ่งออกมามุงดูหลังจากชายคนดังกล่าวถูกอุ้มหายไป
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลา 23.04 น. ของวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา จนไม่มีใครเห็นหน้าชายคนดังกล่าวอีกตั้งแต่วันนั้น กระทั่งทราบว่านายจ๋อมวัน อายุ 30 ปี ถูกฆ่าทิ้งศพบริเวณป่าภายในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หมู่ 1 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดทางฝั่งจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า เวลา 23.32 น. ภาพนิ่งกล้องวงจรปิด จะสามารถจับภาพรถกระบะของผู้ก่อเหตุขับมาบนถนนหลัก มุ่งหน้าไปยังอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางมุ่งหน้าเอาศพของผู้ตายไปทิ้งบนทางขึ้นน้ำตกแม่สา ซึ่งภาพนิ่งวงจรปิดจะเห็นว่ามีผู้ชายนั่งอยู่ที่ท้ายกระบะ 3 คน และมีเงาดำ ๆ คล้ายกับศพผู้ตายนอนอยู่ในรถกระบะ
ส่วนภาพวงจรปิดเคลื่อนไหว บริเวณหน้าเทศบาลตำบลแม่แรม ซึ่งเป็นถนนที่มุ่งหน้าขึ้นไปยังจุดทิ้งศพ พบว่าเวลา 00.07 น. ของวันที่ 22 เม.ย. 2567 รถกระบะของกลุ่มผู้ก่อเหตุจะขับมุ่งหน้าขึ้นไปจุดทิ้งศพ เพื่อทิ้งศพของผู้เสียชีวิตเอาไว้ข้างทาง
จากนั้นในเวลา 00.21 น. รถกระบะของกลุ่มผู้ก่อเหตุจะขับกลับมาทางเดิม หลังจากที่ทิ้งศพของผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้เวลาทิ้งศพประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะเดินทางออกจากที่เกิดเหตุ และในขณะที่ขับออกมา จากการตรวจสอบตามภาพจะเห็นแค่ผู้ชายคนเดียวนั่งมาที่ท้ายกระบะ
ขณะเดียวกันนายพุฒิพงษ์ อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลแม่แรม ที่เป็นคนมาเก็บศพและเป็นคนที่เห็นศพเป็นคนแรก ๆ บอกว่า เมื่อวานนี้หลังได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านที่มาเก็บผักไปพบศพตรงจุดเกิดเหตุ ตนเองเข้าไปในที่เกิดเหตุทันที ซึ่งเมื่อไปถึงสิ่งแรกที่เจอคือเห็นศพผู้ตายนอนคว่ำหน้าในลักษณะหันหัวลงไปทางด้านล่าง ส่วนบริเวณร่างกายพบว่ามีเชือกจำนวน 2 เส้นผูกอยู่ที่ศพของผู้ตาย
ซึ่งเชือกเส้นที่ 1 เป็นเชือกสีแดง ที่ผูกจากข้อมือผู้ตายโยงไปถึงข้อเท้า ส่วนเชือกเส้นที่ 2 เป็นเชือกสีเขียวที่ผูกข้อเท้าของผู้ตายเอาไว้ ส่วนบาดแผลตามร่างกาย พบว่ามีร่องรอยถูกแทงด้วยของมีคมตั้งแต่หัวไหล่ด้านซ้ายลงไปถึงต้นแขนซ้าย จำนวน 1 แผล ส่วนรอยเลือดก็ยังพบเลือดติดอยู่ที่ร่างของผู้ตายและพบร่องรอยคราบเลือดติดที่พื้นถนน
ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า จากลักษณะศพที่นอนคว่ำหน้าอยู่ คนร้ายน่าจะอุ้มร่างผู้ตายเดินลงมาจากถนนและโยนศพผู้ตายลงไป ก่อนจะถึงจุดพบศพไม่กี่เมตร แต่ศพผู้ตายได้กลิ้งตกลงไปที่ด้านล่างทำให้ชาวบ้านเข้ามาเก็บผักและมาพบศพเมื่อวานนี้ ที่สำคัญส่วนตัวยังเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเคยผ่านไปมาตรงจุดทิ้งศพ เนื่องจากจุดดังกล่าว ก่อนหน้านี้เคยมีชาวบ้านเดินหายเข้าไปในป่า และถ้าเมื่อวานนี้ไม่มีคนมาพบ ก็จะไม่มีใครได้กลิ่นศพ เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นทางโค้งและเป็นเส้นทางเปลี่ยวที่ไม่เคยมีใครจอดรถแวะในจุดดังกล่าว
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดที่พบศพ ที่บริเวณป่าภายในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หมู่ 1 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยลักษณะจุดเกิดเหตุจากภาพมุมสูงจะเป็นป่าทั้งสองข้างทาง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางขึ้น-ลงภูเขาตรงทางโค้งบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 6 ซึ่งบริเวณจุดพบศพ ไม่มีบ้านคนและไม่มีกล้องวงจรปิด รวมถึงแสงไฟที่ส่องสว่างบนถนนดังกล่าว ส่วนเส้นทางทั้งสองฝั่งที่รถขับสวนกันขึ้นลงภูเขา จากการตรวจสอบ หากคนร้ายใช้เส้นทางมุ่งหน้ามาจากอำเภอแม่ริม ก็จะมาผ่านที่เทศบาลตำบลแม่แรม และหากผ่านตำบลแม่แรม มาแล้วประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเป็นจุดที่ชาวบ้านมาพบศพ
ส่วนอีกเส้นทาง หากคนร้ายใช้เส้นทางมุ่งหน้ามาจากอำเภอสะเมิง ก็จะต้องมาผ่านตำบลโป่งแยง ซึ่งหากคนร้ายใช้เส้นทางดังกล่าวขนศพมา ถ้าผ่านตำบลโป่งแยกมาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเจอกับจุดที่ชาวบ้านเข้ามาพบศพผู้ตาย
ส่วนภาพที่ทางกู้ภัยพาทีมข่าวเดินไปตรวจสอบจุดพบศพ ตรงทางโค้ง จะมีศาลพระภูมิเก่าที่ชาวบ้านนำมาทิ้งเอาไว้ และที่บนพื้นถนน ซึ่งเป็นทางลงไปยังจุดพบศพ ยังคงมีร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ที่พื้นถนน และตรงจุดพบศพก็จะอยู่ต่ำกว่าถนนที่พบรอยคราบเลือดลงไปประมาณ 20 เมตร โดยจุดพบศพก็ยังคงมีร่องรอยคราบเลือดของผู้ตาย ติดอยู่ที่พื้นดินบริเวณป่าเช่นเดียวกัน
ล่าสุดวันนี้ทาง พล.ต.ต.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผบก.ภ.จว.ลำพูน ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนชุด สภ.เมืองลำพูน เข้าร่วมประชุมเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงคดีการอุ้มฆ่าจากลำพูน แล้วนำศพมัดมือมัดเท้าไปทิ้งที่ดอยสุเทพ-ปุย เชียงใหม่ บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังนัดสืบพยาน เพื่อนบ้านบริเวณหอพักที่เกิดเหตุ แถวหมู่บ้านไชยสถาน ม.10 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน รวมทั้งญาติของนายจ๋อมวัน ผู้เสียชีวิต อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเรียกลุงสามารถ เจ้าของสัญญาห้องเช่าที่นายจ๋อมวันอาศัยอยู่ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะลุงสามารถเป็นคนที่พยานแวดล้อมระบุว่า ใกล้ชิดกับผู้ตายมากที่สุด และเป็นคนพาผู้ตายมาอยู่ที่หอพักแห่งนี้
ทั้งนี้ ทางทีมข่าวได้สอบถามไปยัง ลุงสามารถ อายุ 45 ปี คนที่พาตัวนายจ๋อมวัน ผู้ตายมาพักที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ และดันตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ลุงสามารถเปิดใจกับทางทีมข่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร้องไห้ทุกวัน ตนยืนยันไม่ได้รู้จักกับนายจ๋อมวันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอย่างแน่นอน
2-3 วันก่อนเกิดเหตุ ด้านนายจ๋อมวันมาถามหาห้องเช่า ในขณะที่ตนไปดื่มสุราที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน ตนได้ยินพอดีจึงแนะนำไป ให้ไปอยู่ห้องที่ตนเคยอยู่เพราะว่างอยู่ และตนก็ย้ายออกมาอยู่ในสวนผักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็โทร. ไปบอกเจ้าของหอพักให้ หลังจากนายจ๋อมวันเข้ามาอยู่ที่ห้อง ตนก็ไม่เคยกลับเข้าไปยังห้องที่เกิดเหตุอีกเลย มาทราบข่าวภายหลังว่าเสียชีวิตและตำรวจมาเรียกตนไปสอบสวน ตนไม่รู้อะไรเลย ยังคงยืนยันคำเดิม ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ได้พูดคุยกันแค่วันที่นายจ๋อมวันมาถามหาห้องพัก ส่วนตนมาอยู่ที่สวนผักแห่งนี้ได้เกือบ 2 เดือนแล้ว แทบไม่ได้กลับไปห้องเช่าอีกเลย ตอนนี้รู้สึกพูดไม่ออกกับที่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ยอมรับว่าเสียใจมาก
ทางทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของคุณลุงสามารถ หลังจากมีประเด็นข่าวออกไปว่า ในวันที่ 22 เม.ย. เวลา 18.47 น. หลังจากวันเกิดเหตุได้เพียง 1 วัน รถกระบะคันต้องสงสัยย้อนกลับมาหาลุงสามารถ บริเวณบ้านในสวนผัก ต.เหมืองง่า
จากประเด็นข่าวข้างตน วันนี้ทางทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของคุณลุงสามารถ บริเวณสวนผัก ต.เหมืองง่า เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบภาพกล้องวงจรปิดรถคันต้องสงสัย ขับบรรทุกฟางผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ถัดจากกล้องมุมแรก ประมาณ 300 เมตร ในวันเดียวกันช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน 18.49 น. คือรถขนฟางของชาวบ้าน เพื่อนำมาทำสวนผักบริเวณแปลงผักแห่งนี้