จากกรณีรายงานความคืบหน้าคดีฆาตกรรมหญิงสาวใส่กุญแจมือ ก่อนถูกรัดคอจนเสียชีวิต ทิ้งไว้ที่ข้างสุสานบ้านเลิงคา ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา พันตำรวจโทมานพ เกียววาณิช ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมเจ้านี้ตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 สืบสวนตำรวจภูธร จังหวัดร้อยเอ็ด และคณะ ซึ่งนำตัวผู้ต้องสงสัย คือนายเคน อายุ 67 ปี เป็นคนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนภายในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกับผู้เสียชีวิตมาสอบสวน จนกระทั่งกลางดึกได้รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าผู้ตายจริง โดยเหตุสืบเนื่องมาจากมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกัน ในวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา และผู้ตายเรียกร้องให้รับผิดชอบ มิฉะนั้นจะนำข้อเท็จจริงไปเปิดเผยให้กับเมียของฆาตกร จนเป็นเหตุให้ตัดสินใจฆ่าผู้ตายเพื่อปิดปาก แล้วนำศพไปทิ้งอำพราง
ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.จังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเมื่อเวลา 11.28 น. ทาง พล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ได้มีการนำกำลังตำรวจ สภ.จังหาร พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด นำตัวนายเคน คนก่อเหตุไปชี้จุดทำแผนจุดที่ 1. ก็คือบริเวณบ้านของนายเคนในหมู่บ้านท่างาม ตำบลยางใหญ่ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด
ซึ่งบรรยากาศในการนำตัวนายเคน ลงรถไปชี้จุดตำรวจต้องมีความจำเป็นต้องควบคุมตัวไปชี้จุดให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีชาวบ้านเข้ามามุงดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญบ้านของนายเคนก็อยู่ห่างจากบ้านเช่าของผู้ตายประมาณ 100 เมตรเท่านั้น
โดยในการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายเคน ผู้ต้องหา ได้ชี้ที่หน้ารถตู้ซึ่งตามข้อมูลเป็นจุดที่นายเคนรับสารภาพกับตำรวจ ว่าลงมือก่อเหตุฆ่าผู้ตายบนรถ ด้วยการล็อกกุญแจมือ จากนั้นได้ใช้ยางในรถจักรยานยนต์ลัดคอก่อนจะนำศพไปทิ้ง
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ย้อนกลับไปที่บ้านของนายเคน ซึ่งพบว่ารถตู้ของนายเคนยังจอดไว้ที่บ้าน โดยภายในรถพบเสื้อผ้าอยู่ที่เบาะหน้าและเบาะหลัง ส่วนที่เบาะข้างคนขับ พบว่ามีขวดน้ำยาทำความสะอาดวางอยู่ในถัง แต่ไม่รู้ว่าเป็นน้ำยาที่นายเคน ใช้ทำความสะอาดรถเพื่อทำลายหลักฐานหรือไม่ ส่วนบริเวณหน้าบ้านของนายเคน ยังพบรองเท้าคอมแบทวางอยู่ประมาณ 4 คู่ และบ้านที่อยู่ติดกันซึ่งมีกล้องวงจรปิดก็เป็นบ้านของลูกสาวนายเคน
ส่วนภาพวงจรปิดเท่าที่ทีมข่าวจะไปไล่มาได้ วงจรปิดที่ร้านค้าท้ายหมู่บ้านก่อนจะถึงจุดทิ้งศพ ในเวลา 07.07 น. ของวันที่ 26 เมษายน จะเห็นว่ารถตู้ของนายเคนมีการขับมุ่งหน้าไปยังจุดทิ้งศพ ซึ่งหากสังเกตที่กระจกหลังรถจะเห็นว่า นายเคนมีการปิดผ้าม่านที่หลังรถ
ส่วนวงจรปิดคลิปที่ 2 จะเห็นว่าหลังจากรถตู้ของนายเคน ขับเข้าไปทิ้งศพเสร็จแล้ว รถตู้ของนายเคนก็จะขับย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน และวงจรปิดคลิปที่ 3 เป็นวงจรปิดหน้าปากซอยบ้านของนายเคน ก็สามารถจับภาพรถของนายเคนขับผ่านหน้ากล้องกลับมาในเวลา 07.41 น. ซึ่งจะเห็นว่ารถของนายเคน มีการปิดม่านไว้รอบคัน
ทั้งนี้ ในช่วงทำแผนยังจุดแรกที่บ้านของนายเคน หลังชี้จุดฆ่าบนรถตู้แล้ว ทางนายเคนได้พาตำรวจเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่มีความสัมพันธ์กับผู้ตาย และหลังจากชี้เสร็จในขณะที่ตำรวจคุมตัวกลับไปขึ้นรถ ทีมข่าวสังเกตเห็นนายเคน มีการยกมือขึ้นมาแตะที่หน้ารถตู้คล้ายกับอาลัยอาวรณ์ก่อนตำรวจจะคุมตัวไปขึ้นรถ เพื่อนำตัวไปชี้จุดต่อไปซึ่งเป็นจุดทิ้งศพ และนายเคนก็ยังไม่ตอบคำถามอะไรกับทีมข่าว
ส่วนจุดที่ 2 เป็นจุดที่พบศพ นายเคน ผู้ต้องหาได้มีการพาตำรวจเดินเข้าป่าไปชี้จุดที่มีการทิ้งศพ โดยเมื่อไปถึงตำรวจได้นำตัวนายเคน ผู้ต้องหาเดินเข้าไปในป่า จากนั้นเมื่อเดินไปถึงนายเคนก็มีการยืนชี้จุดทิ้งศพ ซึ่งทางผู้การฯ ได้มีการถามว่า ทำไมต้องเข้ามาทิ้งศพในจุดดังกล่าว โดยนายเคนบอกว่าที่ไม่ไปทิ้งศพตรงสะพานเนื่องจากเห็นคนอยู่เยอะ ก็เลยขับรถเข้ามาทิ้งศพในป่า ซึ่งจุดดังกล่าวไม่เคยเข้ามา และตอนที่นำศพมาทิ้ง นายเคน ยังยอมรับกับผู้การฯ ว่ามีการถอยรถตู้เข้ามาในป่า ซึ่งในขณะที่ตำรวจนำตัวกลับไปขึ้นรถ ทีมข่าวได้สอบถามกับเจ้าตัวหลายคำถาม แต่นายเคนไม่ตอบคำถามอะไร แม้แต่คำขอโทษก็ไม่ยอมปริปากพูดออกมา
จากนั้นในขณะที่ตำรวจนำตัวนายเคนขึ้นไปบนรถ ทีมข่าวก็พยายามถามกับเจ้าตัวอีกรอบ ซึ่งนักข่าวก็ถามกับนายเคนว่าวันนั้นที่ไปสัมภาษณ์ ทำไมลุงเคนถึงตอบว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่ปรากฏว่านายเคนก็นิ่งไม่ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว
โดยในขณะที่ตำรวจเคลื่อนรถออกจากจุดทำแผน ชาวบ้านที่มาดูการทำแผนมีการพร้อมใจกันตบมือชื่นชมตำรวจว่าทำงานเก่งมาก เยี่ยมมาก เก่งที่สุดเลย ซึ่งมีชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนถามกับนายเคนว่า ทำไมใจร้ายจัง จิตใจทำด้วยอะไร โหดจริง ๆ เลย และเมื่อตำรวจนำตัวนายเคนไปถึงโรงพัก นักข่าวก็พยายามเข้าไปถามอีก แต่นายเคนก็เดินนิ่งเหมือนเดิม โดยไม่ยอมปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
จากนั้นในขณะที่ตำรวจกำลังคุมตัวนายเคน ผู้ต้องหาไปฝากขัง ทีมข่าวก็เข้าไปถามอีกรอบซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ยอมตอบอะไร กระทั่งเมื่อทางญาติของผู้ตายเห็น จึงพยายามเดินเข้ามาช่วยนักข่าวถามกับนายเคน จนทำให้ตำรวจต้องรีบนำตัวนายเคนไปขึ้นรถ ซึ่งตอนที่ขึ้นรถไปแล้วทางญาติได้มีการเอามือไปทุบที่รถหนึ่งครั้ง ทำให้นายเคนต้องลุกไปนั่งอีกฝั่ง จากนั้นแม่ของผู้ตายได้มีการพยายามเดินไปถามว่า "ตาทำไมวันที่ 27 เมษายน ที่เดินไปถามว่าเห็นลูกไหม ตาถึงบอกว่าไม่เห็นลูกฉัน ทำไมตาถึงทำกับลูกฉันได้ถึงขนาดนี้"
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าพูดคุยกับนายสาโรจน์ อายุ 19 ปี สามีผู้ตาย เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองคบกับนางสาวสุภัทรา ผู้ตาย มาได้ 3 ปีแล้ว และมีลูกสาวอายุ 1 ปี 8 เดือน ด้วยกัน 1 คน โดยตนเองได้ไเป็นคนไปส่งภรรยาที่สถานีรถไฟรังสิต ในวันที่ 17 เมษายน เพราะภรรยาบอกว่าจะไปทำงานเลี้ยงเด็กให้คนข้างบ้าน โดยหลังจากที่ภรรยาตนไปถึงร้อยเอ็ดก็จะโทรวิดิโอคอลกันตลอด แต่พอวันที่ 26 ภรรยาตนหายไป ไม่โทร. มาอย่างเช่นทุกวัน พอช่วงสาย ๆ แม่ของภรรยาตนก็ใช้โทรศัพท์แฟนติดต่อมาหาตนว่าภรรยาตนเขาหายไปไหน บอกจะไปซื้อกับข้าวแต่ไม่พกโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินไป ซึ่งปกติถ้าเขาไปซื้อของจะต้องเอาโทรศัพท์ไปเพื่อโอนเงินจ่ายตลอด
แม่ของภรรยาตนก็ถามว่า นางสาวสุภัทราเดินทางกลับมาหาตนที่ปทุมธานีหรือไม่ ตนก็เลยรอจนเย็นเขาก็ยังไม่มาหาตน พอวันต่อมาลูกสาวก็โทร. มาหาตนว่าแม่ยังไม่กลับมาเลย ตนก็เลยคิดว่าหรือภรรยาตนจะไปหางานทำที่อื่นก็เลยรอเขาติดต่อกลับมา
พอถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ญาติ ๆ ของภรรยาตนก็โทร. มาหาตนและบอกว่านางสาวสุภัทรา เสียชีวิตแล้ว ตนก็ตกใจ รีบเดินทางไปที่ร้อยเอ็ดในวันนั้นเลย ตนแทบลงรถไม่ได้จนต้องให้พี่มาอุ้มลงไป เพราะเสียใจมาก ตนเห็นชุดที่เขาใส่ตอนเสียชีวิตนั้นเป็นชุดเดียวกับที่เขาใส่ในวันที่ตนไปส่งเขาขึ้นรถไฟกลับไปบ้านที่ร้อยเอ็ดเลย ซึ่งเขาชอบชุดนี้มาก
ตนเองยังไม่ได้เจอกับคนก่อเหตุเลย เพราะวุ่นวายหลายเรื่องก็ไม่ได้รู้จักกับคนก่อเหตุมาก่อน แต่เคยเห็นหน้ากันบ่อยครั้ง เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้ ๆ บ้านภรรยาตน ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำแบบนี้ ส่วนที่เขาอ้างว่ามีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภรรยาตนนั้น ตนไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะภรรยาตนไม่เคยมีพฤติกรรมไม่ดีเลยตลอดระยะเวลาที่คบกับตนมา ไม่เคยมีเรื่องชู้สาวหรือการนอกใจกันเลยสักครั้ง มีอะไรเขาก็บอกตนตลอด ใครมาจีบมาแซวเขา เขายังเล่าให้ตนฟังเลยทุกครั้ง
ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาแฟนตนเป็นคนที่ดีและน่ารักมาก ดูแลตนดีมาตลอด เป็นคนที่แสนดีมาก ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานตนยังพูดเลยว่าตนมีแฟนดี ตนก็อยากให้ผู้ก่อเหตุมาพูดความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ภรรยาตนก็ตายไปแล้วจะมาพูดอะไรได้อีก คนก่อเหตุก็พูดได้หมด ตนก็อยากให้กฎหมายลงโทษเขาให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำด้วย
ขณะเดียวกันในระหว่างที่ตำรวจสอบปากคำนายเคน ผู้ต้องหา ทีมข่าวได้มีโอกาสไปเจอกับ นางสาวคิม (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายเคน ยืนยันว่าตอนที่พ่อก่อเหตุ คนในครอบครัวไม่มีใครรู้ เนื่องจากไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกับพ่อ ส่วนความสัมพันธ์พ่อกับผู้ตาย ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อน และส่วนตัวก็ไม่เคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน ที่ผ่านมายืนยันว่าพ่อไม่เคยมีพฤติกรรมที่จะนอกใจแม่ไปมีคนอื่น ซึ่งวันนี้เท่าที่เข้าไปคุยกับพ่อ พ่อก็ยอมรับว่ากลัวที่ผู้ตายจะไปฟ้องแม่ จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ
ส่วนเรื่องกุญแจมือที่พ่อใช้ในการก่อเหตุ ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำอาชีพเป็น รปภ. และตอนทำแผน ที่พ่ออาลัยอาวรณ์กับรถตู้เป็นเพราะว่ารถตู้คันดังกล่าว เป็นรถตู้ที่ตนเองกับพี่ชายซื้อให้พ่อในวันที่พ่ออยากเปลี่ยนอาชีพจาก รปภ. มาเป็นคนขับรถรับส่งนักเรียน ยืนยันตนเองและแม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้น ตนเองจะไม่โทษใคร และจะโทษตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนเลี้ยงพ่อไม่ดีเอง