จากกรณี นายสมมาศ อายุ 59 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางไผ่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ถูกคนร้ายปริศนา ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนอนเล่นริมชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี อาการสาหัส เบื้องต้น นายสมมาศยังไม่สามารถให้การได้ มีกระดูกแตกบริเวณหน้าผาก สมองร้าว มีเลือดออกในสมอง ในที่เกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนมาก บริเวณเก้าอี้ชายหาด พบสร้อยพระและซองโทรศัพท์สีดำตกในที่เกิดเหตุ แต่โทรศัพท์หายไป 1 เครื่อง เงินสดในกระเป๋าหายไป 500 บาท
ล่าสุดวันนี้ (25 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุริมชายหาดชะอำ บริเวณด้านหน้าโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนเกิดเหตุ นายก สมมาศ ได้มาพักและทำกิจกรรมสัมมนากันที่นี่ โดยในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไล่ภาพกล้องวงจรปิด และตรวจสอบเก้าอี้ริมหาดจุดเกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด 2 มุม บริเวณด้านหน้าโรงแรมที่ นายก สมมาศ เข้าพัก พบว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 00.28 น. จะเห็น นายก สมมาศ สวมเสื้อบอลสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะ เดินลงออกจากรีสอร์ต มุ่งหน้าข้ามถนนตรงไปยังชายหาดชะอำ จุดที่ถูกทำร้าย อยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 20 เมตร ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายก่อนจะถูกดักทำร้าย และพบว่ามีภาพ จยย. ต้องสงสัยโผล่ในช่วงเกิดเหตุด้วย
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวรัชดา อายุ 61 ปี พี่สาวของ นายก สมมาศ และเป็นเลขาของนายก ให้ข้อมูลกับทีมข่าว ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ตนเองและน้องชาย ซึ่งเป็นนายก อบต.บางไผ่ จ.พิจิตร ได้พาคณะทำงานมีทั้ง รองปลัดฯ , ประธานสภาฯ อบต. , ผู้ใหญ่บ้าน และคณะทำงาน รวม จำนวน 44 คน เดินทางจากจังหวัดพิจิตร มาที่ อำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะเปียก และทำปุ๋ยหมักชีวภาพ ซึ่งอำเภอชะอำเป็นต้นแบบ โดยออกเดินทางมาตั้งแต่คืน 23 เมษายน ถึง โรงแรมช่วงเข้าวันที่ 24 เมษายน
จากนั้นคณะทำงานก็ได้ศึกษาดูงานกันตามปกติ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กระทั่งช่วงเย็น ทุกคนจึงกลับมายังโรงแรมและพักผ่อนตามอัธยาศัย โดยระหว่างพักผ่อน ยอมรับว่า ทุกคนได้นั่งกินเลี้ยงสังสรรค์กันตามปกตินั่งพูดคุยกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ไม่มีการทะเลาะขัดแย้งอะไรกัน
โดยก่อนเกิดเหตุ น้องชายของตนเองเป็นคนไม่ค่อยกินเหล้า จึงกินเหล้าไปเล็กน้อย และได้แยกย้ายกันไปนอนในเวลา 2-3 ทุ่ม แต่น้องชายได้นั่งพูดคุยกับกลุ่มผู้ใหญ่บ้าน และประธานสภา อบต. ต่อ จนเวลา 5 ทุ่ม ถึงได้แยกย้ายกันขึ้นห้องกัน จากนั้นน้องชายของตนเองได้เข้าห้องพัก โดยมีลูกน้องตามขึ้นไปส่ง ซึ่งเหตุการณ์ปกติไม่มีอะไร
และตนเองไม่รู้ว่า น้องชายของตนเองได้ลงจากห้อง มานอนเล่นริมชายอีกทำไม อาจจะเพราะนิสัยของน้องที่ชอบความชิล อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ จึงอยากไปนั่งเล่น แต่สุดท้าย ก็มาเกิดเหตุน้องชายถูกทำร้าย ยืนยันที่ผ่านมาน้องชายของตนเองเป็นนายก อบต. ที่นิสัยดี มีแต่ลูกน้องรัก ตนเองจึงเชื่อว่า น้องชายที่ถูกทำร้าย น่าจะถูกดักชิงทรัพย์มากกว่าคนในคณะทำงานทำร้าย ซึ่งตนเองอยากให้ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเต็นท์เก้าอี้ริมชายหาด พบว่าเก้าอี้ที่นายก สมมาศ นั่งอยู่ติดริมชายหาดพอดี เมื่อไปถึงพนักงานดูและซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์ได้เก็บทำความสะอาด ล้างเลือดบริเวณเก้าอี้ออกหมดแล้ว เนื่องจากกลัวนักท่องเที่ยวจะตกใจ
ทีมข่าวได้สอบถาม นางกุ้ง (นามสมมติ) พนักงานที่ดูแลเก้าอี้ริมชายหาด บอกว่า ช่วงเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ตนเองไม่รู้ มารู้อีกทีตอนเช้าได้ยินจากพนักงานในโรงแรมเล่าให้ฟัง ซึ่งตนเองตกใจมาก โดยยืนยันเก้าอี้ริมชายหาดที่เกิดเหตุเป็นของตนเอง ช่วงเวลากลางวันจะเก็บค่าที่นั่งจำนวน 30 บาท แต่ช่วงหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ตนเองได้เดินทางกลับแล้ว เนื่องจากไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ใครจะมานั่งก็ได้ไม่มีค่าใช้จ่าย
แต่ที่ผ่านมา ยอมรับว่า มักจะมีวัยรุ่นในพื้นที่ชอบเข้ามาแอบอ้าง ขอเก็บเงินค่าเก้าอี้ที่นั่งในเวลากลางคืน และเกิดการชิงทรัพย์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเก้าอี้ริมชายหาดเรียบทะเลชะอำช่วงกลางคืน ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างมืดและเปลี่ยว ตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการตรวจขันมากขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว ค่อนข้างกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวชะอำเป็นอย่างมาก