จากกรณีเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผบก.ภ.จว.ระนอง รับรายงานการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากศพชายปริศนา อายุประมาณ 40-50 ปี ที่ถูกฆาตกรรมทิ้งน้ำ มีร่องรอยบาดแผลถูกฟันคอและตามร่างกายหลายแผลจนไส้ทะลัก โดยศพได้ลอยขึ้นอืด ปากคลองลัด ริมแม่น้ำกระบุรี ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา
ก่อนนำมาชันสูตร และเก็บรักษาศพที่ฝ่ายนิติเวช รพ.ระนอง จนมีญาติแจ้งบุคคลสูญหายที่ สภ.กระบุรี เมื่อเช้าที่ผ่านมา และมายืนยันว่าศพคือ นายจิรเดช อายุ 46 ปี ซึ่งได้หายไปจากบ้านพักคนงาน ของบ่อเลี้ยงปลา ม.5 ต.ลำเลียง อ.กระบุรี จ.ระนอง จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วัฒนา เบ้าศรี ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระนอง พร้อมชุดสืบจังหวัดระนอง สนธิกำลังร่วม สภ.บางแก้ว เข้าทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายทันที
เบื้องต้นปมเหตุการฆ่าอำพรางครั้งนี้ เริ่มจากนายจิรเดช ผู้ตาย ได้หมั้นหมายกับสาวคนหนึ่งชื่อว่า มัลลิกา (นามสมมติ) จากนั้นฝ่ายหญิงได้หนีกลับมาอยู่กับพ่อ คือ นายจอ ชาวเมียนมาหนึ่งในกลุ่มก่อเหตุ ทพให้ผู้ตายจึงต้องมาตามเมียที่บ้านนายจอ ซึ่งจังหวะนั้นที่บ้านนายจอกำลังนั่งกินเหล้ากันอยู่กับนายปริญญา ผู้ก่อเหตุฆ่า โดยอ้างว่าได้ไล่ให้ผู้ตายกลับแต่ผู้ตายไม่ยอมกลับ ก่อนจะเอาขวานฟันคอ
ขณะที่ข้อมูลอีกมุมหนึ่ง เผยว่า ปมฆ่าเกิดจากเรื่องรักสามเส้าสี่เส้า ทว่าทางญาติผู้ตายได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวแล้ว โดยตอนเกิดเหตุนายจอซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่ในอาการตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงได้ไปเรียกลูกมาคือ ฉัตรชัย และลูกน้องอีกคนคือ นายอ่าว พิว ให้ช่วยขนศพไปทิ้งจนกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด จนถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าและอำพรางศพ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จพนำตัวไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วน มัลลิกา (นามสมมติ) เบื้องต้นพบว่า ได้หนีไปอยู่กับแฟนหนุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นคู่รักอยู่แล้ว
ล่าสุด (1 พฤษภาคม 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายัง สภ.บางแก้ว จ.ระนอง เพื่อติดตามความคืบหน้าของดังกล่าว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บางแก้ว ได้มีการคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ นายปริญญา (ชาวไทย) นายฉัตรชัย (ชาวเมียนมา) นายจอ (พ่อนายชูวิทย์ ชาวเมียนมา) นายอ่าว พิว (ชาวเมียนมา) ซึ่งชาวเมียนมาทั้งหมดเป็นลูกน้องนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ มาสอบสวนพฤติการณ์ในการก่อเหตุและเพื่อแจ้งข้อหาต่อไป
ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาทางด้านของเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายปริญญา และนายอ่าว พิว มาสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว โดยนายปริญายอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงก่อเหตุและเป็นเคลื่อนย้ายศพไปอำพรางด้วย ด้านนายอ่าว พิว ซึ่งเป็นลูกน้อง เป็นคนช่วยเคลื่อนย้ายศพไปอำพรางอย่างเดียว ส่วนช่วงเช้าของวันนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจอ และนายฉัตรชัย 2 พ่อลูกชาวเมียนมา มาสอบปากคำต่อไป ว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการลงมือสังหารนายอย่างไร โดยทั้งคู่ก็ยอมรับสารภาพเช่นกันว่าเป็นคนเคลื่อนย้ายศพไปอำพรางอย่างเดียว
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอ่าว พิว ออกจากห้องขังมาสอบปากคำเพิ่มเติมในห้องสอบสวน ซึ่งทางทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสสอบถามนายอ่าว พิว ว่าตัวเองมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุอย่างไร โดยนายอ่าว พิว ก็ตอบสั้น ๆ ว่า “ไม่ได้ลงมือฆ่า แค่ยกศพไปทิ้ง” ก่อนจะเข้าไปในห้องสอบสวน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายปริญญา ถึงตอนฆ่า นายปริญญาตอบว่า ตนบอกให้ผู้ตายกลับบ้านได้แล้ว มันดึกแล้ว นายหัว (เจ้าของสวนยาง) ไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามามั่ว ๆ เพราะเดี๋ยวนายหัวโทร. มาแล้วตนจะเดือดร้อน แต่ผู้ตายตอบโต้กลับว่า "กูคนนอกตรงไหนว้า" และเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา แกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทร. หาใครไม่รู้ ตนเลยโมโหจึงใช้ขวานฟันเลย ซึ่งผู้ตายทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วและมาวันนี้ก็ไม่ยอมฟัง
ส่วนนายฉัตรชัย กล่าวว่า ตนมาถึงศพตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว แล้วสั่งให้ตนแบกไปและห้ามบอกใคร ตนเลยต้องแบกไป โดยนายปริญญา กล่าวเสริมว่า "มึงแบกไป เดี๋ยวมีอะไรกูช่วยเอง" นายฉัตรชัยกล่าวว่าตนรู้สึกกลัวจึงจำเป็นต้องแบกไป โดยมีนายอ่าว พิว เพื่อนที่เดินมาส่งตนที่บ้าน เพราะตอนแรกตนไม่กล้าเข้ามา โดยศพของผู้เสียชีวิตได้มีการมัดมือมัดเท้าไว้แล้ว ให้ตนแบกออกมาจากจุดเกิดเหตุอย่างเดียว พร้อมชี้ชนวนเหตุว่า ทั้งคู่น่าจะแย่งพี่สาวของตนกัน คนตายก็รักพี่สาวตน และนายปริญญาก็รักพี่สาวตนเช่นกัน ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องชู้สาวจนทำให้ขัดใจกัน ส่วนเรื่องอื่นตนไม่รู้
ถัดมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ทำการตรวจดีเอ็นเอ ผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนและตรวจพยานหลักฐานต่าง ๆ เรียบร้อย ทางเจ้าหน้าตำรวจจึงได้นำตัวนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ ออกจากห้องสอบสวนเพื่อกลับไปยังห้องขัง ทำให้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหากลับห้องขัง ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสสอบถามพฤติการณ์กับนายปริญญา ผู้ก่อเหตุอีกครั้ง โดยในครั้งนี้นายปริญญา ได้มีการบอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า “ไม่เกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิง แต่เป็นเรื่องของปัญหาส่วนตัว” ก่อนจะเข้าขังไป
จากนั้นทางญาติ ๆ ของนายจิรเดช ผู้ตาย ที่วันนี้เดินทางมาดูหน้าของผู้ก่อเหตุที่ฆ่านายจิรเดช อย่างอำมหิต ได้ขอร้องกับทางตำรวจว่าพวกตนนั้นเดินทางมาจากหลายพื้นที่ทั้งตัวเมืองระนองและกทม. และงานศพ ผู้ก่อเหตุก็คงไม่มีโอกาสไปขอขมา จึงอยากจะให้ผู้ก่อเหตุ ขอขมาญาติที่มารวมกันแล้ววันนี้เลย ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจนำตัวนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ ออกมาพูดคุยกับญาติๆของนายจิรเดชผ่านห้องกรงขัง ซึ่งทางญาติ ๆ เองก็รวมตัวกันถามนายจิรเดช ว่าใจทำด้วยอะไรทำไมถึงโหดร้ายเช่นนี้ ทำไมต้องฟันคอและผ่าท้องนายจิรเดช แล้วโยนทิ้งป่าชายเลนด้วย ถ้าเป็นญาติตัวเองโดนกระทำแบบนี้จะรู้สึกยังไง คนตายยังไม่ได้บอกลาลูกลาญาติสักคำ
และเมื่อญาติ ๆ ถามนายปริญญาจบแล้ว ก็ถึงคิวของนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ ได้พูดชี้แจงในส่วนของตัวเองบ้าง โดยนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ มีสีหน้าแววตาที่ตึงเครียดและก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าญาติ ก่อนจะบอกกล่าวกับทางญาติว่า ตนเองผู้คือผู้ดูแลสวนยางให้กับเจ้าของสวน ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าของสวน ได้มีการกำชับกับทางตนเอาไว้ว่า อย่าให้คนนอกเข้ามาที่สวนยางเป็นอันขาด แต่ทางนายจิรเดช ผู้ตาย ซึ่งเป็นแฟนกับลูกสาว ของนายจอ ที่เป็นลูกน้องชาวเมียนมาของตน และถือว่าเป็นคนนอก ได้เดินทางมาหานายจอ และมักจะมากินดื่มอยู่กับนายจอและนายฉัตรชัย ลูกชาย จนดึกดื่นอยูเป็นประจำที่สวนยางดังกล่าวที่ตนดูแลอยู่ ทำให้ตนเริ่มไม่พอใจที่นายจิรเดช ไม่ยอมฟังคำขอที่เคยขอไปเลย ทำให้เมื่อวันที่ 24-25 เม.ย. ที่ผ่านมา จำวันแน่นอนไม่ได้ นายจิรเดช คนตาย ก็ยังคงมาดื่มกินกับนายจอ และนายฉัตรชัย ลูกชายจนดึกดื่นเหมือนเดิมไม่ยอมกลับบ้านเสียที ประกอบกับในวันดังกล่าวทางตนก็มีการกินดื่มกับนายจิรเดช คนตาย และนายจอ รวมไปถึงนายฉัตรชัย ผู้ร่วมก่อเหตุ และลูกน้องในสวนยางคนอื่น ๆ ด้วย
จนกระทั่งเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตนก็บอกกับนายจิเดชว่า ตอนนี้ดึกมากขอให้กับบ้านได้แล้ว ตนในฐานะคนดูแลสวน ไม่อยากให้เจ้าของสวนรู้ว่าตัวเองบกพร่องนำคนนอกเข้ามาในสวน แต่ทางนายจิรเดช คนตาย ไม่ยอมฟัง ก็ยังคงนั่งดื่มไม่รู้ร้อนรู้หนาว นั้นจึงทำให้ตนนั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้เนื่องจากความเมา จึงขวานมาฟันไปหัวและตัวไม่คิดชีวิต จนนายจิรเดช เสียชีวิตคาที่ ก่อนที่ตนเองจะสั่งให้นายจอ นายฉัตรชัย และนายอ่าว พิว แรงงานชาวเมียนมา ลูกน้องตนในสวนยาง มัดมือมัดเท้านายจิรเดช และผูกกับไม้ท่อนยาวจำนวน 2 ท่อน แบกหัวท้ายนายปริญญา คนตาย ฝั่งละ 2 คน นำศพของนายจิรเดช ไปโยนทิ้งริมป่าชายเลน ห่างจากจุดที่นั่งกินดื่มกันประมาณ 500 เมตร จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่ตนผ่าท้องนายจิรเดช และผ่าเอาอวัยวะออกทั้งหมด เรื่องนี้ตนจำความไม่ได้และคงทำไปขาดสติ และขอยืนยันว่าตนเองเป็นคนฆ่านายจิรเดช เพียงคนเดียว ลูกน้องคนอื่นตนใช้ให้แบกศพนายจิรเดช คนตาย ไปทิ้งเท่านั้น อีกทั้งเรื่องชู้สาวก็ยืนยันว่าการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนรู้เพียงว่านายจิรเดช คนตาย กับนายจอ ลูกน้องตนสนิทกันเพราะนายจอ ยกลูกสาวตัวเองให้นายจิรเดช คนตายเท่านั้น
และเมื่อชี้แจงพฤติการณ์ในการก่อเหตุให้กับญาติ ๆ ของนายจิรเดช คนตาย ได้รับทราบแล้ว ในที่สุดนายปริญญา ก็ก้มกราบพื้น เพื่อขมากับเรื่องที่ตนเองก่อขึ้นในครั้งนี้ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ที่ยืนประกบข้างนายปริญญา ผู้ก่อเหตุอยู่ จะนำตัวนายปริญญา ผู้ก่อเหตุ เข้าไปกรงขังชั้นในต่อไป
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้พาทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางขนาดใหญ่ โดยจุดเกิดเหตุจุดแรกอยู่ในขนำ ซึ่งมีการกั้นเยลโล่ไลน์ ของทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้า และภายในขนำยังคงมีแก้วและขวดเบียร์ ที่ทางเจ้าหน้าที่นำมาตั้งไว้เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากให้ผู้ก่อเหตุจำลองว่าตนเองนั่งดื่มกันบริเวณไหน อีกทั้งในขนำดังกล่าวก็ยังเป็นจุดที่นายปริญญาใช้ขวานฟันนายจิรเดช จนเสียชีวิต และให้ลูกน้องชาวเมียนมาอีก 3 คน ใช้ท่อนไม้ขนาดยาว ที่อยู่ข้างขนำจำนวน 2 ท่อน ผูกศพนายจิรเดช แล้วเดินไปตามทางสวนยาง ระยะประมาณ 500 เมตร จนไปถึงบริเวณป่าชายเลนที่อยู่ในสวนยางดังกล่าว และผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน จะนำไม้ออกและทิ้งร่างนายจิรเดช ลงป่าชายเลน เพื่อไหลออกลงสู่ทะเล
โดยต่อมา ส.ต.ท.กิตติพงศ์ เพ็งทิพย์นาง ผบ.หมู่สภ.บางแก้ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่พาทีมข่าวช่อง 8 มาดูจุดเกิดเหตุ ได้บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าจากการพูดกับทางผู้ก่อเหตุทั้งหมด ทั้งหมดนั้นไม่สามารถตอบได้ว่าได้ลงมือสังหารนายจริเดช วันไหน แต่จำได้เพียงว่าก่อเหตุช่วงประมาณเที่ยงคืน และนำศพมาถึงมาถึงที่บริเวณป่าชายเลน ที่อยู่ภายในสวนยางที่ทั้งหมดดูแลอยู่ โดยนำส่งไฝมาทิ้งตรงนี้เพื่อหวังให้กระแสน้ำพัดศพลอยไปและจะไม่มีใครเจออีกเลย แต่ในที่สุดศพของนายจิรเดช ดันไปเกยตื้นอยู่อีกจุดหนึ่ง จนเมื่อญาติมาตรวจสอบและว่าคนตายคือใคร ทำให้ทางชุดสืบสวนจึงประกอบเรื่องราวและตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย จนในไปสู่การรับสารภาพในที่สุด