จากกรณีเมื่อเวลา 18.39 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพนาทีนายอุดม อายุ 50 ปี (ผู้ก่อเหตุ) ได้ทำการใช้ของแข็งทุบตีสุนัขในบ้านจนตาย โดยนายอุดมนั้นได้กระหน่ำตีสุนัขมากถึง 5 ครั้ง ทำให้สุนัขร้องด้วยความเจ็บปวดจนกระทั่งนิ่งเงียบไปในที่สุด จากนั้นนายอุดมก็ได้เดินกลับออกไปอย่างหน้าตาเฉย






ล่าสุดวันนี้ (8 พฤษภาคม 2567) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่นายอุดมได้ทำการทุบตีสุนัขจนตาย พื้นที่ หมู่ 7 บ้านหนองไผ่น้อย ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา โดยในตอนนี้ทางนายอุดมนั้นได้หลบหนีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นางหลอดทอง อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของนายอุดม (ผู้ก่อเหตุ) เล่าว่า ตนกับนายอุดมนั้นเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่ตนก็ไม่ค่อยลงรอยกับน้องชายคนนี้สักเท่าไร เนื่องจากนายอุดมนั้นมีพฤติกรรมติดสุราและยาเสพติดจนเรียกได้ว่าคลั่ง ทุกครั้งที่นายอุดมมีอาการคลั่งก็มักจะทำลายข้าวของภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ รถยนต์ก็ไม่เหลือสักคัน ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายอุดม ก็ได้ใช้น้ำมันเบนซินราดรอบบ้านเพื่อหวังจะเผาบ้าน แต่โชคดีที่ตำรวจมาทันทำให้นายอุดมไม่ได้ลงมือเผาบ้าน โดยที่ทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครกล้าห้ามหรือต่อว่านายอุดมเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย




จนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ขณะที่ตนนั่งทานข้าวอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นว่านายอุดมนั้นเดินแบกอะไรมาสักอย่าง ไม่แน่ใจว่าเป็นจอบหรือเสียม จากนั้นนายอุดมก็ได้ทำการกระหน่ำตีสุนัขของตนทันที โดยสุนัขตัวดังกล่าวชื่อว่า “หมูปิ้ง” อายุ 7-8 เดือน ตอนนั้นตนก็ตกใจและไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามเนื่องจากเห็นว่านายอุดมนั้นมีอาการคลั่งอยู่ ประกอบกับตนและนายอุดมไม่ลงรอยกันจึงหวั่นว่าถ้าเข้าไปแล้วจะถูกทำร้าย






หลังจากที่นายอุดมได้ทำการฆ่าเจ้าหมูปิ้ง นายอุดมก็เดินกลับบ้านตัวเองเพื่อไปอาบน้ำ แล้วไม่นานนักนายอุดมก็เดินกลับมาพร้อมกับเครื่องปรุงบางอย่าง แล้วก็ทำการลากร่างของเจ้าหมูปิ้งข้ามถนนไปให้เพื่อนบ้านชาวเขมรที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งนายอุดมนั้นตั้งใจที่จะนำร่างของเจ้าหมูปิ้งไปต้มแกงกินกับเพื่อนบ้านชาวเขมร เพราะตัวนายอุดมนั้นก็ชอบกินเนื้อหมาเช่นเดียวกัน แต่ทว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางมาถึงก่อน ทำให้นายอุดมยังไม่ทันนำร่างของเจ้าหมูปิ้งมาทำอาหาร นายอุดมคงกลัวความผิดก็ได้วิ่งหนีเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในป่า จนกระทั่งถึงตอนนี้นายอุดมก็ยังคงหลบหนีอยู่




ซึ่งตอนนี้นางหลอดทองเอง ก็ไม่รู้ว่าร่างของเจ้าหมูปิ้งนั้นอยู่ที่ไหน เชื่อว่าเพื่อนบ้านชาวเขมรน่าจะเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ทีมข่าวก็ได้ถามต่อว่าตอนนี้กังวลในเรื่องความไม่ปลอดภัยบ้างหรือเปล่า เพราะนายอุดมยังคงลอยนวลอยู่ แต่ทางด้านนางหลอดทอง ก็บอกว่า ตัวเองไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกังวลอะไร หากคนเราเมื่อถึงเวลาตายก็ต้องตาย หากถึงตอนนั้นถ้าต้องสู้ ตนก็คงจะสู้สุดตัวเช่นเดียวกัน




ต่อมาทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนายมั่น (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นชายชาวเขมรที่อยู่บ้านตรงกันข้ามกับนายอุดม (คนก่อเหตุ) โดยนายมั่นเปิดเผยว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 6 พ.ค. นายอุดมได้เดินมาหาตนที่บ้านจริง ซึ่งนายอุดมก็ได้ลากสุนัขที่ตายแล้วมา 1 ตัว พร้อมกับบอกตนว่า “ฉันตีมันตายเองแหละ มันจะกัดฉัน” แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ตนก็เห็นว่ามีตำรวจขับเข้ามา แล้วนายอุดมก็ได้วิ่งหนีไป ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับร่างของสุนัขต่อ ตนก็ไม่กล้ากินเพราะกลัวจะมีความผิด จึงได้นำร่างสุนัขไปให้คนอื่นแล้ว


ทีมข่าวจึงได้ถามต่อว่า ปกติแล้วนายมั่นกินเนื้อสุนัขหรือเปล่า นายมั่นก็ยอมรับว่าตัวเองนั้นกินเนื้อสุนัขจริง แต่จะต้องเป็นสุนัขที่ตายเองหรือไม่ก็ต้องเป็นสุนัขที่ถูกรถชน ส่วนสาเหตุที่นายอุดมเอาสุนัขมาให้ตนนั้นเป็นเพราะอะไรตนก็ไม่ทราบ เพราะตนยืนยันว่าตนไม่ได้สนิทสนม หรือรู้จักนายอุดมเป็นการส่วนตัว

 

ชายคลั่งฆ่าหมา ลากศพให้ต่างด้าวกิน