จากกรณี นางแคทเธอรีน เดลาคอท อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองตายริมสระน้ำในวิลล่าหรู ที่ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 100 ล้านบาท ให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิท หลังทราบตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า ที่วัดภูเขาทอง ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางแคทเธอรีน หลังจากเมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ได้มอบศพให้ ป้าติ๋ม แม่บ้านคนสนิทของผู้ตาย นำศพของแหม่มชาวฝรั่งเศส มาประกอบพิธีทางศาสนา ตามที่ผู้ตายเขียนสั่งเสียไว้ก่อนตาย ว่าให้ป้าติ้มเป็นผู้ดำเนินการในการทำศพของตน
พร้อมทั้งผู้ตายได้โอนเงินให้กับ ป้าติ๋ม ผ่านทางบัญชีของป้าติ๋มไว้ก่อนตายเป็นจำนวน 5 แสนบาท เพื่อใช้ในการประกอบพิธีศพ โดยพิธีบำเพ็ญกุศลศพของนางแคทเธอรีน ที่วัดภูเขาทอง เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นิมนต์พระสงฆ์สวดอภิธะรรม 1 คืน และก็มีพิธีเผาศพในวันนี้ (9 พ.ค.) ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจทั้งของป้าติ๋มและเพื่อนของผู้ตายที่เป็นชาวฝรั่งเศส ได้นำดอกไม้มาวางไว้อาลัยที่บริเวณหน้าเตาเผาศพของเมรุเผาศพ เพื่อเป็นการไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ขณะที่ทางป้าติ๋มเองก็ยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในส่วนประเด็นของพินัยกรรม ที่ผู้ตายมอบทรัพย์สินให้ ร่วมถึงประเด็นอื่น ๆ บอกกับผู้สื่อข่าวแต่เพียงว่า แม้ยังเศร้าโศกอยู่กับการจากไปของเจ้านายแหม่มแต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่เจ้านายได้สั่งเสียไว้ก่อนตาย ก็คือนำศพมาประกอบพิธีทางศาสนา จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์
นอกจากนี้ แมวทั้ง 3 ตัวของผู้ตาย อดีตสามีของผู้ตายก็ได้มาเอาไปเลี้ยงดูต่อแล้ว นอกจากนี้ลูกชายของ ป้าติ๋มก็ได้บวชหน้าไฟให้กับผู้ตายด้วย เพื่อเป็นการส่งบุญกุศลให้กับผู้ตาย ส่วนอัฐิของผู้ตายป้าติ๋มก็จะนำเอาไปบรรจุในไว้ในโกศเก็บไว้ที่วัดแห่งนี้ เพื่อจะได้มาทำบุญให้กับเจ้านายทุก ๆ ปี
ทั้งนี้ จากกรณีนางแคทเธอรีน แหม่มนักธุรกิจสาวชาวฝรั่งเศส ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิทมูลค่านับร้อยล้านบาท ที่มีความผิดปกติในการจดทะเบียนบริษัท ว่ามีนอมินีสวมชื่อครอบครองทำธุรกรรมหรือไม่
ในส่วนประเด็นนี้ล่าสุด พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4, นายจรัญ รื่นพาณิช หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ.16 ตัวแทนฝ่ายปกครอง อำเภอเกาะสมุย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจบริเวณบนภูเขา ในพื้นที่จไนวน 6 จุด พร้อมบันทึกภาพมุมสูงไว้เป็นหลักฐาน
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับการประสานจากภาคประชาชนในเกาะสมุย ว่ามีพื้นที่ที่มีสุ่มเสี่ยงในการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ บุกรุกป่าไม้ว่ามันถูกหรือผิด ทางเราจึงได้ลงมาตรวจดูว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อย่างไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะหาข้อมูลเอกสารความเป็นจริงให้ดีที่สุด ซึ่งนโยบายของกองทัพภาค 4 จะไม่มีการกลั่นแกล้งเราจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าผิดกฎหมายก็คือผิด ถ้าถูกกฎหมายก็ให้ดำเนินการไป
ทั้งนี้ เราก็ต้องให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของให้ข้อมูลชี้แจงว่าพื้นที่ตรงนั้นได้มาอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร โดยใช้ทีมงานกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน. ที่ดูแลในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะเข้ามาตรวจสอบในทุก ๆ พื้นที่ ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 ไม่ใช่จะตรวจสอบเฉพาะที่เกาะสมุยทีเดียวยังมีที่ ภูเก็ต สุคิริน พัทลุง ก็ไปทุกพื้นที่ที่กองทัพภาคที่ 4 เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ ที่มีการบุกรุกมีการรุกล้ำ หากได้รับทราบข้อมูลในการร้องเรียนแล้ว ก็จะมีการลงไปตรวจสอบทันที
แต่สำหรับความคืบหน้าของกลุ่มนอมินีในพื้นที่ต่าง ๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทางอำเภอ เจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้มานั่งคุยกันว่าข้อมูลไหนที่เป็นเท็จจริงก่อนดำเนินการ ซึ่งในประเทศไทยจะต้องไม่มีนอมินี จะต้องไม่มีผู้มีอิทธิพล ซึ่งช่วงนี้ขอเวลาในการตรวจสอบนิดหนึ่งกับผู้มีอิทธิพล กับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย หรือผู้ที่สวมสิทธิ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติก็ตาม และต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
โดยแนวโน้มในการตรวจสอบมีข้อมูลที่จะสามารถดำเนินคดี แต่ต้องขอตรวจสอบซึ่งทางเราจะขอเก็บข้อมูลนี้ไว้ในการตรวจสอบก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นให้เขาได้ชี้แจงด้วยในเรื่องของผู้มีอิทธิพล และทำผิดกฎหมาย สำหรับผู้มีอิทธิพลที่เป็นต่างชาติก็มีการกวดขัน ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ต่างชาติด้วยกันเอง หรือแม้กระทั่งคนไทย ซึ่งตรงนี้ก็จะเริ่มมีการดำเนินการในส่วนที่เขาผิดจริง