เจ้าของบ้านสุดทน ถูกเพื่อนบ้านปาหิน ขวด ข้ามกำแพง จนหลังคาบ้าน รถยนต์เสียหาย ซ่อมทำสีเกือบ 40,000 ลงทุนป้องกันเพื่อนบ้านรายนี้โดยเฉพาะอีกกว่า 400,000 บาท หนักถึงขั้นลอบวางเพลิง
วันที่ 7 พ.ค. 2567 ที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ ม.8 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น นางธัญลักษณ์ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน พาผู้สื่อข่าวดูร่องรอยบ้านที่ถูกมือดีแอบเข้ามาเผาวางเพลิงภายในบ้าน โดยมือดีรายนี้เป็นเพื่อนบ้านที่อู่ฝั่งตรงข้าม และรู้จักกันตั้งแต่เด็กจนโต แต่เมื่อโตไปต่างคนต่างแยกย้ายทำมาหากินและไม่ได้สนิทสนมกันแต่อย่างใด ซึ่งในบ้านยังมีร่องรอยเขม่าควันไฟติดอยู่ขอบกระจกหน้าบ้านที่ติดกำแพง
เจ้าของบ้านบอกว่า ไฟได้ลุกไหม้ขอบหน้าต่างและทำกระจกแตกเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีเศษแก้วและก้อนหิน ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่ทั่วบริเวณบ้าน แม้ว่าทางเจ้าของบ้านจะเก็บกวาดไปแล้ว
นอกจากนี้ที่บนชั้นสอง ในห้องนอนที่ติดหน้าบ้าน มีร่องรอยแตกร้าวของฝ้าเพดานเนื่องจากถูกปาหินและขวดใส่อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปีแล้ว มาหนักขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อนบ้านรายนี้น่าจะมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แอบเข้ามาเผาวางเพลิงตอนประมาณช่วงตี 3
ตนเองมาซื้อบ้านหลังนี้ได้ 10 กว่าปี ช่วงหลัง 4-5 ปี ตนเองไปขยายธุรกิจที่ จ.ฉะเชิงเทรา กลับมาบ้าน เริ่มมีเศษแก้ว เศษขวดเต็มบ้าน ทั้งห้องนอนหลังคา แต่ยังไม่ได้เอะใจอะไร แต่เริ่มมีหนักขึ้นเยอะขึ้น จนลามไปถึงบ้านหลังอื่นที่ใกล้กัน จนเจ้าของบ้านไปแจ้งความ ตนเองก็ไปแจ้งความด้วย โดยพฤติกรรมเพื่อนบ้านรายนี้จะโวยวาย ปาทั้งหิน แก้ว ไม้ ลอยข้ามกำแพงมา
หนักสุดเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 66 ที่ผ่านมา ลักลอบปีนกำแพงเข้ามาเผาวางเพลิงถึงในบ้านตอนประมาณตี 3 แต่ยังโชคดีที่ได้ยินเสียงกระจกแตกและเห็นเปลวไฟ จึงเรียกสามี บอกว่าไฟไหม้ ก่อนจะพากันไปดู พร้อมกับดับไฟและแจ้งตำรวจ
โดยวันเกิดเหตุเพื่อนบ้านรายนี้เข้ามาถามสามีหลังจากที่ดับไฟเสร็จ เข้ามาถามว่า "อ้าว พี่กอล์ฟพี่ยังไม่นอนอีกเหรอ" ทำให้เกิดความสงสัยว่าเพื่อนบ้านรายนี้จะเป็นคนก่อเหตุหรือไม่ หลังแจ้งข้อมูลกับตำรวจก็หายไปประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วก็กลับมาเกิดเรื่องลักษณะนี้อีกครั้ง ทั้งหลังคาบ้าน รถที่จอดหน้าบ้าน ในบ้าน บุบเสียหาย จ่ายเงินทำสีใหม่หมดไปเกือบ 40,000 บาท แจ้งความร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงค์ธรรมมาช่วย แต่ก็หายไปสักพักก็กลับมาก่อเหตุอีก ส่วนทางตำรวจบอกว่าต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนจึงจะสามารถตั้งข้อหาดำเนินคดีได้ ทำให้ตอนนี้หวังเพิ่งพาสื่อมวลชนขอให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงหาหน่วยงานที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้เข้ามาช่วยเหลือด่วน เพราะที่ผ่านมาตนเองก็ต่อเติมหลังคาออกมาเพื่อป้องกัน และต่อเติมกำแพงขึ้นมาโดยทางหมู่บ้านก็ได้ช่วยต่อเติมกำแพงขึ้นสูงไปอีก หมดเงินไปกว่า 400,000 บาท เพื่อป้องกันส่วนตัว แต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้นอยู่ตลอด
ส่วนสาเหตุนั้น ทางนิติบุคคลเคยเข้าไปสำรวจ บอกว่า ไม่ชอบเสียงหมาเห่ารบกวน เราก็แก้ไขโดยย้ายหมาออก เพื่อดูว่าปัญหาจะหมดไปหรือไม่ แต่พอเอาหมาออกไป ปัญหาไม่ได้หมดไปตาม แถมหนักขึ้นกว่าเก่า จนตอนนี้บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ ซึ่งปกติแม่ตนเองอายุ 80 กว่าปี จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ มีลูกน้องคอยช่วยเหลือดูแล แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นตลอดจนไม่กล้าให้แม่อยู่ กลัวว่าจะลักลอบปีนเข้ามาในบ้านอีก ก็ได้รับแม่กลับมาอยู่ที่แปดริ้วด้วย วันไหนที่นอนอยู่บ้านบางคืนได้ยินเสียงเขวี้ยงขวดปาหินมาโดนกำแพงบ้านเราจนสั่นสะเทือนถึงหัว จนตกใจ จึงไม่กล้าอยู่ประจำ เพราะเพื่อนบ้านรายนี้ไม่เลือกเวลาที่จะปาหินหรือขวดแก้ว และไม่ใช่แค่บ้านตนเองหรือบ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันโดนเท่านั้น แต่ได้รับความเดือดร้อนจากพฤติกรรมเพื่อนบ้านรายนี้ตั้งแต่ซอย 6 ซอย 7 และซอย 8 ซึ่งโดนปาหินและขวดแก้วใส่แทบทุกหลังคาเรือน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับทางเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันซึ่งโดนเพื่อนบ้านรายนี้ปาหินใส่จนทะลุหลังคาบ้านมาแล้ว ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ซึ่งแต่ละวันจะมีก้อนหินหลากหลายขนาด ลอยข้ามกำแพงหมู่บ้านมาตกใส่หลังคาบ้านและทั่วบริเวณบ้านตนเอง มีครั้งหนึ่งหนักสุด เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ ลอยมาตกใส่หลังคาจนทะลุลงมาในบ้าน ก็ได้จ้างช่างมาปีนซ่อมหลังคาให้ 500 บาท ส่วนกระเบื้องหลังคาทางโครงการช่วยหามาให้ ซึ่งโชคดีที่ไม่มีใครอยู่บ้านในวันนั้น จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยที่ผ่านมาตนเองและเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันหลังอื่นๆ ที่โดนเหมือนกัน ได้พากันไปแจ้งทางนิติฯ ประสานผู้ใหญ่บ้านมาแก้ไขปัญหาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ตลอด ทำได้เพียงนำหินที่ถูกปาเข้ามาตกในบ้านมาวางเรียงบนกำแพงเพื่อดูต่างหน้าเอาไว้ วันไหนที่เพื่อนมาหา จอดรถหน้าบ้าน ต้องบอกให้เพื่อนขับถอยออกไปจอดที่อื่นห้ามจอดหน้าบ้าน เพราะอาจจะมีหินหรือขวดแก้วลอยมาตกใส่ได้ เพราะที่ผ่านมาโดนไปแล้วหลายคัน ทำให้ปัญหานี้ยังแก้ไขไม่ได้และยังมีเข้ามาจนถึงทุกวันนี้
เพื่อนบ้านยังบอกอีกว่า นอกจากปาขวดปาหินและเผาไฟบ้านคนอื่นแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านรายนี้ปีนกำแพงเข้ามาและมีแม่บ้านเห็น ถูกยืนจ้องหน้าจนหวาดผวา รีบโทรบอกคนอื่นๆ ให้ทราบ ซึ่งก็ได้พากันบอกว่าให้อยู่ในห้อง อย่าออกไปไหน ซึ่งแต่ละเหตุการณ์นั้นมีแต่เหตุการณ์ที่น่ากลัวจนเกิดความกังวลในเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกขวดแก้วหรือหินวันไหน เพราะเพื่อนบ้านรายนี้ไม่เลือกเวลาปาหิน