ชุดสืบจับกุม "บอส" อดีตตำรวจ ร่วมแก๊งบุกโรงแรม อุ้ม 5 ชาวจีน รีดทรัพย์ 2.5 ล้านบาท
ความคืบหน้ากรณีชายฉกรรจ์ 3 ราย บุกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยประชาสงเคราะห์ 2 หรือซอยสุทธิพร แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่ออุ้มชาวจีน 5 รายออกจากห้องพัก โดยสมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะรีดไถเงินคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 ล้านบาท ก่อนปล่อยตัวผู้เสียหายนั้น
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล และ สน.ดินแดง ได้ควบคุมตัว นายอรรถวุฒิ สุมนรัตนกุล หรือ "บอส" อดีตตำรวจยศ ด.ต. ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.คันนายาว เพิ่งถูกออกจากราชการเมื่อปีที่แล้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดฐาน "ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย" ในคดีร่วมกันอุ้มชาวจีน 5 ราย จากโรงแรมในซอยประชาสงเคราะห์ 2 ไปรีดไถเงินจำนวน 2.5 ล้านบาท ไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนที่ห้องสืบสวน สน.ดินแดง
โดยนายบอส สวมหมวกและแมสก์เพื่อปกปิดใบหน้า ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆ ยืนยันว่า เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ร่วมขบวนการแก๊งค์รีดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีน ไม่ได้รู้จักกับนักธุรกิจชาวจีนผู้เสียหาย และที่สำคัญในที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า แล้วในวันเกิดเหตุนายบอสไปอยู่ที่ไหนมา นายบอสตอบเพียงว่า ขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามอีกว่า นายบอสเคยรับราชการเป็นตำรวจจริงหรือไม่ นายบอสไม่ได้ตอบแต่อย่างใด ก่อนที่จะถูกคุมตัวเข้าไปในห้องสืบสวน สน.ดินแดง
ทั้งนี้ นายบอสเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย ซึ่งตามพฤติการณ์แล้วไม่ได้เดินทางไปที่โรงแรม จึงไม่ปรากฏภาพนายบอสที่โรงแรม แต่แนวทางสืบสวน พบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุควบคุมตัวชาวจีนทั้ง 5 รายไปพบนายบอส ก่อนจะดำเนินการรีดไถเงิน 2.5 ล้านบาท
โดยขณะนั้น นายบอสแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหายกับพวก อ้างว่าชาวจีนทั้ง 5 รายกระทำผิดกฎหมาย จะต้องพาไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ โดยในระหว่างนั้น มีการพูดจาข่มขู่ และได้โชว์บัตรที่อ้างว่าเป็นบัตรตำรวจ แต่ยังไม่ทันที่ผู้เสียหายจะดูว่าเป็นบัตรตำรวจจริงหรือไม่ อีกฝ่ายก็เก็บบัตรไป จากนั้นพยายามจะพาตัวไปที่สถานีตำรวจ
จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้เสียหายกับพวกมาขึ้นรถยนต์ 2 คันที่จอดรออยู่บริเวณหน้าโรงแรมและได้ขับพาผู้เสียหายไปที่บริเวณใดไม่ทราบแน่ชัด ระหว่างทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้เกลี้ยกล่อมผู้เสียหายให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี
ในระหว่างผู้เสียหายพยายามขอดูบัตรตำรวจอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายบังคับให้นั่งลงดีๆ แล้วชูมือเหนือหัว ก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องคุยแล้ว เดี๋ยวไปคุยกับ บอส” พร้อมบอกด้วยว่า “ไม่เชื่อใช่ไหม ว่าเป็นตำรวจ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู” หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถพาผู้เสียหายมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะพาลงจากรถ และพาไปเจอชายที่อ้างตัวว่าเป็นบอส อายุราว ๆ 50 ปี ขึ้นไป ได้แนะนำตัวว่าตนเองนั้นเป็นตำรวจ
จากนั้นคนที่เป็น “บอส” อ้างว่า กลุ่มคนจีนนี้ มีเครื่องรูดบัตรอยู่ในห้อง ก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว จ่ายมา 4 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายเห็นว่าแพงมาก ไม่มีเงินจ่าย อีกฝ่ายจึงเสนอจำนวนเงินเหลือ 3 ล้านบาท และเรื่องจะได้จบ ผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกจับกุม จึงติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โอนเงินมาเข้าบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่กลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวต้องการ เป็นเงินจำนวน 65,000 USDT (สกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ” หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 ล้านบาท เมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ปล่อยตัวผู้เสียหายให้ออกจากบริเวณดังกล่าว ก่อนที่ตำรวจจะติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 1 รายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสืบนครบาลได้สืบทราบว่านายบอสมีบ้านอยู่ที่ย่านคู้บอน จึงได้นำกำลังไปวางแผนจับกุม กระทั่งพบตัวนายบอสเป็นบุคคลถูกต้องตามหมายจับจึงเข้าไปแสดงหมายจับพร้อมเข้าควบคุมตัว ซึ่งนายบอสยอมให้จับกุมแต่โดยดี พร้อมทั้งพาไปตรวจสอบที่บ้านพักก็พบรถเบนซ์สีดำ ดำที่ใช้ในการก่อเหตุจึงทำการยึดอายัดมาพร้อมกันเพื่อทำการตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า ในเวลา 17.00 ของวันนี้ ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ทั้ง สน.ดินแดง สืบสวนนครบาล 1 และสืบสวนนครบาล จะประชุมเพื่อติดตามแนวทางการดำเนินคดีอีกครั้ง โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจนครบาลร่วมประชุม