จากกรณี ที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ไปจับกุม นายอุ่นลุงอ่อง ตามหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ จ.125/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน” ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ในตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่




ซึ่งในระหว่างที่ตำรวจภาค 5 อ่านหมายจับให้นายอุ่นลุงอ่องฟัง นายอุ่นลุงอ่อง มีสีหน้าเรียบเฉย ยอมรับฟังข้อหาตามหมายจับ โดยไม่ต้องการล่ามเนื่องจากนายอุ่นลุงอ่อง พูดและฟังภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งยอมรับว่าไปก่อเหตุมา แต่อ้างในตอนแรกว่า ลูกน้องที่ร่วมก่อเหตุ หลบหนีข้ามประเทศพม่าไปแล้ว แต่ตำรวจไม่เชื่อจึงพยายามสอบถาม


จนกระทั่งนายอุ่นลุงอ่อง ยอมบอกที่ซ่อนตัวของลูกน้องที่ร่วมก่อเหตุ จากนั้นตำรวจจึงได้ขยายผลจนสามารถจับกุม นายวู่นีเลี่ยง (บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา) ได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ โดยนายอุ่นลุงอ่องทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ ขับขี่ยานพาหนะและชี้เป้าผู้ตาย โดยนายวู่นีเลี่ยงได้ใช้อาวุธค้อนทุบทำร้ายร่างกาย นายจ๋อมวัน จนเสียชีวิต และร่วมกันกับพวกอีก 2 คนที่ยังหลบหนีก็คือ 1. นายอาก้า 2. นายนีต้อ อุ้มศพนายจ๋อมวันไปทิ้งในเขต อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่




ก่อนที่เช้านี้ 10.00 น. 26 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนออกจากห้องขัง ไปสอบสวนสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป โดยในช่วง 10.30 น. ของวันนี้ เริ่มจากสอบปากคำนายอุ่นลุงอ่องก่อน ซึ่งวันนี้สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียดและเป็นกังวล เบื้องต้นยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้างว่าแค่จะไปทำร้าย ไม่ได้ตั้งใจฆ่า แต่จากพยานหลักฐาน ทั้งอาวุธ และค้อนปอนด์ที่เตรียมไว้บนรถ ตำรวจจึงไม่ปักใจเชื่อ ว่าไม่มีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า




จากนั้นจึงนำตัวนายวู่นีเลี่ยง มาสอบปากคำต่อ โดยเบื้องต้นนายวู่นีเลี่ยงให้การรับสารภาพ สำหรับปมการก่อเหตุ อ้างแค่ว่าไม่ทราบ เพราะนายอุ่นลุงอ่อง ผู้เป็นหัวหน้าบังคับตนมา โดยไปปลุกที่ห้องนอนกลางดึกคืนนั้น บอกแค่ว่าไปช่วยหน่อย มีปัญหากับนายจ๋อมวัน ตนไม่ได้ร่วมวางแผนอะไรด้วย ทำไปเพราะคำสั่งของนายอุ่นลุงอ่องเพียงเท่านั้น ด้วยตนเองเพิ่งมาอยู่ประเทศไทยได้เพียง 2 เดือน และเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ไม่รู้ภาษาไทย เจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำไปตามนั้น




ขณะที่ พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5 , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พลตำรวจตรีบุณยวัต เกิดกล่ำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน จะมาร่วมสอบปากคำ และแถลงข่าวในเวลา 13.00 น. ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่หอพักพื้นที่ ตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ และจะนำตัวผู้ต้องหาไปที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาทิ้งศพนายจ๋อมวัน ผู้เสียชีวิต




โดยชุดสืบสวนได้ทำการชาร์จผู้ต้องหาที่ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิด โดยระบุว่า มีผู้ต้องหาด้วยกัน 4 คน ซึ่งนายอุ่นลุงอ่อง (ถูกจับแล้ว) ชาวไทใหญ่ อาชีพรับเหมาก่อสร้างที่มีปัญหาทะเลาะกับนายจ๋อมวัน ได้นั่งอยู่บนรถและเป็นคนขับรถกระบะ ส่วนลูกน้อง 3 คน ประกอบด้วย นายวู่นีเลี่ยง (ถูกจับแล้ว) นายอาก้า (หลบหนีอยู่ระหว่างตามล่าตัว) และนีต้อ (ซึ่งหลบหนีอยู่ระหว่างตามล่าตัว) ทั้ง 3 คนนี้ เป็นชาวชาติพันธุ์ว้า ได้ถืออาวุธค้อนปอนด์ลงไปเปิดประตู และทุบหัวกับตีท้ายทอยนายจ๋อมวัน ก่อนลากตัวไปขึ้นรถ มัดมือทัดเท้าและทิ้งศพไว้ข้างทาง ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิจะพบว่านายอาก้าเป็นผู้เปิดประตู ส่วนวู่นีเลี่ยง คือคนที่ใช้ค้อนปอนด์ตีท้ายทอยผู้ตาย และนายนีต้อใช้ค้อนทุบหน้าผู้ตาย


ต่อมาวันนี้เวลา 13.30 น. ชุดปฏิบัติการสืบสวนภาค 5 ชุดปฏิบัติการสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ และชุดปฏิบัติการสืบสวนจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ได้แก่ นายอุ่นลุงอ่อง และ นายวู่นีเลี่ยง ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุหอพักพื้นที่ ม.10 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ไปยังจุดทิ้งศพ บริเวณป่าข้างทางโค้งสลิง เลยปากทางเข้าน้ำตกแม่สา ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยอาวุธจำลอง (ค้อนปอนด์) ที่ใช้ในการก่อเหตุ




โดยไปยังจุดเกิดเหตุจุดแรกบริเวณหอพักจะเห็นได้ว่าชาวบ้านค่อนข้างให้ความสนใจ และชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดระยะเวลาของการทำแผน ผู้ต้องหาร่วมจำลองเหตุการณ์และชี้จุด โดยนายอุ่นลุงอ่องชี้จุดจอดรถ ยอมรับว่าตนเป็นคนขับรถมาจอดหน้าหอพัก พร้อมลูกน้องอีก 3 คน ขณะนั้นตนอยู่ในรถตลอด จากนั้นลูกน้องทั้งสามคนลงจากรถไปเพื่อนำตัวนายจ๋อมวันมา


โดยนายวู่นีเลี่ยงใช้ค้อนปอนด์ทุบประตู และช่วยกันตะโกนเรียกนายจ๋อมวัน แต่เนื่องจากนายจ๋อมวันไม่เปิดจึงทุบประตูเข้าไป จากนั้นนายวู่นีเลี่ยงกับนายอาก้า และนีต้อ พยายามล็อกตัวนายจ๋อมวัน แต่เนื่องด้วยนายจ๋อมวัน พยายามขัดขืนและต่อสู้ นายวู่นีเลี่ยงจึงเผลอใช้ค้อนปอนด์ทุบไปท้ายทอยหนึ่งครั้ง จากนั้นนายจ๋อมวันหนีเข้าห้องน้ำ นายวู่นีเลี่ยงและเพื่อนอีก 2 คน จึงพยายามตามไปจับตัว ก่อนที่นายนีต้อจะเผลอทุบไปบริเวณข้างขมับของผู้ตายอีก จนนายจ๋อมวันอยู่ในอาการมึน ทรุดตัว เลือดไหลเต็มพื้น




จากนั้นจึงช่วยกันลากตัวออกมาบริเวณหน้าห้องพัก โดยช่วยกันยก 3 คน ขึ้นท้ายกระบะซึ่งขณะดำเนินการทั้งหมด นายอุ่นลุงอ่องนั่งรออยู่ในรถตลอด จากนั้นเมื่อนำตัวขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว นายอุ่นลุงอ่องก็ขับรถหนีออกมา โดยขณะนั้นนายจ๋อมวันยังไม่เสียชีวิต ทั้ง 3 คนท้ายกระบะก็ช่วยกันมัดมือมัดเท้า จากนั้นระหว่างเดินทางนายจ๋อมวันก็เสียชีวิตในที่สุด โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนั่งบริเวณท้ายกระบะไปตลอดทาง


เมื่อทำแผนจุดแรกเรียบร้อย ขณะกำลังจะนำตัวผู้ต้องหาไปขึ้นรถไปยังจุดต่อไป นายอุ่นลุงอ่อง เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต




จากนั้นทางเจ้าหน้าที่นำไปถึงจุดทำแผนจุดที่ 2 คือ บริเวณทิ้งศพ แถวโค้งสลิง เลยปากทางเข้าน้ำตกแม่สา ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยศาลพระภูมิในการก่อเหตุ โดยนายอุ่นลุงอ่องช่วยกันกับลากศพเข้าไปยังบริเวณจุดพบศพ โดยนายอุ่นลุงอ่อง เผยว่า ไม่ได้ดูลาดเลาบริเวณจุดทิ้งศพมาก่อน เลือกจุดที่มืด มันมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าตื้นลึกยังไง ตอนที่เอามาทิ้งก็มีรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านมา พอเห็นรถชาวบ้านมา จึงขับเลยจุดทิ้งรถไปก่อน แล้วกลับหัวมา


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายอุ่นลุงอ่อง และนายวู่นีเลี่ยง เดินไปยังจุดทิ่งค้อนปอนด์ ซึ่งห่างจากจุดทิ้งศพประมาณ 10 เมตร บริเวณริมป่าเยื้องฝั่งตรงข้าม โดยนายวู่นีเลี่ยงเป็นคนทิ้งค้อนปอนด์ทั้งสองอัน โยนเข้าไปบริเวณป่าข้างทาง หลังจากทิ้งค้อนทั้ง 4 คน ก็ขับรถหนีไป จากนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน กลับไปยัง สภ.ลำพูน เพื่อรอดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




ล่าสุดเมื่อเวลา 20.20 น. ทางผู้ใหญ่บ้าน ได้เรียกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยชุด ชรบ. ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มารวมตัวกันที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากคืนนี้จะมีการจัดกำลังลาดตระเวนในพื้นที่กันตลอดคืน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้าน เนื่องจากภาพวงจรปิดในหมู่บ้านใกล้เคียง พบว่า เมื่อเช้านี้ เวลา 07.21 น. ก่อนที่กำลังตำรวจจะเข้ามา นายอาก้า และนายนีต้อ มีการเดินถอดเสื้อผ่านหน้ากล้องเข้ามาในพื้นที่


ส่วนหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด เส้นทางหลบหนีจากจุดทิ้งศพตามไทม์ไลน์ ในวันที่ 22 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อจากวันที่ 21 เมษายน นายอุ่นลุงอ่องได้มีการขับรถลงจากเขา ซึ่งตามข้อมูล คนที่นั่งอยู่หลังรถคนเดียวตอนขากลับ ก็คือ นายวู่นีเลี่ยง ส่วนนายอาก้า และนายนีต้อ ผู้ร่วมก่อเหตุอีก2 คน นั่งอยู่ภายในรถกับนายอุ่นลุงอ่อง จากนั้นเมื่อนายอุ่นลุงอ่อง ขับรถพ้นเขตตำบลแม่แรม กล้องวงจรปิด 3 มุมที่ร้านกาแฟ ก็จะสามารถจับภาพรถของนายอุ่นลุงอ่อง ขับผ่านหน้าร้านเพื่อมุ่งหน้าผ่านค่ายทหารรบพิเศษ ไปยังถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่




หลังจากนั้นเมื่อนายอุ่นลุงอ่อง ขับรถผ่านค่ายทหาร ก็จะมีกล้องวงจรปิด อีก 2 มุมที่สามารถจับภาพรถของนายอุ่นลุงอ่อง ที่ขับออกมาโผล่ตรงทางเบี่ยงศูนย์การเรียนรู้ และเมื่อออกมาบนถนนหลัก ก็จะเห็นว่านายอุ่นลุงอ่อง ได้เลี้ยวรถตรงทางแยกเพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่


จนกระทั่งวงจรปิดตัวถัดไป จะเป็นภาพวงจรปิดที่เห็นรถกระบะของนายอุ่นลุงอ่อง ขับผ่านหน้ากล้องและเลี้ยวเข้ามาภายในซอยใกล้กับจุดที่ตำรวจตามไปจับกุมตัว เพื่อพาลูกน้องที่ร่วมฆ่าไปส่งที่สวนลำไยในพื้นที่ตำบลชมภู อำเภอสารภี




จากนั้นเมื่อนายอุ่นลุงอ่อง ส่งลูกน้องเสร็จแล้ว กล้องวงจรปิดที่อำเภอสารภี ก็จะเห็นว่านายอุ่นลุงอ่อง ได้มีการจอดรถแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับทางเข้าจุดจับใน อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภาพวงจรปิดที่หน้าร้านสะดวกซื้อ จะเห็นว่านายอุ่นลุงอ่อง ขับรถมาจอดและเดินลงไปซื้อของเพียงคนเดียว เนื่องจากไปส่งลูกน้องที่สวนลำไยแล้ว และจากการตรวจสอบรถของนายอุ่นลุงอ่อง ในวันก่อเหตุมีการถอดป้ายทะเบียนออก ซึ่งหลังจากเข้าไปซื้อของเสร็จแล้ว วงจรปิดคลิปต่อมาจะเห็นนายอุ่นลุงอ่อง เดินกลับออกมาขึ้นรถจากนั้นก็ขับรถไปตามเส้นทางเพื่อกลับเข้าที่พัก




ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ หลังจากตำรวจได้รับเบาะแสจากชาวบ้านว่าเห็น นายอาก้า กับนายนีต้อ 2 ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ไปเดินเข้าเดินออกระหว่างสวนลำไยของชาวบ้าน ในพื้นที่แห่งหนึ่งใน ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ทางตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 , ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยสวาท) กว่า 100 นาย จึงได้มีการนำกำลังไปปิดล้อมที่สวนลำไยดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศในการปิดล้อม ตำรวจได้กระจายกำลังเฝ้าทุกทิศทางเพื่อปิดล้อมกดดันให้ผู้ต้องหามอบตัว ซึ่งปฏิบัติหน้าการปิดล้อมล่าตัวคนร้าย ทางตำรวจมีการแบ่งกำลังกระจายตัวกันปิดล้อมด้วยการขับรถวน และยังมีตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วใช้รถมอเตอร์ไซค์ขี่กระจายกำลังแยกกันค้นหาในบริเวณรอบ ๆ พื้นที่ทั้งในสวนลำไยและบนถนนภายในหมู่บ้าน




นอกจากนี้ตำรวจยังมีการนำโดรนจับความร้อนขึ้นไปตรวจสอบจุดซ่อนตัวของผู้ต้องหา โดยตามข้อมูลผู้ต้องหาทั้งสองคนมีการวิ่งหนีตำรวจอยู่ในสวนลำไย ซึ่งสวนลำไยที่ตำรวจไปล้อม เป็นพื้นที่สวนลำไยกว่า 100 ไร่


ต่อมาเมื่อเวลา 15.08 น. มีตำรวจของภาค 5 หนึ่งนายที่เดินลาดตระเวนอยู่ ได้เดินไปป๊ะหน้ากับคนร้ายภายในสวนลำไย ซึ่งตามรายงานตำรวจพบได้พยายามตะโกนบอกให้คนร้ายหยุด แต่คนร้ายวิ่งหนี ทางตำรวจชุดสืบจึงวิทยุแจ้งกำลังเสริมให้ไปปิดล้อมทั่วบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะมีภาพนาทีที่ตำรวจทุกหน่วยทั้งชุดสืบและหน่วยสวาท พยายามวิ่งเข้าไปปิดล้อม แต่คนร้ายวิ่งหนีเข้าไปกลางป่าสวนลำไย ซึ่งตามข้อมูลพบว่ามีคนร้ายหนึ่งคน ที่มีอาการบาดเจ็บที่ขา ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใครที่มีอาการบาดเจ็บระหว่างนายนีต้อ กับนายอาก้า




จากนั้นในขณะที่ตำรวจกระจายกำลังปิดล้อม ตำรวจอีกชุดจึงมีการนำโดรนจับความร้อน จำนวน 2 ตัวขึ้นบินค้นหาในพื้นที่ป่ารกทึบ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้าง ทีมข่าวจึงนำโดรนขึ้นไปบินช่วยค้นหา แต่ก็ไม่พบ ซึ่งตามภาพมุมสูงจะเห็นว่าตำรวจทุกหน่วยทำงานกันอย่างหนัก เนื่องจากมีตำรวจบางนาย ต้องเสียสละไปเดินเลาะตามป่า ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในที่มีการปิดล้อมจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองราย




กระทั่งเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา หลังจากตำรวจยังจับกุมตัว นายอาก้าและนายนีต้อไม่ได้ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 และหมู่ 6 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบรอยต่อพื้นที่ ที่คนร้ายหนีเข้ามาได้มีการประชาสัมพันธ์เป็นเสียงตามสายให้ชาวบ้านทั้งสองพื้นที่ ปิดประตูล็อกบ้านและอย่าเสียบกุญแจรถทิ้งไว้ โดยหากใครพบเห็นคนร้ายให้รีบแจ้งมายังผู้นำหมู่บ้าน และให้ดูแลตัวเองให้ดีในคืนนี้ เนื่องจากคนร้ายอาจจะย่องออกจากป่ามาหาของกินตามบ้านคนที่อยู่ภายในสวน หรืออยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน เนื่องจากตามข้อมูลคนร้ายทั้งสองคน ไม่ได้กินอาหารมาทั้งวัน เพราะถูกตำรวจตามไล่ล่าตัว

 

ช่อง 8 ที่แรก! เปิดหลักฐานทิ้งศพข้ามจังหวัด 2 ใน 4 ไทใหญ่ ซัดถูกสั่งให้ฆ่า จ๋อมวัน