จากกรณีเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 8 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า ร.ต.ท.อิทธิพล จิโรปการ พนักงานสอบสวน สภ.บางปลาม้า รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ริมถนนสายมะขามล้ม-สังฆจาย หมู่ 4 ตำบลมะขามล้ม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.มงคล วิลัยเกษม ผกก.สภ.บางปลาม้า กำลังฝ่ายสืบสวน สายตรวจรถยนต์ ชุดสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง
โดยที่เกิดเหตุอยู่หน้าร้านขายของเบ็ดเตล็ดแห่งหนึ่ง มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ที่ข้างโต๊ะพบร่างคนถูกยิงทราบชื่อ นายสุรเชษฐ์ หรือ เบนซ์ อายุ 33 ปี คนตายถูกยิงด้วยปืนขนาด 11 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัดอาการสาหัสนอนจมกองเลือด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรีบช่วยทำ CPR ปั๊มหัวใจช่วยชีวิต ก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาลบางปลาม้า แต่นายสุรเชษฐ์ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนคนก่อเหตุ คือ นายธรรมพร หรือ ตาม อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ขณะเดินทางไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล จึงนำกำลังไปตรวจสอบก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.บางปลาม้า เบื้องต้นผู้ต้องหา อ้างถึงสาเหตุที่ลงมือยิงผู้ตาย เผยว่า ก่อนลงมือก่อเหตุได้ไปกินเหล้างานวันเกิดเพื่อนจนดึก และได้ขับรถกลับบ้าน ระหว่างนั้นได้ไปเจอผู้ตายนั่งกินเหล้ากันอยู่หน้าร้านค้า และผู้ตายได้เดินมาพูดคุยกับตนถึงเรื่อเก่าสมัยเด็กที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่เคยกระทืบตนจนฟันกรามบิ่น เป็นเหตุให้ตนทนไม่ไหวลงมือก่อเหตุดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ และคาดว่าปมฆ่าเพื่อนครั้งนี้น่าจะมาจากปัญหาธุรกิจสีดำหรือไม่ ก่อนจะเกิดการฆ่าทิ้งในวงเหล้า
ล่าสุด (8 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่ 7 พ.ค. เวลา 19.42 พบนายสุรเชษฐ์ ผู้ตาย นั่งดื่มอยู่กับเพื่อน ๆ ตามปกติ ต่อมาในเวลา 00.49.10 น. พบนายธรรมพร หรือ ตาม ผู้ก่อเหตุ ได้เดินมาเอาปืนจ่อหัวยิงนายสุรเชษฐ์ 1 นัด ก่อนที่นายธนาคาร หรือ แบงค์ เพื่อนในวงเหล้า จะพยายามเข้าแย่งปืนก่อนเกิดการต่อสู้กัน และปืนลั่นขึ้นอีก 1 นัด แต่ไม่โดนใคร
จากนั้นนายธรรมพรได้วิ่งหลบหนีไปฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ โดยมีเพื่อนของผู้ตายวิ่งตามไป แต่วิ่งตามไม่ทัน และช่วงเวลา 00.53 น. พบคนร้ายได้วิ่งมาขึ้นรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ และได้ขับรถกระบะหลบหนีออกจากพื้นที่ไป
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางที่ สภ.บางปลาม้า เวลา 15.00 น. พนักงานสอบสวนได้เบิกตัว นายธรรมพร หรือ ตาม ผู้ต้องหาออกมาจากห้องขัง เพื่อนำตัวไปสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ทันทีที่ออกมาจากห้องขัง ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายตาม เผยกับทีมข่าวว่า ปมเหตุเกิดจาก การที่ตนโดนคนตายกระทืบมาตั้งแต่เด็ก หนักสุดคือ ถูกคนตายเตะเข้าที่ใบหน้าจนฟันกรามบิ่น จากนั้นก็โดนข่มเรื่อยมา จนเกิดเป็นความแค้นในใจ
ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตอนแรกตนไม่ได้คิดอะไรแต่มาเจอกับคนตายแล้วเขาพูดถึงแต่เรื่องเก่า คุยกันกับเพื่อนแล้วก็หัวเราะใส่ตน จึงทำให้ตนโมโหกลายเป็นอารมณ์ชั่ววูบ นำปืนไม่มีทะเบียนมาใช้ก่อเหตุดังกล่าว ยืนยันปัญหามีเพียงเรื่องนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด สุดท้ายนี้ อยากฝากบอกกับคนตายว่า “ขอโทษด้วย ขอโทษครอบครัวเขา มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมทำผิดไปแล้ว ก็ต้องยอมรับชะตากรรม อยู่ข้างในก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะทำตัวให้ดี”
ขณะเดียวกันที่ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี วันนี้ทางแม่ผู้เสียชีวิต มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว ไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งตำรวจกันไม่ให้ฝั่งครอบครัวคนตายเจอกับผู้ต้องหา หวั่นเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายธนาคาร อายุ 33 ปี หรือ แบงค์ เพื่อนในวงเหล้าคนตายซึ่งเป็นคนแย่งปืนจากผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนประมาณ 5 คนได้ตั้งวงดื่มกันอยู่ที่หน้าร้านขายของเบ็ดเตล็ด ระหว่างนั้น นายธรรมพร ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเขานั่งดื่มกับพวกอยู่คนละฝั่งถนน ได้เดินข้ามมาหาพวกตนที่โต๊ะพร้อมกระป๋องเบียร์ เพื่อมาชนแก้วกับนายสุรเชษฐ์ ผู้ตาย
จากนั้นนายธรรมพร ผู้ก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ไม่นานเขาก็ขี่จักรยานยนต์ย้อนกลับมาใหม่ แล้วเดินเข้ามาเอาปืนจ่อหัวนายสุรเชษฐ์ และยิงทันที 1 นัดกระสุนถูกนายสุรเชษฐ์ล้มลง แล้วนายธรรมพร ผู้ก่อเหตุ ได้หันปากกระบอกปืนมาหาตนพร้อมกับถามว่ามีปัญหาอะไรไหม ตนเห็นผู้ก่อเหตุมีปืนจึงไม่ตอบ กระทั่งเหมือนแม็กกระซีนปืนมันหลุดออกมา ตนได้จังหวะจึงเข้าแย่งปืนของผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ หลังถูกแย่งปืนผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดีได้วิ่งหนีไป เพื่อนอีกคนจะไปตามแต่ก็ไปไม่ทัน
ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องในอดีตที่เคยผิดใจกันตอนสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยยังเป็นเด็ก ๆ กันอยู่ แต่ตนก็ไม่รู้อะไรมาก เพราะตอนช่วงเด็ก ๆ นั้นตนไม่ได้อยู่กับพวกเขา ส่วนตอนก่อนเกิดเหตุนั้น ที่นายธรรมพร ผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามาชนแก้วตอนแรก ผู้ตายไม่ได้ต่อว่าหรือดูถูกอะไรเขาเลยก็มาชนแก้วกันแค่นั้น