จากกรณีชุดสืบนครบาลรับแจ้ง นายโร อึย จง ( ROH EUI JONG ) อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 เมษายน และปรากฏว่าในวันที่ 7 พฤษภาคม แม่ของนายโร อึย จงได้รับโทรศัพท์ปริศนา พร้อมบอกว่า ลูกชายของตนได้นำยาเสพติดไปทิ้งน้ำ ทำให้ได้รับความเสียหาย แม่ต้องเอาเงินมาให้จำนวน 3 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นลูกชายจะถูกฆ่าตาย แม่ของนายโร ไม่สบายใจจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับสถานทูตเกาหลีเพื่อประสานมาทางตำรวจสน.คลองตัน ให้ทำการเร่งติดตามตัว

 

ต่อมาทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบว่านายโร อึย จง หายไป น่าจะหายไปบริเวณบ่อน้ำที่บริเวณ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นก็ได้ดำน้ำจนพบถังน้ำโดยมีผู้เสียชีวิตถูกฆ่าโบกปูนถ่วงน้ำ คาดว่าจะเป็นศพของนายโร อึย จง ที่ถูกเรียกค่าไถ่นั้น

 

ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ไล่เลียงไทม์ไลน์ของชายคนนี้พบว่าวันที่ 30 เมษายน หลังจากที่ลงเครื่องบิน ก็มาเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านเอกมัย

 

ทีมข่าวสอบถาม นาย อิทธิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกต้อนรับ เปิดเผยว่าผู้เสียชีวิต เช็กอินวันที่ 30 เมษายน เข้าพักคนเดียวและมีกำหนด เช็กเอาท์วันที่ 13 พฤษภาคมแต่มาเสียชีวิตก่อน

 

ไทม์ไลน์ของผู้เสียชีวิตนั้นระหว่างพักอยู่ที่โรงแรมวันที่ 1 พฤษภาคม ผู้เสียชีวิตใช้ชีวิตปกติอยู่ในโรงแรมและออกไปข้างนอกโดยจะเรียกรถสาธารณะทั้งวิน จยย. และรถสาธารณะต่างๆ

 

จากนั้นวันที่ 2 พฤษภาคม ช่วงบ่ายพบผู้เสียชีวิตมาแจ้งว่าขอให้พนักงานฝากทำความสะอาดห้องพัก

 

จากนั้นกล้องวงจรปิดของโรงแรมบันทึกภาพ ช่วงเวลา 17.25.29 ผู้เสียชีวิตเดินลงจากห้องพัก มาชั้นล่างของโรงแรม

 

และเดินกลับ เข้าไปโรงแรมกลับเข้าห้องพัก จากนั้นเวลา 19.36.54 พบว่าผู้เสียชีวิต เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอกโดยเดินไปเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างออกจากโรงแรมและไม่ได้กลับมาอีก

 

กระทั่งมา ทราบข่าวว่า เสียชีวิตและนำไปใส่ถังถ่วงน้ำในจังหวัดชลบุรี

 

ส่วนห้องพักของผู้เสียชีวิตนั้นขณะนี้ก็ยังมีทรัพย์สิน อยู่ในห้องซึ่งทางตำรวจได้เข้ามาเก็บหลักฐานและดำเนินการตรวจสอบแล้ว

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจากการสังเกตพฤติกรรมของหนุ่มเกาหลีรายนี้พบว่าไม่มีท่าทีผิดปกติใดใดทั้งสิ้นเป็นเหมือนลูกค้าทั่วไปและเข้าพักโรงแรมนี้เป็นครั้งที่ 3 มาแต่ละครั้งก็จะพักเกินหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไป

 

2 พ.ค. ภรรยา ให้การว่า เจอนายโร “ครั้งสุดท้าย” ที่ผับย่านอาร์ซีเอ

 

3 พ.ค. (รอยต่อวันที่2) เวลาประมาณตี 2 มีชายชาวเกาหลี 2 คนประกบแล้วพานายโรขึ้นรถไป มุ่งหน้าเส้นทางพัทยา

 

วันที่ 4 พ.ค. ชุดสืบสวนตรวจกล้องวงจรปิด พบว่าเวลาประมาณ 3 ทุ่มมีรถกระบะมีผ้าคลุมสีดำปิดอยู่ และมีวัตถุอยู่ในกระบะสีดำ จึงไล่กล้องวงจรปิด พบว่ารถคันดังกล่าวได้มีการไปซื้อถังพลาสติกสีดำ ซื้อเชือกที่ร้านค้า

 

วันที่ 7 พ.ค. แม่ของนายโรแจ้งความลูกชายหายตัว หลังได้รับสายปริศนาขู่ให้โอนเงิน 3 ล้านแลกกับชีวิตลูกชาย โดยต้องโอนก่อน 08.00 น. วันที่ 8 พ.ค.

 

วันที่ 11 พ.ค. ตำรวจไล่กล้องและพบรถกระบะสีดำ จอดที่ทางเข้าอ่างเก็บน้ำ จึงได้ระดมทีมนักประดามูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา มาที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

 

นักประดาน้ำพบมีถังน้ำสีดำขนาด 200 ลิตรถูกโบกปูนไว้อยู่ที่ก้นอ่างเก็บความลึกประมาณ 3 เมตร คาดว่ามีร่างคนอยู่ข้างในถัง นักประดาน้ำใช้เชือกดึงขึ้นถังมาตรวจสอบ พบปูนโบกอยู่เต็มถัง พบศพชาย อายุ 30-35 ปี สูงประมาณ 170 กว่าเซนติเมตร ถูกโบกปูนอยู่ด้านใน โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล แต่คาดว่าเป็นนายโร อึย จง ชาวเกาหลีที่หายตัวไป

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพหลักฐานวงจรปิดขณะแก๊งอุ้มฆ่าแล้วนำศพยัดถัง ก่อนอำพรางทิ้งน้ำก่อเหตุ โดยจุดศพยัดถังแล้วถังน้ำอยู่บริเวณบ่อน้ำที่บริเวณ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

 

ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดตัวที่ 1 จะเห็นรถกระบะสีขาวของกลุ่มคนร้ายซึ่งบริเวณด้านหลังมีผ้าใบสีดำคลุมถังซึ่งภายในถังมีศพของนายโร อึย จง อำพรางอยู่ด้านในโดยยัดใส่ถังและโบกปูนซีเมนต์ทับไว้ / รถกระบะสีขาวของกลุ่มคนก่อเหตุขับมาที่บริเวณจุดทิ้งศพช่วง 21.25 น. ของวันที่ 4 พฤษภาคม / แต่เวลาที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดไม่ตรงกับเวลาจริงโดยเร็วกว่าเวลาจริง 1 ชั่วโมง

 

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 2 เวลา 22.13 น. จะเห็นขบวนรถของคนร้ายซึ่งไม่ได้มีแค่คันเดียวมีทั้งหมดสองคันเข้าใหม่ยังจุดทิ้งศพ โดยรถคันแรกที่เข้ามาเป็นรถเก๋งสีบรอนซ์เทา ลักษณะคล้ายขับเข้ามายังถนนลูกรังแล้วมาจอดบริเวณจุดทิ้งศพซึ่งอยู่ภายในป่าอยู่คาลิปตัสของกรมชลประทานบริเวณด้านในมีบ่อน้ำขนาดลึกประมาณ 4-5 เมตรอยู่ / แล้วสักพักจะเห็นรถกระบะคันสีขาวที่มีถังโบกปูนศพนายโร อึย จงอยู่ด้านหลังรถตามมาติดๆ

 

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 3 จะเห็นว่า รถเก๋งสีบรอนซ์เทาไม่ได้เข้าไปยังจุดที่ทิ้งศพ แต่จอดอยู่บริเวณหน้าปากทางเพื่อดูลาดเลา มีเพียงรถกระบะสีขาวที่เลี้ยวเข้าไปในป่าอยู่คาลิปตัสแล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำเพื่อทิ้งศพเท่านั้น

 

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 4 ช่วง 22.17 น. จะเห็นรถเก๋งสีบรอนซ์เทายังคงจอดอยู่บริเวณหน้าปากทางที่ทิ้งศพ ในขณะที่จะเห็นแสงไฟของรถกระบะสีขาวที่จอดทิ้งศพอยู่ด้านในเปิดไฟรถส่องสว่างเป็นบางครั้ง เนื่องจากบริเวณด้านในมืดมาก

 

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 5 เวลา 22.40 น. จะเห็นแสงไฟรถกระบะสีขาวกำลังเลี้ยวออกมาจากป่าอยู่คาลิปตัสซึ่งเป็นจุดที่ทิ้งศพ มีการเปิดไฟเพื่อส่งสัญญาณให้กับรถเก๋งบรอนซ์เทาที่ดูลาดเลาปากทางเป็นการบอกว่าอำพรางศพเรียบร้อยแล้ว จากนั้นรถเก๋งบอลเทาก็ขับออกจากจุดทิ้งศพทันที โดยมีรถกระบะสีขาวขับตามมา

 

และกล้องวงจรปิดตัวที่ 6 จะเห็นว่า เมื่อขับมาได้สักระยะทั้งสองคันแยกกันไปคนละทาง โดยกลุ่มคนก่อเหตุใช้เวลาก่อเหตุทั้งหมด 1 ชั่วโมงในการอำพรางศพทิ้งน้ำ

 

ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค. 67) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีชาวเกาหลีถูกแก๊งเพื่อนร่วมชาติอุ้มรีดค่าไถ่ 3,000,0000 บาท ก่อนถูกฆ่ายัดถังถ่วงทิ้งอ้างเก็บน้ำเมืองพัทยา ที่ สน.มักกะสัน

 

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ เปิดเผยกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ว่า วันนี้พี่สาว และลูกพี่ลูกน้อง ของนายโร อึย จง จะเดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาตรวจ DNA เพื่อนำไปยืนยันอัตลักษณ์ของศพ

 

กระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น. ก่อนจะมีการประชุม ผู้สื่อข่าว พบเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย พร้อมญาติทั้ง 2 คนของนายโร อึย จง เดินทางเข้ามาที่ สน.มักกะสัน ก่อนจะเดินเข้าห้อง เพื่อพบตำรวจ ซึ่งญาติไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้

 

หลังประชุมเสร็จเวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.ต. นพศิลป์ รองผบช.น. เปิดเผยว่า แม่ของผู้เสียชีวิต แจ้งสถานทูต มีคนร้ายใช้ไอดี เบอร์โทรคนหายมายังแม่ ลูกชายทิ้งยาเสพติดลงน้ำทำให้เสียหาย เรียกเงิน 3 ล้านบาท แม่แจ้งความ สน.คลองตัน

 

30 เม.ย.เข้าประเทศ แล้วมาพัก โรงแรมรามาดา ต่อมาเวลา 16.00 ไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม จากนั้น เวลา 19.36 น. ขึ้นวินจยย. ไปอาซีเอ หลังจากนั้นมีชายชาวเกาหลี พาออกตอนมาจากผับตอนประมาณ 02.30 น. และมีรถมารอรับ ในรถมีคนในรถ 2 คน คนขับและคนนั่งข้าง รวมกับคนประกบคนหาย 1 คน รวมเป็น 4 คน (รวมคนตาย) ขับรถหายจากอาซีเอ รถเช่า ผู้เช่าคือนายคิม และเป็นคนขับ ออกจากหน้าอาร์ซีเอ ไปหมู่บ้านย่านร่มเกล้า (ศุภาลัย พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ) ส่วนนายลี เป็นคนที่มาเช่าบ้านพักพัก

 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าในบ้าน หลังดังกล่าว ถูกถอดเราท์เตอร์ออก ก่อนวันเช่า 1-4 พ.ค. และนำตัวไป 3 พ.ค.แต่ช่วงประมาณ ตี 3 นายคิม ขับรถออกมราคอนโดเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า กลับมาที่บ้านเช่า หลังจากนั้นทั้ง 4 คนขับรถออกไปคอนโดสุขุมวิท 77 โดยนายรุน คนร้ายคนที่ 3 ออกจากรถ และไม่ได้ไปด้วยกัน จากนั้นพบว่ารถขับผ่านด่านลาดกระบังขาออก ซึ่งภายในรถเหลือ 3 คน คือนายคิม นายลี และนายโร ขับรถเก๋ง มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านมาบประชัน จ.ชลบุรี โดยบ้านหลังนี้ นายลี มาเช่าผ่านแอปพลิเคชั่น (ตั้งแต่ 3-10 พ.ค.) และพบว่ามีการถอดเราท์เตอร์กล้องวงจรปิดออกหมด เช่นเดียวกับบ้านเช่าก่อนหน้า

 

จากนั้น กล้องวงจรปิดจับภาพนายคิม ขับรถมาที่ร้านขายวัสดุอุปกรณ์ช่วงประมาณ 10.00 น. แต่ไม่ได้ซื้ออะไร

 

17.18 น มาซื้อถัง เชือก และกลับหมู่บ้านที่เช่าไว้

 

จากนั้นก็พบว่า รถเช่าที่ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย ได้เช่ามาถูกขับมาที่อ่างเก็บน้ำ และลงมือก่อเหตุ ก่อนที่จะขับรถออกมา และพบว่าไม่มีภาพจากกล้องตัวไหนจับได้อีก

 

ในกรณีเงิน 3 ล้านบาท ตำรวจยืนยันว่า ทางครอบครัวของนายโร ยังไม่ได้โอนให้ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ก็รีบแจ้งตำรวจทันที

 

สำหรับนิ้วมือที่ถูกตัด ตำรวจอยู่ระหว่างการชันสูตร ว่าถูกตัดก่อนหรือหลัง หากถูกตัดก่อน สันนิษฐานได้ว่า เป็นการตัดเพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่ แต่ถ้าตัดหลังเสียชีวิต คาดว่าต้องการให้ตามไม่ได้ ว่าศพนี้เป็นใคร

 

หลังจากประชุมเสร็จ ตำรวจจะพาพี่สาวของผู้ตายไปดูศพที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อที่จะยืนยันอัตลักษณ์บุคคลเบื้องต้น ก่อนที่ผลดีเอ็นเอจะออก

 

สำหรับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัว และมีการประสานตำรวจเกาหลีแล้ว จากข้อมูลทราบว่า นายคิม ตอนนี้ยังมีการตรวจสอบอยู่ ว่ายังอยู่ในประเทศไทย หรือหลบไปตามช่องทางธรรมชาติ ส่วนนายรุน ตอนนี้หลบหนีกลับไปเกาหลี และนายลี หลบหนีไปที่กัมพูชา

 

ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางไปที่ซอยเอกมัย 10 ซึ่ง ชายชาวเกาหลีพัก ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยนี้ได้พบกับนายคุณเฉลิม คนขับวินจยย. ปากซอยเอกมัย10 เปิดเผยว่าจากการ ดูรูปภาพชายชาวเกาหลีผู้เสียชีวิต คาดว่าจะเป็นตนเอง ที่รับจากโรงแรมไปส่งที่อาร์ซีเอเพราะเมื่อช่วงต้นเดือน มีชายเกาหลี แต่งตัวแบบนี้ ได้โบกรถ ตนเองขณะที่วิ่งผ่านโรงแรม ชายรายนี้บอกว่าไปอาร์ซีเอ ตนก็รับไปส่ง เมื่อถึงอาร์ซีเอผ่านด่านเก็บเงินแล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง สถานบันเทิงแต่เจ้าตัวขอลงก่อนถึงร้าน จากนั้นก็จ่ายเงินจำนวน 100 บาทซึ่ง ปกติราคาค่าโดยสารจากโรงแรม มาที่อาร์ซีเออยู่ที่ 80 บาทแต่ชายรายนี้ให้ 100 บาทิจึงคาดว่าอาจจะเป็นตนเองที่รับชายผู้เสียชีวิตไปส่งอาร์ซีเอ

ขณะที่ช่วง 15.15 น. วันที่ 3 พฤษภาคม จะเห็นรถกระบะของคนร้ายขับมาจอดที่ร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งขายของเบ็ดเตล็ด อยู่บริเวณพัทยากลาง ห่างจากบ้านเช่าของคนร้าย 3.1 กิโลเมตร และห่างจากจุดที่ทิ้งศพ 9.4 กิโลเมตร

 

โดยจะเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถก่อนคือนายลี และคนที่ลงประตูคือนายคิม จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปเลือกซื้อถังน้ำ โดยเลือกซื้อถังน้ำที่มีขนาดใหญ่ 216 ลิตร

 

ต่อมานายคิมก็เดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกซื้อกรรไกร โดยทั้งนายคิมและนายลีมีการแยกกันซื้อของ ซึ่งพฤติกรรมของทั้งคู่ในการเลือกซื้อของไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนแต่มีท่าทีใจเย็น

 

แล้วนาทีต่อมาจะเห็นนายลีเข้าไปในร้านแล้วมีการเลือกซื้อเชือกไนลอน โดยมีนายคิมที่ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์มองอยู่ไม่ไกล หลังจากเลือกซื้อเชือกไนลอนเสร็จนายคิมก็นำเชือกไนลอนที่มีขนาดความยาว 10 เมตรจำนวน 2 เส้นมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ หลังจ่ายเงินเสร็จนายคิมได้เปิดโทรศัพท์มือถือสอบถามเส้นทางภายในพื้นที่พัทยากลางกับแม่ค้า

 

จากนั้นช่วง 15:21 น. จะเห็นนายลียกถังน้ำขนาดใหญ่ขึ้นท้ายรถกระบะ จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันนำผ้าใบที่มัดอยู่บริเวณท้ายรถคลุมอุปกรณ์ที่ซื้อมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นถังน้ำ เชือกไนลอน และกรรไกร และมีการขับออกจากร้าน โดยยูเทิร์นรถตรงไปยังเส้นทางที่สามารถไปจุดทิ้งศพและบ้านเช่าที่ทั้งสองเช่าไว้ชั่วคราวได้

 

ต่อมาทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางเล็ก (นามสมมติ) ซึ่งเป็นแม่ค้าในร้านขายของเบ็ดเตล็ด เป็นร้านที่ปรากฏในภาพวงจรปิดที่คนร้ายทั้งสองคนมาเลือกซื้อถังน้ำและอุปกรณ์ต่างๆในการยัดศพลงถังน้ำทิ้งอำพรางคดี นางเล็กได้พาทีมข่าวไปดูถังน้ำที่คนร้ายซื้อในวันที่ 3 พฤษภาคม โดยจากภาพจะเห็นมีถังน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นถังน้ำสีเขียวขนาด 216 ลิตร เป็นขนาดเดียวกันกับที่คนร้ายซื้อไป แต่ในวันเกิดเหตุคนร้ายซื้อถังน้ำสีดำไปซึ่งขณะนี้สินค้าหมดสต็อกในร้านแล้ว ราคาถังน้ำ 765 บาท

 

จากนั้นนางเล็กพาไปดูจุดที่คนร้ายไปเลือกซื้อกรรไกร ในราคา 59 บาท ซึ่งตอนนั้นตนเองไม่ได้เอะใจว่าเป็นคนร้ายที่จะไปก่อเหตุอุ้มฆ่าหนุ่มเกาหลีแล้วนำมายัดศพทิ้งที่บริเวณพัทยากลาง ในวันที่คนร้ายทั้งสองมาเลือกซื้อมีการแบ่งหน้าที่กันในการดูของ โดยนายลี ก็เดินไปคนละฝั่งกับนายคิมเพื่อเลือกซื้อเชือกไนลอน เป็นเชือกไนลอนสีเขียวความยาว 10 เมตรจำนวนสองเส้นรวมทั้งสองเส้นราคา 249 บาท

 

ภายหลังที่ทั้งสองเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆเสร็จแล้วได้มีการนำโทรศัพท์มาสอบถามเส้นทางกับตน โดยถามย้ำว่ามีร้านใดใกล้กับร้านค้าตอนที่ขายปูนซีเมนต์ แต่ตอนนั้นด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะลูกค้าชาวต่างชาติก็เข้ามาซื้อของที่ร้านตนบ่อย จึงไม่คิดว่าทั้งสองจะเป็นคนก่อเหตุ ยืนยันว่าคนร้ายทั้งสองคนใจเย็นในการเลือกซื้อของไม่ได้มีท่าทีพิรุธว่าจะเป็นคนก่อเหตุคดีอุจฉกรรจ์

 

 

ต่อมาทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางชมพู่ อายุ 49 ปี เป็นแม่ค้าอยู่ใกล้กับร้านวัสดุก่อสร้างตามที่ปรากฏในภาพวงจรปิดที่นายคิมคนก่อเหตุลงจากรถเก๋งแล้วเดินเข้าไปซื้อถังน้ำที่ร้านวัสดุ

 

โดยเปิดเผยว่า ตอนแรกไม่ได้เอะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติก็แวะมาซื้อของที่ร้านดังกล่าวบ่อย ซึ่งบางคนก็ซื้อถังน้ำเพื่อนำไปรองน้ำประปา เพราะปัจจุบันน้ำประปาในพื้นที่บางครั้งก็ไม่ได้ไหลตามปกติ / ซึ่งคนร้ายเป็นชายหนึ่งคนขับรถเก๋งมาจอดหน้าร้านแล้วก็เดินเข้ามาซื้อถังน้ำ โดยมีการพูดคุยถามกับเจ้าของร้าน ยืนยันว่าคนร้ายพูดภาษาไทยค่อนข้างชัด และไม่มีท่าทีพิรุธ

 

แต่ปรากฏว่าเจ้าของร้านปฏิเสธว่าทางร้านไม่ได้ขายทั้งน้ำให้ไปหาซื้อที่อื่น หลังจากนั้นคนร้ายก็ขึ้นรถเก๋งแล้วก็ขับออกไปตระเวนหาซื้อจากร้านอื่น ยืนยันว่าคนที่มาซื้อของที่ร้านเป็นคนเดียวกันกับภาพผู้ก่อเหตุที่ทางตำรวจเร่งตามตัวจับ ก็ค่อนข้างตกใจมากที่ภายหลังทราบว่าเป็นคนก่อเหตุ ไม่คิดว่าจะตะเวนซื้อของเพื่อไปก่อเหตุใกล้กับจุดทิ้งศพ

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเช่าหรู ซึ่งอยู่ในพัทยากลาง โดยเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างจากที่ทิ้งศพประมาณ 13 กิโลเมตร จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจพบว่าคนร้ายมีการเสิร์ชข้อมูลทาง Google ก่อนติดต่อมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวชั่วคราวกับเจ้าของบ้านทางออนไลน์ จากนั้นมีการโอนเงินเช่าบ้านให้เจ้าของบ้านประมาณหลักหมื่น ก่อนเข้ามาพักอาศัยเพื่อเตรียมก่อเหตุทิ้งศพหนุ่มเกาหลีในวันที่ 3 พฤษภาคม จากการสังเกตพบว่ามีไฟหน้าบ้านติดอยู่คาดว่าคนร้ายน่าจะรีบหนีหลังก่อเหตุทิ้งศพอำพรางคดีเสร็จแล้ว

 

ด้านนายชัช (นามสมมติ) อายุ 48 ปี เป็นเพื่อนบ้าน เล่าว่า เท่าที่ตัวเองทราบเจ้าของบ้านหลังนี้อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศประมาณ 2 เดือนกว่า จึงต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ ส่วนคนที่มาเช่าบ้านหลังนี้เป็นชายชาวเกาหลี ตอนมาอยู่ที่นี่ก็มาอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวให้เพื่อนบ้านเห็น ซึ่งตัวเองเห็นคนอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว สิ่งที่ผิดปกติคือเวลาชายคนนี้เข้ามาในบ้าน จะไม่ค่อยถอยรถไปจอดในบ้าน แต่จะจอดริมถนนก่อนถึงตัวบ้าน ตัวเองจึงมองว่ามันเป็นความผิดปกติอะไรหรือไม่

 

โดยชาวเกาหลีเข้ามาพักอาศัยที่บ้านหลังนี้เพียงแค่สองวัน คือวันที่ 3 และวันที่ 4 พฤษภาคมหลังจากนั้นวันที่ 5 พฤษภาคมบ้านก็ปิดเงียบ แต่มีคืนหนึ่งน่าจะเป็นคืนก่อนที่คนก่อเหตุทั้งสองรายจะไปทิ้งศพหนุ่มเกาหลีเพื่ออำพรางคดี มีการนั่งกินสังสรรค์คล้ายหมูกระทะในบ้านพักแต่ก็มีการกินอย่างเงียบเงียบไม่ได้ส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน

 

แต่หากจะถามว่าเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่ขณะที่คนก่อเหตุทั้งสองคนมาพักอาศัยในบ้านพักหลังดังกล่าว ก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่ามีพิรุธก็เหมือนคนทั่วไป ส่วนตัวเชื่อว่า คนก่อเหตุทั้งสองไม่ได้อุ้มหนุ่มเกาหลีแล้วมาฆาตกรรมที่บ้านพักหลังนี้ ยืนยันไม่ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือจึงคาดว่าน่าจะไปฆาตกรรมจุดอื่น ก่อนที่จะมีการทิ้งศพ ส่วนบ้านเช่าหลังนี้น่าจะเป็นจุดที่ทั้งคู่มาพักชั่วคราวเท่านั้น

 

ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่บริษัทให้บริการเช่ารถเก๋งและรถกระบะในอ.บางละมุง โซนพัทยากลาง ซึ่งทาง อนุญาตให้ทีมข่าวเก็บภาพรถกระบะสีขาวที่คนร้ายใช้ก่อเหตุทิ้งศพหนุ่มเกาหลีแล้วอำพรางคดีในพื้นที่พัทยากลาง จากการตรวจสอบสภาพรถพบว่าบริเวณล้อรถด้านหลังฝั่งคนขับมีเศษปูนติดอยู่ที่ล้อ

 

ซึ่งทางบริษัทเช่ารถให้ข้อมูลกับเราว่า วันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. นายคิมขับรถเก๋งฮอนด้าซิตี้สีบรอนซ์เทามาจอดที่ร้านสะดวกซื้อ จากนั้นได้ลงจากรถแล้วเดินมาที่บริษัทเพื่อขอเช่ารถกระบะ 1 คัน ขอเช่าในวันที่ 3 และ 4 รวม 2 วัน ค่าเช่าทั้งหมด 3,000 บาท หลังทำเอกสารเสร็จนายคิมก็ขับรถกระบะสีขาวออกจากร้านไป

 

จากนั้นเวลา 16:30 น. วันเดียวกัน (3 พฤษภาคม) นายคิมได้ขับรถกระบะสีขาวมาที่ร้านอีกครั้งแต่มีนายลีมาด้วย โดยตั้งใจมาเอารถเก๋งสีบรอนซ์เทาที่ฝากจอดอยู่ในร้าน จากนั้นนายคิมก็เป็นคนไปขับรถเก๋งสีบรอนซ์เทา ส่วนนายลีก็เป็นคนขับรถกระบะสีขาวที่ให้เช่าของทางร้าน แล้วทั้งคู่ก็ขับรถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีบรอนซ์เทาออกจากร้านไป

 

แล้ววันที่ 5 พฤษภาคม นายคิมขับรถกระบะสีขาวมาคืนที่ร้านตามสัญญาเช่า ก่อนเดินออกไปซึ่งตอนนั้นตนไม่ทราบว่าเพื่อนได้มารับนายคิมออกจากพื้นที่นี้หรือไม่ ตรวจสอบรถกระบะพบมีเศษปูนติดอยู่ที่ล้อหลังฝั่งคนขับ ยืนยันไม่ทราบว่ามาเช่ารถเพื่อไปก่อเหตุก็รู้สึกตกใจที่ทราบจากตำรวจ

 

จากกรณี รถเก๋งฮอนด้าซิตี้สีเทา ที่กลุ่มคนก่อเหตุขับพาผู้ตายไปที่จังหวัดชลบุรี จากการตรวจสอบพบว่าชื่อผู้ครอบครองรถ คือนางนิภาวรรณ อายุ 25 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 จึงมีการเดินทางไปที่บ้านของนางนิภาวรรณ ที่ตำบลสำโรงใหม่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยทีมข่าวได้ไปเจอกับนางพรพิมล (นามสมมติ) อายุ 43 ปี เป็นแม่ของผู้ที่มีชื่อครอบครองรถฮอนด้าซิตี้ เปิดเผยว่า นางวิภาวรรณ ลูกสาวที่มีชื่อครอบครองรถ เพราะไปทำงานบริษัทรถเช่าอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อ 2 - 3 วันก่อนจะเจอศพคนเกาหลี / ยอมรับว่า มีตำรวจที่กรุงเทพ โทรศัพท์มาถามกับแม่ว่าลูกสาวเป็นเจ้าของรถหรือไม่ แม่ก็ตอบไปว่าลูกสาวไม่เคยมีรถ จากนั้นตำรวจก็พยายามขอเบอร์ลูกสาวโดยโกหกก่อนว่า ลูกสาวขับรถไปชน ซึ่งตัวแม่เอง คิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แม่ก็เลยตัดสายไป จากนั้นแม่ ก็พยายามโทรไปหาลูกสาว แต่ลูกสาวไม่รับสาย จนกระทั่งตำรวจคนนั้นโทรเข้ามาอีก โดยรอบที่2 ตำรวจคนนั้นก็เล่าให้แม่ฟังเบื้องต้นว่ามีเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่และยืนยันว่าเป็นตำรวจจริง แม่ก็เลยให้เบอร์โทรศัพท์ลูกไป

 

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ตำรวจได้มีการเข้าไปสอบปากคำลูกสาวที่บริษัทรถเช่า ซึ่งเมื่อสอบปากคำเสร็จ ลูกสาวก็โทรศัพท์มาเล่าให้แม่ฟังว่า ตำรวจเขาเข้ามาถามไทม์ไลน์ที่พวกกลุ่มคนเกาหลีเข้ามาเช่ารถ ซึ่งวันนั้นลูกสาวก็อยู่ในเหตุการณ์ และลูกสาวยังบอกก่อนที่จะเจอศพอีกว่า แม่รอดูข่าวนะ เพราะที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ เป็นเหตุการณ์ที่มีคนเกาหลีถูกอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่และถูกฆ่า ยืนยันเรื่องที่เกิดเหตุ ทางแม่และลูกสาวไม่ได้เครียด เพราะลูกแม่ ไม่รู้จักกับคนเกาหลีที่เป็นแก๊งอุ้มฆ่า

ช่อง 8 เปิดภาพนาทีอุ้มหนุ่มเกาหลียัดถังโยนทิ้งน้ำ พบเลือกซื้อถังอย่างใจเย็น