จากกรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา คุณแม่ท่านหนึ่งได้ส่งคลิปวงจรปิด มาร้องขอความช่วยเหลือกับทางคุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งภาพวงจรปิดเป็นภาพเหตุการณ์ที่ลูกชาย ชื่อ น้องโอม (นามสมมติ) เรียนอยู่วิศวะปี 3 ได้ถูกคู่กรณีชื่อว่า นายภูมิ (นามสมมติ) ซึ่งใช้นามสกุลเดียวกันกับบิ๊กทหารท่านหนึ่ง กระทืบที่ข้างถนนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็เงียบหายไป
ล่าสุด (2 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หน้าถนนใกล้กับสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง บนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งภาพวงจรปิด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย. เวลา 02.29 น. โดยตามข้อมูลน้องโอม ผู้บาดเจ็บไปทำงานเสริมที่สถานบันเทิงดังกล่าว ส่วนแฟนสาวของน้องโอม ชื่อว่าน้องใบเฟิร์น (นามสมมติ) ไปเที่ยวกับเพื่อนชื่อว่าน้องเอ๋ (นามสมมติ) จากนั้นเมื่อสถานบันเทิงปิด น้องใบเฟิร์นกับเพื่อนจึงมีการนั่งรอน้องโอม ผู้บาดเจ็บที่หน้าร้านเพื่อจะเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
แต่ปรากฏว่าระหว่างที่รออยู่ จู่ ๆ นายภูมิ ผู้ก่อเหตุ ได้มีการพยายามดึงน้องเอ๋ เพื่อนของน้องใบเฟิร์น ไปขึ้นรถ ซึ่งเมื่อน้องใบเฟิร์นเห็นท่าไม่ดี จึงมีการเดินไปตามน้องโอมให้มาช่วยไกล่เกลี่ย แต่พอน้องโอม เดินมาถึงดันถูกนายภูมิ ผู้ก่อเหตุ ต่อยจนล้มลงกับพื้นและก็ถูกนายภูมิ ต่อยซ้ำอีกในขณะที่นอนอยู่กับพื้น ซึ่งนายภูมิ ผู้ก่อเหตุยังมีการผลักผู้หญิงทั้งสองคนที่เข้าไปห้าม
ส่วนคลิปที่ 2 จะเห็นว่า นายภูมิ ผู้ก่อเหตุ ก็ยังไม่หยุดคลั่ง ซึ่งเจ้าตัวมีการพยายามจะหาเรื่อง นายต้น (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพนักงานในสถานบันเทิงที่เข้ามาห้าม จนทาง รปภ. ที่ดูแลสถานที่ใกล้เคียงต้องเข้ามาช่วยห้าม และวงจรปิดคลิปที่ 3 จะเห็นว่า ในขณะที่นายต้นและกลุ่มของแฟนผู้บาดเจ็บ พยายามที่ช่วยกันปฐมพยาบาลให้กับนายโอม จู่ ๆ นายภูมิ ผู้ก่อเหตุ ก็เดินมาตบที่หัว
จากนั้นคลิปที่ 4 จะเห็นว่าในขณะที่นายต้น กำลังโทรศัพท์ไปตามคนในร้านให้มาช่วย จู่ ๆ นายภูมิ คนก่อเหตุ ก็เดินเข้ามาสาวหมัดใส่นายต้นจนล้มไปชุลมุนกันอยู่ที่พื้น ซึ่งภาพที่เห็นทาง รปภ. และผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พยายามเข้าไปห้าม
ส่วนวงจรปิดคลิปต่อมา จะเห็นว่าในขณะที่ชุลมุนกันอยู่ นายโอม ผู้บาดเจ็บก็ยังนอนอยู่ที่พื้น และจะเห็นว่าช่วงที่นายภูมิ ชุลมุนอยู่กับนายต้น ก็จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าดึงตัวผู้ก่อเหตุออกมา และคลิปถัดไปก็จะเห็นว่า พนักงานในร้านมีการเดินออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวนายภูมิ ผู้ก่อเหตุไปที่โรงพัก
วันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับน้องโอม (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่า น้องโอม ยังมีอาการบาดเจ็บแก้มบวม และทางคุณหมอได้มีการผูกฟันเอาไว้เพื่อไม่ให้กรามขยับจนกว่าแผลจะหาย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องโอม เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเพื่อหารายได้เสริม ในช่วงปิดเทอม ส่วนแฟนกับเพื่อนแฟนไปเที่ยวที่ร้านที่ตนเองทำงานอยู่
กระทั่งในขณะที่ร้านปิด ทางแฟนตนกับเพื่อนจึงมีการไปยืนรอตนที่ข้างถนน เพื่อจะกลับที่พักพร้อมกัน แต่ปรากฏว่าในขณะที่ตนเองเดินไปถึง ก็พบว่าเพื่อนของแฟนกำลังมีปัญหากับนายภูมิ ผู้ก่อเหตุอยู่ เนื่องจากนายภูมิ พยายามจะดึงเพื่อนของแฟนไปขึ้นรถ จากนั้นเมื่อตนเองเดินไปถึงตัวนายภูมิ ตนเองไม่ได้ยินว่าแฟนพูดอะไรกับนายภูมิ กระทั่งนายภูมิเดินมาต่อยที่ใบหน้าของตนเองจนล้มไปนอนกับพื้น ซึ่งตอนที่ล้มลงไปกับพื้น ตนเองไม่ได้สติแล้วเพราะสลบตั้งแต่โดนหมัดแรก และก็ไม่รู้ว่าถูกต่อยซ้ำอีกกี่ครั้ง โดยมารู้สึกตัวอีกทีว่าบาดเจ็บสาหัส ก็ตอนที่ฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลแล้ว มารู้ว่าหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง ซึ่งอาการบาดเจ็บทางหมอแจ้งว่า กรามหัก ต้องนอนพักรักษาตัว 1 เดือน
ส่วนเรื่องคดี หลังเกิดเหตุแฟนเป็นคนไปแจ้งความ ซึ่งตอนที่ไปแจ้งความ นายภูมิ คนก่อเหตุก็อยู่ที่โรงพัก และบอกกับแฟนว่า เดี๋ยวจะจ้างทนายให้มาจัดการเรื่องคดี จากนั้นผ่านไป 1 วัน วันที่ 22 เมษายน นายภูมิก็พยามโทรศัพท์มาหาแฟนตน โดยสอบถามอาการและบอกว่าจะมาเยี่ยมตนเอง แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้มาเยี่ยม
ส่วนประเด็น เรื่องนามสกุลดังของนายภูมิ ผู้ก่อเหตุ จริง ๆ ตนเองกับแฟนไม่รู้เลยว่าเขานามสกุลดังยังไง แต่วันที่ไปแจ้งความ ตำรวจที่รับแจ้งแซวกับแฟนว่า มีเรื่องกับคนนามสกุลดังนะเนี่ย ภายหลังถึงมารู้ว่านายภูมิ ใช้นามสกุลเดียวกันนายทหารระดับสูง และคนมีชื่อเสียงอีกหลายคน ยอมรับว่ากังวลแต่ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองกับแฟนไม่เคยรู้จักกับนายภูมิ และตนเองก็ไม่ใช่คนเกเรที่จะไปหาเรื่องใครก่อน ถ้าหากนายภูมิฟังอยู่ไม่ต้องมาขอโทษ แต่อยากจะให้มาดูแลค่ารักษาให้แค่นั้นเอง
ขณะเดียวกันในมุมของคนก่อเหตุ วันนี้ทีมข่าวพยายามนัดไปสัมภาษณ์แล้ว แต่เจ้าตัวไม่สะดวกให้ไปพบ โดยนายภูมิ คนก่อเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวทางโทรศัพท์ว่า วันเกิดเหตุตนเองยอมรับว่า เข้าไปเที่ยวที่สถานบันเทิงที่ผู้บาดเจ็บทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ซึ่งก่อนเกิดเหตุในขณะที่เที่ยวอยู่ในร้าน ตนเองมีการเข้าไปชนแก้วและทำความรู้จักกับกลุ่มแฟนของผู้บาดเจ็บจริง ซึ่งยืนยันว่าไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงกลุ่มนั้นเป็นแฟนกับผู้บาดเจ็บ
จนกระทั่งเมื่อร้านปิด ตนเองก็มีการเดินออกมาคุยกับกลุ่มผู้หญิงต่อที่หน้าร้าน และจู่ ๆ ผู้บาดเจ็บก็วิ่งเข้ามาดึงแขนผู้หญิง ซึ่งด้วยความที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรกัน ก็เลยสาวหมัดต่อยผู้บาดเจ็บไปหลายครั้ง จำไม่ได้ว่าต่อยไปกี่ครั้งเพราะตอนนั้นเมา และก็ไม่รู้ว่าเขาหลับตั้งแต่หมัดแรก และเท่าที่จำได้น้องคนเจ็บมันก็เมากันทุกคน
ส่วนภาพวงจรปิดที่ตนเองไปต่อยนายต้น ยอมรับว่าต่อยจริง แต่ตนเองรู้จักกับนายต้นเพราะตนเองเป็นลูกค้าประจำ และหลังเกิดเหตุก็เคลียร์กับนายต้นเรียบร้อยแล้ว แต่ตนไม่รู้จักกับนายโอม ผู้บาดเจ็บ เพราะเขาเพิ่งจะเข้ามาทำงานที่ร้าน ส่วนประเด็นเรื่องของนามสกุลดัง ยืนยันวันที่ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพัก ตนเองไม่ได้เบ่งกับตำรวจว่าเป็นคนนามสกุลดัง และทุกครั้งที่ไปเที่ยวก็ไม่เคยเบ่งกับใครเช่นเดียวกัน ซึ่งตนเองยืนยันว่า เป็นคนพูดจาดี และถ้าหากวันเกิดเหตุนายโอม เข้ามาพูดด้วยดี ๆ ก็คงไม่มีเรื่องกัน
ส่วนประเด็นที่ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตนเองไม่เคยติดต่อไปหา ยืนยันว่าหลังเกิดเหตุตนเองพยายามติดต่อกับแฟนเขาแล้ว ว่าจะขอไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แต่แฟนเขาแจ้งกลับมาว่านายโอมยังพูดคุยไม่ได้ ก็เลยรอให้เขาแจ้งมาว่าอาการเป็นยังไง และก็จะไปเยี่ยมในวันที่เขาติดต่อกลับมา ซึ่งวันนี้ถ้าหากน้องผู้บาดเจ็บพูดได้แล้ว ตนเองก็จะหาทางไปเยี่ยมและไปพูดคุยกับทางครอบครัวของน้อง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าทำรุนแรงกับน้องจริง ๆ และอยากขอโทษกับครอบครัวของน้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนประเด็นนักกล้าม ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นนักกล้าม แต่เคยทำอาชีพเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส