วันที่ 7 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า กัน จอมพลัง พา นางสาวน้ำฝน อายุ 18 ปี ผู้เสียหายถูกสาดน้ำกรด อาการสาหัสนอนเตียงรถพยาบาล เพราะบาดแผลพุพองทั้งตัวตั้งแต่ใบหน้าจนถึงปลายเท้า เดินทางมาเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิดกับนายปรีชา หรือ ชาโด้ อายุ 32 ปี คนก่อเหตุ ซึ่งเป็นอดีตแฟนของผู้เสียหาย โดยมี พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเรื่อง




นางสาวน้ำฝน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองคบกับชาโด้ คนก่อเหตุ เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จากนั้นก็ย้ายไปอาศัยที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งฝ่ายชายเป็นหนุ่มพิการ มีแขนข้างเดียว และขาก็เดินไม่ปกติ ต้องเดินกะโผลกกะเผลก ระหว่างที่อยู่ที่บ้านก็ไม่ได้อยู่เหมือนคู่สามีภรรยา แต่อยู่ในฐานะเหมือนเป็นคนรับใช้คอยดูแลทุกอย่าง ทั้งการหุงหาอาหาร เตรียมสิ่งของให้ และที่สำคัญต้องคอยเทกระโถนปัสสาวะของฝ่ายชายทุกวัน ซึ่งเหมือนเป็นพยาบาลส่วนตัว


ตนเองทนอยู่ด้วยความอึดอัดจะออกไปข้างนอกหรือไปที่ไหน แม้กระทั่งมาหาแม่ก็ไปไม่ได้ บางครั้งฝ่ายชายอารมณ์รุนแรงก็ทำลายข้าวของ เคยทุบโทรศัพท์ตนเองทิ้งมาแล้วหนึ่งครั้ง ตนเองใช้ชีวิตแบบนี้มาจนถึงช่วงเดือน เม.ย. ตัดสินใจหนีกลับมาอยู่บ้านกับแม่และเลิกกับนายชาโด้




พอนายชาโด้รู้ก็ไม่พอใจและพยายามตามง้อคืนดี โดยมาที่บ้านวันที่ 11 เม.ย. ตอนนั้นกำลังกินหมูกระทะกับแม่ นายชาโด้ก็สาดสารเคมีไม่รู้ว่าเป็นน้ำกรดหรืออะไรเข้าที่ใบหน้าและไหลรดทั้งตัว ก่อนจะขับรถหนีไป


ตอนนี้สภาพตนเองเหมือนเป็นผู้พิการ เพราะมีบาดแผลพองทั้งตัว โดยเฉพาะที่ข้อพับต่าง ๆ บริเวณคอ ทำให้พูดคุยลำบากและเดินได้แค่ขาข้างเดียว อีกข้างหนึ่งเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ตนต้องมากลายเป็นคนแบบนี้เพราะฝีมือนายชาโด้ อยากฝากบอกนายชาโด้ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ในเมื่อเลิกกันไปแล้วก็ควรจะจบโดยดี ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุทางครอบครัวนายชาโด้พยายามขอไกล่เกลี่ย ไม่ให้ดำเนินคดี ให้เงินมา 1,500 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น




โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแถวบ้านนางสาวฝน พบว่าในวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา เวลา 10.07 น. นายชาโด้ ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ เข้าไปยังบ้านนางสาวฝนเพื่อก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่อดีตแฟนสาว




ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าพูดคุยกับนายปรีชา หรือ ชาโด้ คนก่อเหตุ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองคบหากับนางสาวฝนได้ 5 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 จนถึง มี.ค. 2567 โดยสาเหตุที่เลิกกันคือนางสาวฝนไปมีชายอื่น โดยก่อนเลิกกันเขามาบอกตนว่าจะกลับไปนอนที่บ้านแม่เขา ตนก็ให้ไปพอวันต่อมาแม่เขาหาผู้ชายคนอื่นมาให้ และมาคุยจะหมั้นหมายกัน ทั้งที่ยังไม่ได้มีการเลิกกับตน จากนั้นยังไม่พอ เขายังขับรถพาผู้ชายคนอื่นมาเย้ยตนถึงหน้าบ้านผ่านไปมา พอตนถามเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขากลับถามตนว่า เห็นด้วยเหรอ ก็ตามนั้น แล้วแต่จะคิด ตนเลยถามเขาว่าจะเลิกใช่หรือไม่ เขาบอกก็ตามนั้น




ตนจึงมีความเคียดแค้นมาก พอวันเกิดเรื่องตนเลยคิดว่า หากนางสาวฝนไม่สวยจะยังมีคนชอบอยู่ไหม ตนเลยขับรถออกไปซื้อโซดาไฟ และขับไปที่บ้านของนางสาวฝนเลย พอไปถึงก็ไปนั่งคุยกันกับแม่นางสาวฝน ตนก็ถูกแม่นางสาวฝนด่าสารพัด และดูถูกว่าตนเป็นคนไม่มีอนาคต ลูกเขามีอนาคตกว่า และห้ามไม่ให้ตนยุ่งกับลูกสาว ตนจึงตัดสินใจสาดน้ำโซดาไฟใส่นางสาวฝนเลย จากนั้นตนจึงขับรถไปซื้อเบียร์กินและกลับมานั่งอยู่ที่บ้าน และเล่าให้ครอบครัวฟัง




นอกจากนี้ตอนตนคบหากับนางสาวฝนแรก ๆ แม่นางสาวฝนเคยมาเรียกเงินจากตนไป 20,000 บาท และบอกตนว่าเอาเงินมาแล้วจะพากันไปอยู่ไหนก็ไป


หลังจากเกิดเหตุทาง สภ.วิเชียรบุรี ได้โทร. มาหาตนให้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนก็เดินทางไปในวันนั้นเลย เซ็นรับทราบเรียบร้อย จากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมหลักฐานส่งฟ้องศาลไป ในคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ตนก็รอทางศาลเรียกไปรายงานตัว และตัดสินอีกครั้งอยู่ ไม่ได้หลบหนีไปไหน ตนก็ยอมรับกับสิ่งที่ตนทำผิดไป




หากย้อนไปตอนคบหากัน นางสาวฝนมาอยู่ที่บ้านกับตน ครอบครัวรับรู้ทั้งสองฝ่าย ก็มาอยู่กินแบบสามีภรรยา ตนดูแลนางสาวฝนเป็นอย่างดี ที่เขาบอกว่าตนใช้นางสาวฝนเหมือนคนรับใช้ ตนยืนยันได้เลยว่าไม่เคยใช้เขาแบบนั้น งานการเขาไม่ต้องทำเลย ตนหาเลี้ยงหมด มีแค่ใช้เขาหยิบน้ำให้บ้าง และทิ้งโถฉี่ให้บ้าง เนื่องจากตนพิการมีเพียงใช้เท่านี้ ไม่เคยใช้อะไรเลย เขาอยากไปไหนตนก็พาไป อยากได้อะไรตนก็ซื้อให้ ส่วนโทรศัพท์ที่ตนปาทิ้ง ก็เป็นโทรศัพท์ที่ตนซื้อให้ ที่ตนปาทิ้งเพราะเขาไปมีคนใหม่ ตนเลยปาทิ้งแล้วบอกเขาว่า "ไปให้ผัวใหม่ซื้อให้สิ"


จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยกับนางญา อายุ 41 ปี พี่สาวผู้ก่อเหตุ เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเพิ่งมาทราบเรื่องเมื่อไม่กี่วันนี้ เพราะตนอยู่ต่างประเทศเพิ่งกลับมาไทยเมื่อช่วงสงกรานต์ พอทราบเรื่องตนเองก็ได้คุยกับแม่ตนและน้องชาย ว่าจะต้องเข้าไปคุยกับทางฝั่งฝ่ายหญิงนะ ตนจึงพาแม่ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ซื้อของกินผลไม้อะไรไปให้ และให้เงินไว้ 1,000-2,000 บาท ให้เขาไว้ใช้ในโรงพยาบาล ทุกครั้งที่ไปเยี่ยม




จากนั้นมาทราบทีหลังว่าแม่ของนางสาวฝน เอาของที่แม่ตนซื้อไปเยี่ยมทิ้งขยะหมด ตนกับแม่จึงได้เข้าไปถามเขาที่โรงพยาบาลว่าทำไมทำแบบนี้ หากไม่กินก็เอาไปให้คนอื่นก็ได้ แต่แม่ของนางสาวฝนกลับตอบว่า "เกลียด ไม่อยากแดก" ตนจึงโมโหเลยพูดกับเขาว่า "เอาของทิ้งแล้ว ทำไมไม่เอาเงินที่ให้ไปรอบที่แล้ว 1,500 มาคืนด้วยล่ะ" ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทวงอะไร เพียงแค่โมโหเท่านั้นจึงพูดจาแดกดันเขาไป ทำให้มีปากเสียงกันในโรงพยาบาล


โดยทางฝั่งครอบครัวตนก็พยายามจะพูดคุยกับเขา ว่าอยากให้ทางเราช่วยเหลือยังไงบ้าง ทางฝั่งตนก็ยินดีจะรับผิดชอบ แต่ทางฝั่งเขาไม่คุยเลย ทางตนจึงไม่ได้มีการไปพูดคุยอีก หลังจากนี้ก็คงไม่ได้ไปพูดคุยอะไรกับทางฝั่งเขาแล้ว ให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป น้องตนผิดจริงก็ยอมรับทุกอย่าง ก็ไม่ได้หลบหนีอะไร

 

แค้นถูกบอกเลิก! หนุ่มพิการสาดน้ำกรดใส่แฟนสาวโคม่า