จากกรณีที่ ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ พนักงานสอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่ ม.13 บ้านดอนเงิน ต.บ้านเหล่า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานเจ้าหน้าที่นิติเวชโรงพยาบาลเพ็ญ กู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธธรรม จุดบริการอำเภอเพ็ญ ตรวจสอบเมื่อไปถึงพบศพ นายเกษร นอนเสียชีวิตภายในบ้าน สภาพถูกอาวุธปืนยิงบริเวณหน้าอก
และพบนายหนูจอน น้องชายผู้ตาย นั่งรอมอบตัวอยู่บริเวณบ้าน และยังมีอาการเมาเหล้าขาว พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุปืนลูกซองยาว ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดและเก็บหลักฐานพยานที่เกิดเหตุไว้ ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีที่โรงพัก ส่วนศพผู้ตาย แพทย์เวร รพ.เพ็ญ ได้ให้อาสากู้ภัยนำศพไปไว้บ้านของลูกชาย ที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ล่าสุด (3 พ.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวสอบถาม นางพา อายุ 98 ปี แม่ผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนเสียใจที่ลูกชายทั้ง 2 คน ต้องมาฆ่ากัน เพราะว่าลูกชายคนเล็กบ้าเหล้า และทะเลาะกันก็บ่อย ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ชอบทะเลาะและจะทำร้ายคนในครอบครัวด้วย บอกอะไรก็ไม่ได้ ถ้าบอกสอนบ่อยก็จะมาทำร้ายตน ช่วงเกิดเหตุลูกชายคนโตกำลังเอาไก่ย่างมาป้อนให้ตนกิน แล้วลูกชายคนเล็กก็เอาปืนของพ่อมายิง จนลูกชายคนโตล้มลงเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาตนเอง ตนก็ลงจากแคร่ไปกอดลูกชายร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ส่วนลูกสะใภ้เมียของคนก่อเหตุก็ตกใจกลัว หลบอยู่ในบ้าน สาเหตุก็เพราะเมาเหล้าจนบ้า ผู้ตายเป็นลูกคนที่ 4 จากลูก 6 คน ตอนเช้าผู้ตายจะมาหาข้าวมาให้แม่กินเป็นประจำ ส่วนลูกชายคนเล็กที่ก่อเหตุ ไม่เคยจะมาดูแลตนเลย กินแต่เหล้า เวลาเมาแล้วจะชอบหาเรื่องพี่น้องและคนอื่นด้วย เพราะเป็นลูกคนเล็กเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนปืนเป็นมรดกของพ่อ หลังจากนี้จะเอาไปไหนก็ไป กลัวมันจะเอาไปยิงคนอื่นตายอีก
นางพา เล่าว่า ลูกชายคนที่ตายนั้น ตนรักมากเพราะเขาคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน แม่ชอบกินอะไรก็หามาให้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก ป่นปลา และกำลังจะป้อนข้าวและปิ้งตับไก่ใส่ปากแม่ ก็มาถูกน้องชายยิงตาย ถ้าหากวิญญาณของลูกชายได้ยินก็อยากให้ไปสู่สุติ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่
จากการสอบสวนนายหนูจอน ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนมีเรื่องทะเลาะกับพี่ชายมาหลายปีแล้ว ตนถูกพี่ชายกลั่นแกล้งมาตลอด เช่น เอาน้ำกรดไปเทใส่ในถังน้ำมันรถไถนาของตนที่กระท่อมนา วางยาเบื่อหมา เป็ด ไก่ ของตนจนล้มตาย และมีเรื่องไม่ลงรอยกันต่อเนื่องประมาณ 10 ปีแล้ว ตนเป็นคนชอบดื่มเหล้า และดื่มวันละ 2 ขวดใหญ่ เมื่อคืนช่วงตี 3 ตนไปขอเงินแม่ที่เพิงพักข้างบ้าน 100 บาท เพื่อซื้อเหล้าดื่ม 1 ขวดใหญ่ จนหมด
กระทั่งเช้าเห็นผู้ตายมาพูดจากวนใจตน จึงทำให้ตนโมโห ประกอบกับเมาเหล้าด้วย จึงเข้าไปหยิบปืนลูกซองในบ้าน มาเล็งและลั่นลั่นไกใส่พี่ชายโดยไม่คิด ขณะพี่ชายกำลังเอาข้าวให้แม่กินที่บ้าน ส่วนพี่ชายก็มีอาวุธปืน .22 หลังไม่ลงรอยกันมาตลอด ตนก็ระแวงว่าพี่ชายจะมาฆ่าตน เลยเข้าไปเอาปืนลูกซองยิงใส่พี่จนเสียชีวิต ส่วนเรื่องอย่างอื่นไม่มี ตนไม่ขอโทษพี่ชาย เพราะสมควรตายหลายครั้งแล้ว เพราะทำกับตนมาตลอด และก็เป็นความแค้นที่สะสมมานานเป็นสิบปี จึงลงมือก่อเหตุในวันนี้ และไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้ตนลงมือก่อเหตุ มีแต่เรื่องที่ตนเล่าให้ฟัง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวช่อง 8 เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของนายหนูจอน ผู้ก่อเหตุ โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณกระท่อมข้างบ้าน ซึ่งทางครอบครัวสร้างไว้เป็นที่อาศัยของนางพา แม่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสุมาลี อายุ 56 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุประมาณ 6 โมงเช้า ขณะที่ตนกำลังนึ่งข้าวอยู่หลังบ้าน ส่วนสามีเมาหลับอยู่ในบ้าน สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดัง “ปัง” 1 ครั้ง
ในตอนแรกคิดว่ามีของหล่นใส่หลังคาบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงนางพา แม่สามีร้องไห้ ตนจึงได้รีบวิ่งออกมาดู เห็นนายเกษร พี่สามีนอนฟุบอยู่กับพื้นและเห็นเลือดไหลเต็มพื้น โดยมีนางพา แม่สามีนั่งกอดเข่าร้องไห้ข้างลูกชาย ซึ่งในตอนนั้นตนเองรู้ได้ทันทีว่านายเกษรถูกยิง แต่ไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง จึงได้ใช้นิ้วแตะจมูก พบว่า เสียชีวิตแล้ว ส่วนสามีนั่งอยู่หน้าบ้าน คล้ายกับคนไม่มีสติ ก่อนจะตอบว่า “จะไม่ไปไหน รอตำรวจ และบอกให้ตนเรียกตำรวจ” ตนจึงได้ถามสามี ว่า “ยิงทำไม” ซึ่งสามีได้ตอบตนเองกลับมาว่า “ยิงให้ทุกคนมีความสุข”
นางสุมาลี ยอมรับว่า เมื่อเช้าผู้ตายได้นำเอาอาหารมาให้แม่กินเหมือนเช่นทุกวัน ซึ่งปกติแล้วเวลาผู้ตายเอาข้าวมาให้แม่ ทั้งคู่จะหลีกเลี่ยงไม่ปะทะกัน แต่เมื่อเช้าตนไม่รู้เลยว่าสามีลุกจากที่นอนมายิงพี่ชายตอนไหน เพราะปกติตนจะล็อกประตูหน้าบ้านไว้ไม่ให้สามีออกมาเจอหน้ากับคนตาย
ภรรยาคนก่อเหตุ ยอมรับว่า สามีติดเหล้าจนเกิดอาการหูแว่ว และเริ่มมีอาการทางประสาท และชอบคิดจินตนาการไปเอง ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนคนสังเกตว่าสามีมีความผิดปกติ เพราะนั่งพูดอยู่คนเดียว และก่อนจะแยกย้ายกันนอน สามีตะโกนบอกให้ตนออกมาหน้าบ้าน ว่า เจ้าอาวาสมาหา เจ้าคณะตำบลมาหา แต่พอตนออกมาดูก็ไม่เจอใคร จึงได้ถามสามีว่าเจ้าวาดและเจ้าคณะตำบลจะมาทำไม สามีจะได้ตอบกลับตนเองว่า มาแสดงความยินดีกับคุณไง ซึ่งในตอนนั้นตนเองไม่รู้ว่าสามีพูดถึงเรื่องอะไร แต่ตนเองก็จับสัญญาณความผิดปกติของสามีได้ ว่าเริ่มมีอาการแปลก ๆ แล้วแต่ก็ไม่คิดว่าสามีจะก่อเหตุหญิงพี่ชายเสียชีวิต
ส่วนปมเหตุ ตนเชื่อว่า มาจากที่สามีทะเลาะกันกับพี่ชาย เรื่องที่มีคนนำน้ำตาลทรายไปกรอกใส่ถังน้ำมันรถไถนา ประมาณ 5 รอบ จนทำให้รถไถพัง ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม รถไถสามีที่จอดอยู่ทุ่งนา ก็ถูกคนร้ายลักลอบนำน้ำตาลทรายมากรอกใส่ถังน้ำมันอีกรอบ ซึ่งสามีมั่นใจว่าเป็นฝีมือคนตาย เพราะมีที่นาติดกัน อีกทั้งผู้ตายก็นอนนาเป็นประจำ จึงเป็นใครไปไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ดินมรดกไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกัน เพราะนางพา แม่สามีได้มีการแบ่งที่ดินให้กับลูกทุกคนเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางพา อายุ 98 ปี แม่คนตายและแม่คนก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจที่เห็นลูกชายยิงกันตาย จนไม่สามารถที่จะทานข้าวได้ลง ขณะเดียวกันเราสังเกตุเห็นชามข้าวต้มวางอยู่ที่โต๊ะมดขึ้นเต็ม จึงได้สอบถามนางพา ทราบว่า ผู้ตายเตรียมไว้ให้ ยังไม่ได้กินเพราะกินไม่ลง
ต่อมานางพา เล่าว่า ตนมีลูกทั้งหมดหกคน โดยคนตายเป็นคนที่ 4 ส่วนคนก่อเหตุเป็นคนที่ 6 ทุกเช้านายเกษร คนตายจะขี่รถมอเตอร์ไซค์และนำเอาไก่ปิ้งตับปิ้งมาให้ตนกินข้าวเช้าทุกวัน แม้จะรู้ว่าน้องชายไม่ชอบและขู่ฆ่าอยู่ตลอด แต่เนื่องจากว่าไม่มีใครดูแลตนเอง ผู้ตายจึงอาสาดูแลตนเองอยู่ทุกวัน ซึ่งลูกชายเคยชวนตัวเองไปอยู่ด้วย แต่ตัวเองไม่ไปเพราะตนเองห่วงบ้านหลังนี้ และห่วงลูกชายคนเล็ก
ส่วนช่วงที่เกิดเหตุลูกชายนำไก่ปิ้งมาให้ตนเองกินข้าวเช้า แต่ยังไม่ทันได้เอาไก่ปิ้งมาให้ก็ถูกน้องชายลอบมายิงจากข้างหลังจนเสียชีวิต โดยก่อนที่น้องชายจะมายิงพี่ชายไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกันแต่อย่างไร แต่เพราะลูกชายคนเล็กกินเหล้าจนเมาและเสียสติ
ส่วนเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน ตนเองก็พอทราบว่าเหตุมาจากที่ลูกชายคนเล็กไปยืมเงินคนตาย เพื่อที่จะ เอามาให้ลูกชายคนก่อเหตุไปแต่งเมีย และให้ลูกสาวไปทำงานต่างประเทศ แต่ว่าครอบครัวคนก่อเหตุยังไม่ยอมคืนเงินครอบครัวคนตาย จึงทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันเรื้อรังมานาน ตอนนี้ตนเองรู้สึกเสียใจจนแทบอยากจะตายแทนนายเกษร ลูกชายคนนี้ เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นพี่น้องมาฆ่ากัน แต่มาเห็นลูก ๆ ฆ่ากันตายต่อหน้าต่อตา