จากกรณี นายอาเดรียน อายุ 52 ปี หนุ่มชาวอังกฤษ ส่งคลิปวิดีโอพฤติกรรมของภรรยาชาวไทย กระทำต่อ น้องอลิส ลูกสาวแท้ ๆ วัย 7 ขวบ โดยการใช้ปืนจ่อหัว และใช้ผ้ารัดคอ เพื่อไปข่มขู่ไถเงิน ก่อนที่ นางสมศรี กรรมการหมู่บ้านออมทอง จะนำคลิปดังกล่าวมาให้กับสื่อมวลชนเพื่อนำเสนอ วอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการช่วเหลือเด็ก เนื่องจากเกรงว่าเด็กจะได้รับอันตราย พร้อมกับได้เข้าแจ้งความไว้ ที่ สภ.บางปู เอาไว้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าวันที่ 6 พ.ค. พ.ต.อ.วัชระ เทพเสน ผกก.สภ.บางปู ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ตุลชัย สมใจ รอง ผกก.สส.สภ.บางปู เดินทางไปที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับประสาน กับตำรวจ สภ.อ่าวน้อย เข้าไปตรวจสอบที่บ้านพักของ นางสุดารัตน์ กระทั่งพบตัวน้อง อลิส กำลังอยู่ในความดูแลของ นางนารี อายุ 60 ปี แม่ของนางสุดารัตน์

ส่วนนางสุดารัตน์ นั้นเจ้าหน้าที่ไปพบตัวขณะกำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปจับกุม และนำตัวมาตรวจค้น กระทั่งพบปืนขนาด 9 มม. ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก ยาบ้าอีก 3 เม็ด ซ่อนอยู่ในห้อง จากนั้นจึงส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวน้อย คุมตัวไปดำเนินคดี และนำตัวน้องอลิส พร้อมด้วย นางนารี เดินทางกลับมา ที่ สภ.บางปู เพื่อให้สหวิชาชีพเข้าสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะที่นางสุดารัตน์ ถูกตำรวจคุมตัวขึ้นรถเพื่อส่งไปดำเนินคดีที่ สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ นั้น ทางนางสุดารัตน์ ไม่ได้มีท่าทีเครียดแต่อย่างใด และได้พูดกับทีมข่าวว่า จากคลิปไม่ได้จะทำร้ายลูก ตนแค่นั่งหยอกลูกเฉย ๆ ซึ่งตนรักลูกมาก

วันนี้ (7 พ.ค. 2567) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางสุดารัตน์ แม่ที่ทำร้ายลูกสาวภายในหมู่บ้านออมทอง อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ พบว่าเป็นบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้น แต่ไม่พบน้องและยายที่ตำรวจไปช่วยเหลือมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะตำรวจชุดสืบสวนได้รับตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อรอให้สาวิชาชีพเข้าสอบปากคำ

ทีมข่าวได้สอบถาม นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หลานชายของนางสุดารัตน์ ผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า ปกติแล้วนางสุดารัตน์จะมีลักษณะเป็นบุคลิกมีอารมณ์ขึ้นลงได้ง่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่นี่และได้ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดน่าจะไป ๆ มา ๆ เพราะปกติบ้านหลังนี้จะอยู่กันสี่คน คือมี ตนเอง นางสุดารัตน์ลูกชายคนโต อายุ 14 ปี และเด็กหญิงผู้เสียหาย และตนเองยังไม่เคยเห็นแบบชัด ๆ น้องผู้หญิงถูกทำร้าย แต่ตนเองเคยได้ยินเสียงที่น้องถูกตี

โดยก่อนที่จะเกิดเหตุกับน้องผู้หญิง นางสุดารัตน์ได้มีเรื่องทะเลาะกับลูกชายคนโตอายุ 14 ปี สาเหตุเป็นเพราะว่าพ่อของลูกชายของนางสุดารัตน์ ได้โอนเงินค่าเสื้อนักเรียนมาให้ แต่เมื่อนางสุดารัตน์รู้ว่าลูกชายไม่บอกว่าพ่อของเด็กโอนเงินมาให้ จึงได้เกิดมีปากเสียงลูกชายคนโต บอกว่าได้เอาเงินไปซื้อเสื้อผ้านักเรียนหมดแล้ว ทำให้นางสุดารัตน์เกิดความโมโหทะเลาะกัน จนเอาปืนออกมาข่มขู่ลูกชายตนเอง เมื่อวันที 3 พฤษภาคม จนตนเองต้องเข้าไปห้าม และต่อมาในวันที่ 4 พฤษภาคม ก็ได้เกิดเหตุที่ปรากฏคลิปกับน้องผู้หญิงที่ถูกทำร้าย จนตำรวจเข้าดำเนินการช่วยเหลือ

และระหว่างที่ตำรวจพร้อมสหวิชาชีพเตรียมที่จะสอบปากคำ น้องอลิส ทีมข่าวจึงได้สอบถามนางเพ็ญ (นามสมมติ) ยายของน้องอลิส ที่เข้าให้ปากคำในฐานะผู้ปกครอง เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะเอาหลานไปดูแลด้วยตัวเองที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนพ่อของเด็กที่เป็นชาวอังกฤษจะรับไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วยหรือไม่นั้นตอนนี้ตนเองยังไม่อยากให้ไปเพราะต้องการอยากให้โตกว่านี้ก่อน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ติดหรือปฏิเสธที่จะให้ไปอยู่ในความดูแลของพ่อของเด็กแต่อย่างใด แต่ตอนนี้หลานตนเองยังไม่อยากไปแต่ถ้าวันนึงถ้าเค้าอยากไปก็จะให้เขาไป

ส่วนลูกสาวผู้ที่ก่อเหตุ เมื่อคืนนี้หลังจากถูกจับกลุ่มแล้วก่อนที่ตำรวจจะพาตนเองและลามมาที่ สภ. บางปู แม่ของเด็กที่ถูกดำเนินคดีที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้ามากอดลูกแล้วร้องไห้พร้อมกับกล่าวคำว่าขอโทษในสิ่งที่กระทำลงไป ซึ่งตนเองได้ถามลูกสาวว่าทำไมถึงทำพฤติกรรมแบบนี้แต่ลูกสาว อ้างว่า เป็นการหยอกล้อกับพ่อเด็กไม่ได้คิดอะไรจริงจัง แต่ที่ตนเองรับไม่ได้เลยเห็นคือเอาปืนมาจ่อหัวหลานเป็นสิ่งที่ไม่สมควรและรุนแรงเกินไป

ส่วนค่าเลี้ยงดูพ่อของเด็กจะส่งมาจากต่างประเทศให้กับตนเองทุกเดือน เพราะหลานอยู่กับตนเองที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ช่วงปิดเทอมแม่จะไปรับมาอยู่ด้วยที่จังหวัดสุปราการ แต่หลังจากที่แม่ของเด็กออกจากงาน ก็จะให้พ่อเด็กโอนเงินค่าดูแลลูกไปที่แม่ของเด็กเองซึ่งไม่ได้ผ่านตนเองอีก

โดยส่วนตัวไม่รู้ว่าลูกสาว เสพยาเสพติดมารู้หลังจากที่ตำรวจเข้าจับกุมและค้นเจอเมื่อคืนนี้ ซึ่งทางสามีของตนเองได้มีการโทร. มาปรึกษาว่าจะขอประกันตัวลูกสาว แต่ตนเองบอกว่าไม่ต้องประกัน เกรงว่าออกมาแล้วจะมาทำร้ายหลานอีก จึงปล่อยให้รับโทษเพื่อจะได้สำนึกได้ อ๋ออยากให้ลูกสาวกลับตัวกลับใจไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ยอมรับว่าเป็นห่วงทั้งลูกและหลาน