หนุ่มคลั่ง! ขโมยรถกระบะหนีมาจอดเสียใต้ทางด่วน ตำรวจสายตรวจจะเข้าไปช่วย ใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายตำรวจและคนขับแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ ถูกตำรวจใช้ปืนยิงเข้าต้นขาบาดเจ็บ
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 24 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ว่าพบเห็นรถกระบะถูกทุบจนกระจกแตกเกรงว่าจะเกิดเหตุร้าย ที่เกิดเหตุช่วงทางกลับรถ ใต้ทางด่วนกาญจนา ถนนเลียบทางด่วนกาญจนา ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งสายตรวจ สภ.พระแดง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อ ส.ต.ต.ณัฐกิต กรอบเพ็ชร ที่ทำหน้าที่สายตรวจพระประแดง ไปถึงก็พบผู้ต้องหาเดินอยู่รอบรถกระบะอีซุซุ สีขาว ทะเบียน บล 7113 ศรีสะเกษ ส.ต.ต.ณัฐกิต จึงถามว่าเป็นอะไรไหม ผู้ต้องหาก็บอกว่ารถเสีย ส.ต.ต.ณัฐกิต สังเกตเห็นรถกระบะที่ผู้ต้องหาขับขี่มามีกระจกด้านข้างคนขับแตก จึงถามว่าทำไมกระจกถึงแตก ผู้ต้องหาก็บอกว่าขับรถเบียดกับรถแท็กซี่มา ส.ต.ต.ณัฐกิต เห็นผิดสังเกตเพราะรถไม่มีร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุ จึงมองเข้าไปในรถไปพบท่อนเหล็กชะแลงอยู่ในรถของผู้ต้องหา ส.ต.ต.ณัฐกิต เห็นว่าไม่ปลอดภัยกลัวผู้ต้องหาจะหยิบมาทำร้ายจึงให้สายตรวจบัดดี้อีกคนหยิบออกมาจากรถ จากนั้นตรวจสอบในรถก็พบว่ามีคราบเลือด จึงเดินไปดูผู้ต้องหาด้วยความเป็นห่วงว่ามีบาดแผลตรงไหน แต่ดูแล้วทั้งตัวก็ไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด ส.ต.ต.ณัฐกิต สอบถามผู้ต้องหาว่า ที่ตัวไม่มีแผล แล้วคราบเลือดมาจากไหน พอพูดจบผู้ต้องหาก็ชักมีดเดินป่าที่พกติดตัวมาแทงที่หน้าอก ส.ต.ต.ณัฐกิต แต่โชคดีที่คมมีดไม่ทะลุเสื้อเกาะ
ส.ต.ต.ณัฐกิต กล่าวต่อว่า ตอนนั้นกลัวผู้ต้องหาจะเข้ามาแย่งปืน จึงหันหลังวิ่งหนี แต่ก็สะดุดล้ม ผู้ต้องหาจึงวิ่งเข้ามาใช้มีดฟันที่ขา แต่ก็แค่เฉี่ยวกางเกงจนขาด ตนก็ลุกขึ้นจังหวะนั้นผู้ต้องหาก็วิ่งเข้ามาแทงอีก ตนจึงยิงลงพื้นไป 1 นัด ทำให้ผู้ต้องหากลัวล่าถอยออกไป หลังจากนั้นจึงขอกำลังเสริม จนผู้ต้องหาวิ่งหนีมุ่งหน้าไปยังด่านเก็บเงินทางด่วนกาญจนา บริเวณหน้าด่านบางครุ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุเกือบ 1 กม. พอผู้ต้องหาหนีไปถึงด่านเก็บเงิน ไปเจอกับรถแท็กซี่ที่จ่ายตังค์อยู่ที่หน้าด่าน แล้วก็ไปทุบรถแท็กซี่จนกระจกแตก แล้วลงมือก่อเหตุใช้มีดฟันคนขับแท็กซี่จนได้รับบาดเจ็บ ช่วงนั้นผู้ก่อเหตุเกิดอาการคลั่งอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าจะยอมมอบตัว ตนเห็นว่าหากปล่อยไว้เกรงจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากในรถแท็กซี่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ ตนจึงตัดสินใจลงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้าที่ขาของผู้ต้องหาไปหนึ่งนัด จนผู้ต้องหาหยุดจึงทำการเข้าจับกุม ก่อนส่งตัวมารักษาที่ รพ.บางจาก
ส่วน นายวีระ อายุ 52 ปี คนขับแท็กซี่ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองรับผู้โดยสารจากสำโรง เพื่อไปส่งย่านถนนสุขสวัสดิ์ อ.พระประแดง โดยใช้ด่วนกาญจนาภิเษก ถึงบริเวณหน้าด่านทุ่งครุ ช่วงที่ตนเองกำลังต่อคิวเพื่อเข้าด่านเก็บเงิน จู่ๆ ผู้ก่อเหตุวิ่งหน้าตาตื่น มาเคาะกระจก ตนเองคิดว่าเป็นคนขับรถบรรทุก ที่อยู่ด้านหลังมาขอความช่วยเหลือ จึงได้ลดกระจกลง กระทั่งผู้ก่อเหตุตะโกนว่า ตำรวจปลอม ขณะนั้นผู้โดยสาร ที่นั่งมาด้วย เห็นผู้ก่อเหตุถือมีดมาด้วย จึงบอกให้ตนรีบปิดประจก แต่ไม่ทันไร ผู้ก่อเหตุก็ใช้มีดทุบกระจกประตูรถฝั่งคนขับจนแตก และพยายามเข้ามานั่งที่เบาะคนขับ จนผู้โดยสารต้องเปิดประตูวิ่งลงจากรถหนีตาย ต่อมาขณะที่ผู้ก่อเหตุเผลอ ตนเองจึงใช้เท้าถีบผู้ก่อเหตุ จนเกิดชุลมุนในรถ กระทั่งตนเองถูกมีดฟันแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บ ไม่นานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งตามมา และเข้าช่วยเหลือ จับกุมผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้
ด้าน นายสมิง อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุ อยู่ในอาการเอะอะโวยวาย พูดจากวกวนไปมา คล้ายคนเมาสารเสพติด มีบาดแผลถูกอาวุธปืนของสายตรวจยิงเข้าที่ต้นขาด้านขวา บอกว่า ตนขับรถกระบะเพื่อนมาจากบางบอน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถเกิดเสีย จึงจะชิงแท็กซี่เพื่อขับรถไปหาพ่อแม่ที่เสียชีวิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนที่ต้องทำร้ายตำรวจเพราะกลัวถูกจับ กลัวจะกลับไปไม่ถึงบ้าน
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายผู้ก่อเหตุอีกครั้ง เนื่องจากมีอาการคลุ้มคลั่งพูดจาสับสน คล้ายคนเสพสารเสพติด และจะตรวจสอบรถกระบะที่ผู้ก่อเหตุขับมาด้วยว่า ก่อเหตุลักทรัพย์มาหรือไม่ เนื่องจากพบรอยเลือดในรถกระบะคันดังกล่าว ยังไม่ทราบว่าเป็นเลือดของใคร อยู่ระหว่างให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว