จากกรณี นางแคทเธอรีน เดลาคอท อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองตายริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท หลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานฆ่าตัวตายเองเครียดจากโรคร้าย
ล่าสุด (3 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพูดคุยกับ พ.ต.อ.ไกรฤกษ์ งามศรีอ่อน ผกก.สภ.เกาะสมุย ถึงความคืบหน้าคดี ผู้กำกับฯ ยืนยันว่า คดีนี้ตำรวจค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่านางแคทเธอรีน ผู้เสียชีวิต ได้ลงมือยิงตัวตายเอง เนื่องจากมีหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นนางแคทเธอรีนได้พิมพ์ข้อความสั่งเสียลงในโน้ตบุ๊กของตัวเอง และมีภาพว่าเธอได้เดินไปหยิบไม้ถูพื้นปัดกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุกดลงด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เห็นวินาทีที่เธอยิงตัวเองจบชีวิต
แต่สิ่งที่ตำรวจมั่นใจที่สุดว่า เธอมีการวางแผนฆ่าตัวตายจริง ๆ คือ จากการสอบปากคำทนายความของแหม่ม ทราบว่า ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเมื่อ 26 เมษายน หรือ 3 วันก่อนที่เธอจะยิงตัวตาย เธอได้เดินทางไปที่สำนักงานทนายความส่วนตัวของเธอ เพื่อเข้าพบ ทนายสุเทพ ทนายความส่วนตัวเพื่อจัดการทำพินัยกรรมทั้งหมด ในพินัยกรรมมีบุคคล 2 คนเซ็นลงชื่อในพินัยกรรมไว้เป็นพยาน ซึ่งพินัยกรรมดังกล่าว หลังจากทำเสร็จได้เก็บไว้รักษาไว้ที่ทนายความ
แต่อย่างไรก็ตามตำรวจยังคงต้องส่งร่างของผู้ตาย ไปชันสูตรอย่างละเอียดต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงในการนำไปประกอบสำนวน
ส่วนศพจะสามารถนำออกมาทำพิธีได้เมื่อไร ยังคงต้องรอการชันสูตรพลิกศพอีกสักระยะ รวมถึงอยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศส เพื่อติดต่อญาติที่แท้จริงของผู้ตายให้มาเอาศพ ซึ่งหากญาติของผู้ตายไม่สะดวกจะรับศพด้วยตัวเอง ก็สามารถมอบอำนาจให้กับป้าติ๋ม ซึ่งถูกระบุอยู่ในพฤติกรรมของผู้ตายให้เป็นคนจัดงานศพ นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาได้เช่นกัน
ส่วนที่ทุกคนสงสัยว่า ในพินัยกรรมป้าติ๋มจะได้สมบัติจริงหรือไม่ จากการตรวจสอบพินัยกรรมของตำรวจ ยืนยันว่า ในพินัยกรรมนางแคทเธอรีนได้ระบุสมบัติทั้งหมด และขอมอบให้กับนางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม จริง ๆ โดยมีสมบัติทั้งบ้านพร้อมที่ดิน 1 โฉนด , ที่ดินเปล่า 2 ไร่ 1 โฉนด , รถยนต์ฮอนด้า สีแดง 1 คัน , รวมถึงเงินในบัญชีส่วนตัวของผู้ตาย และสมบัติในตู้เซฟทั้งสร้อยคอ เครื่องประดับ แหวนเพชร ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท และอีกส่วนถูกมอบให้กับสามีเก่าของผู้ตาย ในพินัยกรรมมีลายเซ็นของผู้ตายกำกับไว้ทุกหน้า รวมถึงมีลายเซ็นจากพยานในการทำพินัยกรรมอีก 2 คน คือ (มนู เพื่อนสนิท และทนายความ) รับรู้ ซึ่งป้าติ๋มจะได้สมบัติทั้งหมดตามพินัยกรรมอย่างแน่นอน หากไม่มีญาติของคนตายคนอื่นมาฟ้องร้องภายหลัง แต่ก็น่าจะสู้ยาก เพราะพินัยกรรมถูกระบุไว้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ตรวจสอบพินัยกรรมดังกล่าวแล้ว โดยพบว่า พินัยกรรมตัวจริงนั้น มีการระบุวันที่การทำพินัยกรรมไว้ในวันที่ 26 เมษายนจริง ๆ โดยมีการจัดทำขึ้น โดยนางแคทเธอรีน และผู้ที่เก็บรักษาและจัดการ คือ นายเอ็มมานูเอล เพื่อนสนิทของผู้ตาย
นอกจากนี้ในเนื้อในของพินัยกรรมบางส่วนที่ทีมข่าวได้หลักฐานมา ยังมีข้อความระบุไว้ด้วยว่า "ฉัน แคทเธอรีน ขอทำพินัยกรรมไว้ว่า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้จัดการมรดก จัดการศพ และให้ทรัพย์มรดกของข้าพเจ้าตกได้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ …" ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อ 26 เมษายน 67 จริง ๆ
ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงสายของวันที่ 26 เมษายน เวลาประมาณ 10.26 น. ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นคุณแคทเธอรีน ขับรถยนต์ฮอนด้า คันสีแดง ของเธอออกจากบ้าน เพื่อไปทำพินัยกรรมโอนสมบัติให้ป้าติ๋ม ที่สำนักทนายความ โดยที่เธอไม่ได้บอกป้าติ๋มสักคำ ซึ่งภาพวงจรปิดดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันชัดเจน ว่าเธอมีสติสัมปชัญญะทุกอย่างในการทำพินัยกรรมมอบให้ป้าติ๋ม
อย่างไรก็ตาม ป้าติ๋ม ฝากชี้แจงผ่านทางทีมข่าวช่อง 8 ว่า อยากให้คนไทยรับรู้ว่านายเอ็มมานูเอล เป็นคนดีและดูแลตนดีมาก ซึ่นตนไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ณ วันนี้ ป้าปลอดภัยแล้ว