"บิ๊กต่าย" แจงตั้ง "สราวุฒิ" ใกล้เกษียณสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" หากไม่ทันเตรียมใช้แผน 2 ส่วน

พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่จะมีการประชุมข้าราชการตำรวจช่วงบ่ายวันนี้ ว่าจะมีการนำประเด็นเรื่องร้องเรียนของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าที่ประชุมด้วยหรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่าเรื่องนี้เป็นวาระที่ฝ่ายเลขานุการได้กำหนดไว้คิดว่าเป็นเรื่องของการประชุม ตนคงไม่ออกมาเปิดเผยอะไร และถ้ามีการเสนอวาระก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ตนคงไม่ได้เข้าพิจารณาด้วย

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ ส่วนตัวยืนยันว่าไม่กังวลและยังมั่นใจว่าในฐานะรักษาราชการแทนก็ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ โดยถอยหลังกลับไปก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริการโดยกองวินัยได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนรายงานต้องคดีของบิ๊กโจ๊ก และเสนอความเห็นให้ตนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 ส่วนเรื่องร้องเรียนตอนนี้มีกี่เรื่องตนยังไม่ทราบ

ส่วนความคืบหน้าคดีของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง บิ๊กต่ายบอกว่าตอนนี้ตนได้สอบถามความคืบหน้าจาก พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่ ได่รับทราบเพียงเท่านี้

ส่วนกรณีที่ พลตำรวจเอกสราวุฒิ การพาณิชย์ รอง ผบ.ตร.ระบุว่าบิ๊กต่ายมีอำนาจในการพิจารณาเปลี่ยนตัวหนึ่งในคณะกรรมการที่มีข้อขัดแย้งกับบิ๊กโจ๊ก ประเด็นนี้บิ๊กต่ายบอกว่าตนได้รับทราบแล้วว่าบิ๊กโจ๊กมีหนังสือยื่นคัดค้านในเรื่องคณะกรรมการบางท่าน ตนยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิ์โดยถูกต้องและชอบธรรมของบิ๊กโจ๊ก เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร. แต่ขั้นตอนต่อไปตนได้สั่งการให้กองวินัยไปพิจารณาและเสนอความเห็นว่าคณะกรรมการท่านใดขัดต่อคุณสมบัติที่บิ๊กโจ๊กได้ยื่นคัดค้านไปหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติและเป็นไปตามที่บิ๊กโจ๊กได้ยื่นคัดค้านก็จะต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเพื่อไม่ให้เป็นกรรมการ ถือว่าเป็นกระบวนการให้ความเป็นธรรมและเป็นการถ่วงดุลระหว่างคณะกรรมการกับผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าฝ่ายวินัยพิจารณาแล้วเห็นว่าคณะกรรมการในจำนวนที่บิ๊กโจ๊กได้คัดค้านไม่ขัดต่อคุณสมบัติที่กฎ ก.ตร. กำหนดไว้ คณะกรรมการก็จะดำเนินการสอบสวนพิจารณาทางวินัยต่อไป

ส่วนได้วางกรอบระยะเวลาไว้หรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่าตนไม่ได้วางกรอบระยะเวลาไว้ เพราะคณะกรรมการสอบสวนมีกรอบเวลาตามที่กำหนดไว้ตามกรอบ กฎ ก.ตร.อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ตำรวจพลเอกสราวุฒิ ในฐานะประธานฯ จะสอบสวนพิจารณาตามพยานหลักฐานการประชุม และเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพลตำรวจเอกสราวุฒิที่จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้อยู่แล้ว

ส่วนจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนที่พลตำรวจเอกสราวุฒิจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่าเรื่องกรอบระยะเวลาเป็นเรื่องภายใน รวมถึงเรื่องการขยายเวลาด้วย พลตำรวจเอกสราวุฒิอาจจะสอบสวนแล้วเสร็จก่อนเกษียณอายุก็ได้ หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนเป็นระยะเวลานานก็ได้ เมื่อถามว่าทำไมถึงแต่งตั้งพลตำรวจเอกสราวุฒิเป็นประธานฯ เป็นเพราะพลตำรวจเอกสราวุฒิอยู่ในจุดที่ทำให้ข้าราชการตำรวจและสังคม ซึ่งอยู่ในจุดที่มีความเป็นกลางที่สุดแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมระหว่างข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา จึงได้มอบหมายและสั่งการออกมาเป็นคำสั่งให้พลตำรวจเอกสราวุฒิเป็นประธานฯ ในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่าเพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา และขออย่าใช้คำว่าตกใจ เพราะเป็นข้าราชการตำรวจก็ต้องมีหน้าที่รับภารกิจต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่พลตำรวจเอกสราวุฒิไม่มั่นใจว่าจะเสร็จทันก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ ตนมองว่าไม่มีคำว่ามั่นใจ เพราะเป็นเรื่องที่ประธานและคณะกรรมการต้องพิจารณาตามขั้นตอนหรือกระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.และกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้จบก่อนที่พลตำรวจเอกสราวุฒิจะเกษียณอายุราชการหรือไม่ พี่ต่ายบอกว่าไม่มีความคิดว่าจะจบก่อนฃหรือไม่จบก่อน ขอให้เป็นการดำเนินการของคณะกรรมการ เป็นไปตามบทบาทและกระบวนการขั้นตอน ตนยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด จะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานและการประชุมของคณะกรรมการ

ส่วนได้วางแผนสองรองรับในกรณีที่สอบสวนไม่แล้วเสร็จก่อนพลตำรวจเอกสราวุฒิจะเกษียณอายุ
หรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่า เรื่องนี้พลตำรวจเอกสราวุฒิจะต้องทำงานไปตามหน้าที่ในฐานะประธานกำกับเรื่องการพิจารณาไปตามกระบวนการ แต่ถ้าไม่แล้วเสร็จก็ต้องไปดูในวันที่เกษียณว่ายังเหลือรอง ผบ.ตร.ท่านใดบ้าง แต่ก็ยังยึดหลักความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาเสมอ รวมถึงต้องพิจารณาไปตามกฏหมายและระเบียบ ก.ตร.ที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่า รอง ผบ.ตร.คนต่อไปที่จะต้องมารับช่วงต่อจากพลตำรวจเอกสราวุฒิ จะเป็นจเรตำรวจแห่งชาติหรือไม่ บิ๊กต่ายบอกว่าต้องไปดูวันนั้น เพราะตนก็ยังไม่รู้ว่าใครจะถูกเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.และใครจะได้รับมอบหมายงานอะไร เมื่อยังไม่ทราบก็ยังไม่ได้คิดถึงวันนั้น เพราะตนก็ไม่รู้ว่าวันหน้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า ขอให้ไปดูวันนั้นดีกว่า

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เชิญตนไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่ายังไม่ทราบกระแสข่าว ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ เพราะตนอยู่ในฐานะรองประธานและกรรมการด้วย

ส่วนที่มีประเด็นว่าจะมีการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.โดยการดึงผู้ช่วยฯ ผบ.ตร.ขึ้นมา ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มี ตอนนี้เป็นนายพลที่จะเกษียณอายุราชการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งใช้ข้อกำหนด ก.ตร.ปี 2566 ผ่านมติเห็นชอบเพื่อนำมาใช้ และยืนยันว่าไม่มีนายพลที่จะมอบหมายให้เป็นพลเอก

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร้องเรียนว่าถูกทำร้ายร่างกาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนยังไม่ทราบ แต่หากเกิดขึ้นจริงก็มีหลายช่องทางที่จะติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ร้องเรียนตามระบบต่อผู้บังคับบัญชาของ ตร. ก็ได้ แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการสอบสวนประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. โดยทางด้าน พล.ต.อ.วินัย ระบุว่าสั้น ๆ เพียงว่ายังไม่ได้มาร้อง รอถามในการแถลงข่าวอีกครั้ง