เวลา 23.30 น.วันที่ 5 พ.ค.67 ร.ต.อ.จิตติพัฒน์ วรวัฒน์ ร้อยเวร สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งว่ามีชายถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิตและถูกนำส่งมาที่โรงพยาบาลธวัชบุรี เหตุเกิดที่บ้านโคกกุง ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จึงประสานชุดสืบสวน สภ.เสลภูมิ ตรวจสอบพบศพชายไทยทราบชื่อคือ นายประวิทย์ อายุ 43 ปี ตามร่างกายถูกคมมีดเป็นแผลฉกรรจ์มากกว่า 10 แผล โดยเฉพาะบริเวณข้อมือด้านซ้ายเกือบขาด ทำให้เสียเลือดมากเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตก่อนที่จะถูกนำตัวส่งมาโรงพยาบาล
ส่วนคนก่อเหตุคือ นายมะนิจ อายุ 51 ปี เบื้องต้นคาดว่า ปมเหตุมาจากความหึงหวงและโกรธแค้นที่ผู้ตายซึ่งเป็นแฟนเก่าของนางอังคณารัตน์ ภรรยาของนายมะนิจ ได้แอบมาเผารถจักรยานยนต์ซาเล้งพ่วงข้างที่นายมะนิจได้ซื้อให้นางอังคณารัตน์ ก่อนที่ฝ่ายภรรยาจะมาฟ้องนายมะนิจ ทำให้นายมะนิจโมโหจึงตามมาทะเลาะและฆ่านายประวิทย์จนเสียชีวิต
ล่าสุดเช้าวันนี้ (6 พ.ค. 2567) นายมะนิจ เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เสลภูมิ พร้อมให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้ลงมือใช้อาวุธมีดแทงและฟันตามร่างกายของผู้ตายจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายมะนิจ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ขณะเดียวกันเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุได้เข้ามาทำแผน พร้อมเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า คืนเกิดเหตุตนนอนอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ติดกับบ้านผู้ตายเช่าอยู่ กระทั่งตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันบริเวณประตูหลังบ้าน ตนจึงลุกออกมาดูแล้วก็พบว่าผู้ตายถูกนายมะนิจและลูกชายรุมทำร้าย กระทั่งผู้ตายสามารถดันประตูหลังบ้านวิ่งเข้ามาในบ้านของตน โดยพ่อลูกคู่นี้ก็ตามเข้ามาด้วย ซึ่งตนมองเห็นว่าในมือผู้เป็นพ่อถือมีดโต้ ส่วนคนเป็นลูกถือมีดปลายแหลม วิ่งตามเข้ามาและผู้ตายได้เข้าไปในห้องนอน ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของตน มีการต่อสู้กัน กระทั่งนายประวิทย์นอนจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่ภายในบ้านของตน
สำหรับนายมะนิจ ที่ถูกอ้างว่าเป็นมือมีด และนางอังคณารัตน์ ผู้เป็นภรรยา เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อครั้งที่นายมะนิจ เคยถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2565 รับเงิน 6 ล้านบาท แล้วได้โอนเงินรางวัลเข้าบัญชีธนาคารของนางอังคณารัตน์ จากนั้นทั่งนายมะนิจและนางอังคณารัตน์ก็ได้จัดงานทำบุญเลี้ยงพระ แต่ก็มีชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวในงานทำบุญ กระทั่งงานแล้วเสร็จปรากฏว่านางอังคณารัตน์ได้หอบเงินหนีไปกับชายคนดังกล่าว ซึ่งก็คือนายประวิทย์ ผู้ตายนั่นเอง โดยนายประวิทย์ ผู้ตาย และนางอังคณารัตน์ รู้จักกันในแอปฯ หาคู่
ด้านนางอังคณารัตน์ เผยว่า ตนอยู่กินกับนายมะนิจ คนก่อเหตุมา 27 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน ส่วนผู้เสียชีวิตคือนายประวิทย์ ได้อยู่กินมาปีกว่า และก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันที่นี่ ซึ่งตอนที่เข้ามาอยู่นั้นนายมะนิจ สามีที่แทงได้ย้ายออกไปอยู่ที่บ้านตนเองที่อำเภอโพนทอง
ต่อมาผู้เสียชีวิตได้บอกว่าไม่สามารถดูแลตนได้แล้ว ตนก็ไม่ทราบเหตุผลแต่ผู้เสียชีวิตเป็นคนอารมณ์ร้อน จึงไปบอกนายมะนิจ สามีจึงบอกว่าก็ไม่เป็นไร ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ย้ายออกไปเดี๋ยวจะกลับมาดูแลตนและลูกต่อเอง กระทั่งตนทราบว่าผู้เสียชีวิตได้มาทำการเผารถมอเตอร์ไซค์จึงทำให้นายมะนิจ สามีตนโมโหและลงมือก่อเหตุในครั้งนี้
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุและได้พูดคุยกับ นายทองเลื่อน เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของวานนี้ (5 พ.ค.) ขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้านก็ได้ยินเสียงคล้ายกับคนทะเลาะกัน จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาถีบประตูหลังบ้าน ตนจึงลุกออกไปดูและเห็นว่ามีชายคนหนึ่ง (นายประวิทย์) พยายามจะเข้ามาภายในบ้านของตน ซึ่งสภาพตอนนั้นคล้ายกับถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็พังประตูและวิ่งเข้ามาในบ้านได้สำเร็จและวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนของลูกชายตน ไม่นานนักก็มีชายอีกคน (นายมะนิจ) วิ่งตามเข้ามาพร้อมกับถือมีดอีโต้ในมือ แล้วก็มีวัยรุ่นชายอีกคนวิ่งถือมีดปลายแหลมตามเข้ามา
นายทองเลื่อนจึงได้ตะโกนด่าไปว่า “มึงเข้ามาทำอะไรในบ้านกู ออกไปให้หมด” แต่ชายทั้งสามคนก็ไม่มีใครออกไป ตนจึงรีบวิ่งออกทางประตูหน้าบ้านและไปร้องขอให้ชาวบ้านช่วยเหลือ ระหว่างนั้นก็สังเกตุเห็นว่าผู้ชายที่ถือมีดทั้งสองคน (นายมะนิจและลูกชาย) ก็ได้พังประตูห้องลูกชายตนเข้าไปและได้กระหน่ำทำร้ายนายประวิทย์ (ผู้เสียชีวิต) เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนแน่นิ่งไป พ่อลูกผู้ก่อเหตุทั้งสองคนก็ได้ขับรถหลบหนีไปในทันที ตนจึงโทร. 1669 ให้เข้ามาช่วยเหลือผู้ที่ถูกแทง แต่ปรากฏว่านายประวิทย์นั้นได้นอนแน่นิ่งไปเสียแล้ว
ซึ่งนายทองเลื่อน ยังบอกอีกว่า นอกเหนือจากชายทั้งสามคนแล้วก็ยังมีผู้หญิงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เท่าที่ตนทราบข้อมูลมา ลักษณะเหมือนว่านายประวิทย์นั้นได้มาเช่าบ้านอยู่กับแฟน ซึ่งเมื่อช่วงเย็นทั้งคู่เกิดมีปากเสียงและทะเลาะกันถึงขั้นเผารถ ทำให้ช่วงค่ำทางด้านสามีเก่าของฝ่ายหญิงบุกเข้ามาหาเรื่องและทำร้ายนายประวิทย์ถึงแก่ชีวิต
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกตกใจและกลัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากตนไม่ได้รู้จักทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต แต่ทั้งคู่กลับมาฆ่ากันตายภายในบ้านของตน พูดตรง ๆ ตนนั้นกลัวผี ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องทำอย่างไรต่อ เพราะภายในห้องนอนนั้นยังมีคราบเลือดและกลิ่นคาวคละคลุ้งเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือที่นอนบางส่วนตนก็ต้องรื้อนำไปทิ้งทั้งหมด จึงอยากจะสอบถามเหมือนกันว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ อีกทั้งนายทองเลื่อนมองว่าเหตุการณ์นี้นั้นรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าคนสมัยนี้จะฆ่าแกงกันได้ง่าย ๆ และเผยว่าตอนนี้ยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิตมาทำการเชิญวิญญาณออกจากบ้านของตนเลย ซึ่งเท่าที่ทราบมาผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้มีญาติที่ไหนนอกจากอดีตภรรยา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเธอได้เลย