สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายก่อเหตุดักยิง นายพิจิตร อายุ 60 ปี เจ้าของไร่มัน เสียชีวิตในไร่มันสำปะหลัง ม.13 ต.โคกกลาง อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี จากนั้น ตำรวจ สภ.โนนสะอาด จึงรุดไปตรวจสอบเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น




ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค. 2567 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 126/2567 เข้าตรวจค้นจับกุมตัว นายทรงศักดิ์ อายุ 60 ปี ขณะหลบซ่อนตัวในบ้านพักหลังหนึ่ง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.147/2567 ลงวันที่ 10 พ.ค.2567 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาต” พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, รถจักรยานยนต์ 1 คัน, เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ 3 ตัว, กางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้า ขาดเข่า 2 ข้าง 1 ตัว, ถุงย่ามกระสอบสีเขียว 1 ชิ้น, ลูกตะกั่ว 1 ถุง และเศษชิ้นส่วนตะกั่ว 5 ชิ้น


จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยเดิมทีผู้ต้องหาและผู้ตายเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ที่ อ.โนนสะอาด ต่อมาผู้ต้องหาได้ย้ายไปทำมาหากินกับภรรยาที่ จ.กาฬสินธุ์ แต่ก็ยังมีรถบรรทุกรับจ้างให้ญาติขับในเขต อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี


ระยะหลังภรรยาของผู้ต้องหา ได้เดินทางมาติดตามดูรถบรรทุกในพื้นที่ อ.โนนสะอาด ทำให้ผู้ตายที่มีนิสัยเจ้าชู้แอบจีบภรรยาของผู้ต้องหา ที่เคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันมาก่อน ตั้งแต่สมัยหลายสิบปีมาแล้ว โดยแอบติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ ต่อมาผู้ต้องหาจับได้ว่าภรรยาแอบเป็นกิ๊กกับเพื่อนรักเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา จึงเกิดความหึงหวงโกรธแค้นฝังใจ




ทีมข่าวได้ภาพหลักฐานเส้นทางหนีของคนร้ายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังได้มีการไปไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งไปพบว่านายทรงศักดิ์ ผู้ต้องหา ได้ขี่รถเข้าไปในที่เกิดเหตุ ในเวลา 02.23 น. ของวันที่ 24 เมษายน จากนั้นภาพวงจรปิดอีกตัว จะเห็นนายทรงศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์หนีออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อมุ่งหน้าไปที่จังหวัดกาฬสินธุ์


โดยบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายทรงศักดิ์ ผู้ต้องหา ให้การว่าวันที่ 24 เม.ย. ผู้ต้องหาตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านพักใน จ.กาฬสินธุ์ มาที่บ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ระยะทางไกลกว่า 70 กิโลเมตร โดยมีอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์มาด้วย




พอถึงบริเวณไร่มันสำปะหลังของผู้ตายก็แอบซุ่มอยู่จนถึงมืดค่ำ และเดินตามผู้ตายไปจนเจอและใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย แล้วเดินออกจากจุดเกิดเหตุไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยชุดสืบสวนภาค 4 ได้ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ชุดสืบสวน สภ.โนนสะอาด แกะรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิดจากหมู่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ไปไกลจนพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขับมุ่งหน้าไป จ.กาฬสินธุ์ ระยะทางร่วม 100 กิโลเมตร




และรวบรวมพยานหลักฐานความเชื่อมโยงของผู้ต้องหากับผู้ตาย จนขออนุมัติศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ที่ชนวนเหตุจากความหึงหวง และโกรธแค้นมากที่เพื่อนเก่าคบกันมานานกว่า 30 ปีมาเป็นกิ๊กกับภรรยา จึงวางแผนเดินทางมาไกลกว่า 70 กิโลเมตร เพื่อมาฆ่าสางปมแค้น จากนั้นชุดจับกุมได้คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี


จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่ หมู่ 9 ต.โคกเครือ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เป็นจุดที่ตำรวจตามไปจับกุมตัวนายทรงศักดิ์ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านของนางศุภาภรณ์ (นามสมมติ) อายุ 54 ปี ภรรยาของนายทรงศักดิ์ โดยเมื่อไปถึง นางศุภาภรณ์ ก็ให้ความร่วมมือกับทีมข่าวเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองรู้จักกับนายพิจิตร ผู้ตาย มาตั้งแต่แต่งงานกับสามี เพราะสามีแนะนำให้รู้จักโดยบอกว่าเป็นเพื่อนรักกัน ซึ่งตลอดที่รู้จักกันมา ยืนยันว่าตนเองไม่เคยทักทายกับนายพิจิตรเป็นการส่วนตัว จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2566 รถสิบล้อของตนเองเสีย เงินซ่อมรถไม่พอก็เลยแอบทักไปยืมเงินนายพิจิตร จำนวน 5,000 บาท จากนั้นก็คุยไลน์และโทรศัพท์คุยกันตามปกติ




กระทั่งมีอยู่วันหนึ่งจำไม่ได้ว่าก่อนเกิดเหตุกี่วัน มีสายของนายพิจิตรโทร. เข้ามา ก็คุยกันตามปกติ แต่หลังจากวางสาย สามีก็ถามว่านายพิจิตรโทร. เข้ามาทำไม และด้วยความที่ตนไม่อยากให้สามีรู้เรื่องที่ไปแอบยืมเงิน ก็เลยตอบไปว่าคุยกันตามปกติและยืนยันไปว่าไม่ได้มีอะไรกัน จากนั้นสามีก็เงียบไป ซึ่งคืนที่เขาไปก่อเหตุ ยืนยันว่าตนเองก็ไม่รู้ว่าสามีออกจากบ้านไปตอนไหน แต่เห็นเขาขี่รถเข้ามาตอนเที่ยง และหลังจากเขากลับมาก็ไม่มีพิรุธอะไร แล้วก็ใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งตำรวจเอาหมายจับมาจับกุมตัวที่บ้าน โดยตอนที่ตำรวจมาจับ ตนเองก็ยังงงว่าตำรวจมาจับเรื่องอะไร กระทั่งมีสารวัตรสืบมากระซิบข้างหูและเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่สามีหึงตนเองกับนายพิจิตร ผู้ตาย


ยอมรับว่าหลังจากรู้ปมเหตุที่สามีไปยิงนายพิจิตร ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจ ซึ่งข่าวที่มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ไม่เป็นความจริงที่ตนเองแอบไปสนิทกับนายพิจิตร มาเป็นระยะเวลา 30 ปี ส่วนประเด็นหึง 30 ปี ยอมรับว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันกับสามี สามีเป็นคนขี่หึงจริง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ชายเดินผ่านหน้าบ้านและมาแวะคุยก็หึง ยิ่งไปกว่านั้นเท่าที่จำได้ก่อนจะเกิดเหตุไม่กี่วันขนาดไฟแนนซ์โทร. มาทวงค่างวดรถ สามีก็ยังหึงโดยบอกว่าเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ที่โทร. เข้ามามีการเตี๊ยมกับตนเอง ว่าเป็นไฟแนนซ์ที่โทร. เข้ามาทวงค่างวดรถ


ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าสามีเข้าใจผิดเพราะช่วงที่แต่งงานและมาใช้ชีวิตด้วยกัน สามีเคยพูดถึงนายพิจิตร ว่าเป็นคนมีกิ๊กเยอะเพราะนายพิจิตรเป็นคนคารมดี ทำให้ตอนที่เขาโทร. เข้ามาสามีจึงเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นกิ๊กกับนายพิจิตร ซึ่งหลังจากนายพิจิตรถูกยิง ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ไปร่วมงานศพ เพราะบ้านอยู่คนละจังหวัด และที่สำคัญทางญาติของนายพิจิตร ก็ไม่ได้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวให้รู้ตนเองก็เลยไม่ได้ไปงานศพ ยืนยันไม่เคยสงสัยสามี และอยากจะขอโทษครอบครัวของนายพิจิตรแทนสามีด้วย




นอกจากนี้ นางศุภาภรณ์ ภรรยาของผู้ต้องหา ยังส่งคลิปมาให้กับทีมข่าว ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่นางศุภาภรณ์ บอกว่ามีการลงคลิปไว้หลังจากนายพิจิตรตาย จนทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่ามีความสัมพันธ์กับนายพิจิตร และยืนยันกับทีมข่าวว่าเป็นการลงคลิปตามปกติไม่ได้หมายถึงใคร


ซึ่งคลิปดังกล่าว มีทำนองว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งเป็นแม่หม้ายป้ายแดง และนี่คือตำแหน่งของเรา ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปก่อนที่นายพิจิตรตาย นางศุภาภรณ์ ก็ลงคลิปด้วยเพลงทำนองว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีไว้แก้เหงา ไม่ใช่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นที่ระบาย


ขณะเดียวกัน ในการสืบสวนแกะรอยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของตำรวจ สภ.โนนสะอาด และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นำไปสู่การจับตัวคนก่อเหตุ วันนี้ ทาง พ.ต.อ.ปฐวี ก้อนวิมล ผกก.สภ.โนนสะอาด ได้ส่งคลิปในขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ไปแกะรอยที่จุดเกิดเหตุ โดยการแกะรอยดังกล่าว ตำรวจทำงานยากตั้งแต่วันแรก เนื่องจากที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่มีคนเห็นเหตุการณ์




ซึ่งคลิปวันที่ 24 เมษายน จะเห็นว่าตำรวจเริ่มแกะรอยจากรอยเท้า และมีการไปพบรอยรองเท้าขนาดเล็ก จากนั้นเมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบรอยเท้าหมา ส่วนคลิปต่อมาจะเห็นว่าตำรวจมีการเดินตามรอยเท้าดังกล่าวไปเรื่อย ๆ ซึ่งพบว่ารอยเท้าดังกล่าวเดินไปสุดที่ใต้ต้นไม้


จากนั้นเมื่อตำรวจรู้เส้นทางหนีของคนร้าย ตำรวจได้มีการไปไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งไปพบว่านายทรงศักดิ์ ผู้ต้องหา ได้ขี่รถเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ ในคืนวันที่ 24 เมษายน โดยผ่านกล้องวงจรปิดทั้งหมด 3 จุดเพื่อเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ และจะเห็นภาพที่นายทรงศักดิ์ ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์หนีออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อมุ่งหน้าไปที่จังหวัดกาฬสินธุ์




โดย พ.ต.อ.ปฐวี เผยถึงแผนแกะรอยล่าคนร้ายรายนี้ ว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมานายพิจิตรถูกยิงเสียชีวิตในไร่มันสำปะหลังของตนเอง ตอนแรกตำรวจตั้งปมประเด็นสังหารไว้ 3 ประเด็น คือ ชิงทรัพย์ เรื่องชู้สาว และยาเสพติด แต่จากการสืบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า เป็นเรื่องชู้สาว ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับนายทรงศักดิ์ โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ที่บ้าน เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่า ได้ขับรถออกจากบ้านที่อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วงกลางคืนประมาณเวลา 01.00 น ของวันที่ 24 เม.ย. มายังจุดเกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านชุมชนโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




ตอนแรกทางตำรวจมืดแปดด้าน เพราะที่เกิดเหตุกลางไร่มันสำปะหลัง ไม่มีพยานหลักฐานหรือกล้องวงจรปิดที่พอจะเชื่อมโยงหาตัวคนร้ายได้ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มสืบจากพยานแวดล้อม และรอยรองเท้ารอยหนึ่งที่เห็นเดินจากที่เกิดเหตุไปถนนใหญ่ จากนั้นก็ไล่เช็กกล้องวงจรปิดไปเรื่อย ๆ และสอบถามจากญาติคนตายก็ทราบว่า มีภรรยาของนายทรงศักดิ์เข้ามาหา ก่อนที่นายพิจิตรจะเสียชีวิตเพียง 1 วัน ตำรวจก็สืบจนรู้ตัวคนร้าย


และชื่นชมตำรวจชุดสืบทั้ง 3 หน่วย ที่นั่งดูกล้องวงจรปิดเห็นปลายปืนที่นายทรงศักดิ์ขับรถ จยย. ผ่านกล้อง โดยมีการปรับสีภาพจากกล้องให้สว่างขึ้นจนเห็นปืนที่เจ้าตัวพกไว้ ก่อนไล่เช็กกล้องไปจนถึงบ้าน จนรู้ตัวคนร้ายและจับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่นายทรงศักดิ์ ใช้ในการก่อเหตุ เจ้าตัวได้มีการสารภาพในตอนที่ถูกจับว่าได้เตรียมกระสุนปืนไปจากบ้าน ซึ่งกระสุนปืนดังกล่าวเป็นการทำเองโดยการอัดดินปืนเข้าไปในลูกกรด

 

สืบจากรอยเท้ามือปืนขี้หึง ฆ่าล้างแค้นยิงเพื่อนรักแอบสนิทเมีย