จากกรณีนักศึกษาสาวปี 3 ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านรังสิต ได้ก่อเหตุแทงนักศึกษาหนุ่มรุ่นน้อง ปี 1 เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. โดยเหตุเกิดที่หอพักแห่งหนึ่ง ย่านคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายชื่อ นายทีมไทย อายุ 19 ปี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดบริเวณลำคอ นิ้วมือ ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะเข้าช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

ส่วนทางด้านผู้ก่อเหตุเป็นหญิงชื่อ นางสาวจิราพร หรือ นางสาวฝน (นามสมมติ) อายุ 23 ปี หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ก็ได้ทำการควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนทางด้านพ่อกับแม่ผู้ก่อเหตุก็ได้นำเงินสดจำนวน 1 แสนบาท มาประกันตัวออกไปในวันเดียวกัน

ต่อมาเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 21 เม.ย. เวลา 13.28 น. จะเห็นว่าทางด้าน นายทีมไทย (คนเจ็บ) ได้วิ่งหนีออกมาจากห้องพัก โดยที่ไม่ได้วิ่งหน้าตั้งออกมาแต่เป็นการวิ่งถอยหลัง และหันหน้าประชันกับ นางสาวฝน (คนก่อเหตุ) ซึ่งนางสาวฝนก็มีการพยายามเข้าไปทำร้ายฝ่ายชาย ทำให้ฝ่ายชายวิ่งหน้าตั้งหนีแบบไม่คิดชีวิต ส่วนฝ่ายหญิงก็มีการเดินตามอย่างใจเย็น

ถัดมาบริเวณหน้าลิฟต์ชั้น 3 จะเห็นว่ากล้องมุมนี้ค่อนข้างชัด โดยทางด้านของ นายทีมไทย (คนเจ็บ) ได้วิ่งหนีออกมาและมีการใช้มือข้างซ้ายกุมบริเวณลำคอไว้ ส่วนทางด้านของ นางสาวฝน (คนก่อเหตุ) ก็ได้วิ่งตามออกมาติด ๆ พร้อมกับเห็นว่าในมือนั้นได้ถือมีดออกมาด้วย

จากนั้น นายทีมไทย (คนเจ็บ) ก็ได้วิ่งหนีออกมาทางบันไดในลักษณะที่ใช้มือทั้งสองข้างกุมบาดแผลของตัวเองเอาไว้ แล้วก็ได้วิ่งมุ่งลงไปบริเวณชั้น 1 ของหอพักเพื่อขอความช่วยเหลือ ทันทีที่ลงมาชั้นล่างนายทีมไทยก็ได้วิ่งตรงเข้าไปยังห้องรับรอง แล้วก็ได้ล้มฟุบลงไปนั่งกับพื้น คนที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบไปตามคนอื่น ๆ ให้เข้ามาช่วยเหลือ

ส่วนทางด้านนางสาวฝน (คนก่อเหตุ) นั้นก็ได้วิ่งย้อนกลับมาที่ลิฟต์ด้วยท่าทีกระวนกระวาย และกดลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นบน จากนั้น 15 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ รปภ. และสายตรวจก็ได้ขึ้นลิฟต์มายังชั้น 3 เพื่อที่จะตามหาตัวนางสาวฝนแต่ก็ไม่เจอตัว กระทั่ง 15 นาทีต่อมา ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ก็ได้นำตัวนางสาวฝนลงมาจากชั้นที่ 8 โดยมีการแวะมาที่ชั้น 3 เพื่อเก็บของกลางคืออาวุธมีด และได้พาตัวนางสาวฝนออกจากหอพักไปเพื่อแจ้งข้อหาต่อไป

ขณะที่ ทางมหาวิทยาลัยได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงเรื่องดังกล่าว เผยว่า ทางฝ่ายวิชาการและกิจการนักศึกษาของคณะที่นายทีมไทย (คนเจ็บ) เรียนอยู่ ได้ดำเนินการเข้าดูแลคนเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังคงอยู่ในขั้นตอนของการติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดกับทั้งสองฝ่ายทั้งคนก่อเหตุ (ฝ่ายหญิง) และคนเจ็บ (ฝ่ายชาย) ทางคณะได้เตรียมดำเนินการประสานงานฝ่ายวินัยนักศึกษาเพื่อดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริง

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายไบร์ท (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของนายทีมไทย (ผู้บาดเจ็บ) เล่าว่า ตนนั้นเพิ่งจะรู้จักกับนายทีมไทยก็ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย เพราะเรียนในคณะและสาขาวิชาเดียวกัน ซึ่งเท่าที่เห็นนายทีมไทยก็เป็นคนสนุกสนานและดูปกติดี แต่ตนนั้นไม่เคยเห็นแฟนของนายทีมไทย รู้เพียงแค่ว่าเป็นรุ่นพี่ปี 3 ที่คบหากันมานานกว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งทราบมาว่าแฟนของนายทีมไทยนั้นเป็นคนขี้หึง ขนาดที่ว่านายทีมไทยจะกดติดตามอินสตาแกรมผู้หญิงคนอื่นที่เป็นเพื่อนก็ไม่ได้เลย แฟนเขาก็จะแสดงอาการหึงหวงตลอด

ที่ผ่านมา นายทีมไทยก็เหมือนจะพยายามขอเลิกรากับแฟนรุ่นพี่ปี 3 ส่วนสาเหตุจะมาจากอะไรตนก็ไม่ทราบ แต่ฝ่ายหญิงนั้นก็ไม่ยอมเลิก ส่วนเรื่องที่นายทีมไทยมีผู้หญิงคนใหม่ นายไบร์ท ก็บอกว่า มีจริงแต่ยังไม่ใช่แฟน เป็นเพียงแค่คนคุยกันเฉย ๆ ซึ่งทั้งสองคนก็เพิ่งจะเริ่มคุยกันหลังจากที่นายทีมไทยบอกเลิกแฟนคนเก่าแล้ว ไม่ได้เป็นการคบซ้อนหรือนอกใจอะไร เพียงแต่ฝ่ายหญิงรุ่นพี่ปี 3 ไม่ยอมเลิกราเอง

ซึ่งนายไบร์ท ก็บอกว่า รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะถึงขึ้นลงไม้ลงมือทำร้ายกันจนบาดเจ็บขนาดนี้ ตอนนี้เพื่อน ๆ ทุกคนก็คอยเอาใจช่วยนายทีมไทยให้อาการปลอดภัย ส่วนคนก่อเหตุที่เป็นรุ่นพี่ในคณะ ตนและเพื่อนในคณะก็รู้สึกหวั่น ๆ อยู่บ้างกับพฤติกรรมที่ค่อนข้างรุนแรง

ล่าสุดวันนี้ (25 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังหอพักที่เกิดเหตุ พบว่า ตัวหอพักนั้นมีจำนวน 8 ชั้น ส่วนห้องพักของผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณชั้น 3 และจุดที่ผู้บาดเจ็บได้ลงมาขอความช่วยเหลือเป็นบริเวณห้องรับรองชั้นล่างของหอพัก

ทางด้าน ผู้จัดการหอพัก ได้เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องตนก็ได้เดินทางไปยังหอพักที่เกิดเหตุทันที และก็ได้แก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดภายในห้องพักของผู้เช่า จึงถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ยืนยันว่าหอพักแห่งนี้ก็มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง การเข้า-ออกจะต้องมีคีย์การ์ด และการสแกนลายนิ้วมือทุกครั้ง ส่วนหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรกับผู้เช่าคนก่อเหตุ ก็คงต้องรอคุยกับผู้เช่าหอพักอีกครั้งว่าจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร เพราะยอมรับว่าผู้เช่าคนอื่นก็ค่อนข้างหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากท้ายที่สุดไม่มีทางออก ก็คงต้องขอให้ผู้เช่าที่ก่อเหตุย้ายออกจากหอพักไปในที่สุด