"ทนายอนันต์ชัย" นำทัพนักสู้ เพื่อพระพุทธศาสนา บุกกองปราบ ยื่นแจ้งความเอาผิด "ลัทธิเชื่อมจิต" ลวงโลก?

 

วันนี้ (13 พ.ค. 67) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทนาย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิฯ พร้อมด้วย น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้ ตัวแทนผู้เสียหาย, ดร.อธิเทพ ผาทา หรือ อ.รัก คำราม และไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือแพรี่ เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต จำนวน 10 คน ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และแอดมินเพจ “นิรมิตเทวาจุติ” ในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาอื่นๆ ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ได้เปิดโอกาสให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. แล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด
ทำให้วันนี้ ทนายอนันต์ชัย ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ และพูดถึงเรื่องกฎหมายต่างๆ ซึ่งในวันนี้ ก็มาแจ้งความเอาผิดกับทางแอดมิน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจเฟซบุ๊กชื่อ นิรมิตรเทวาจุติ เนื่องจาก ลัทธิดังกล่าว เกิดจากการวางแผนของพ่อแม่ สร้างลูกขึ้นมาให้เป็นคนวิเศษ โดยอ้างว่า เด็กคนนี้เป็นผู้มีบุญมาเกิด และเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า

ทนายอนันต์ชัย ได้ตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว พบว่า เพจนี้ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 64 แล้วมีการเผยแพร่ภาพ ที่คล้ายกับพระพุทธเจ้า ขณะนั้นแม่และแอดมินเพจ มีการพูดถึงความฝันว่า มีขบวนเข้ามา มีพระนางสิริมหามายา และมีเจ้าแม่กวนอิมมาด้วย และบอกว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กวิเศษ จากคำกล่าวอ้างทั้งหมด ทนายอนันต์ชัยบอกว่า การกระทำนี้ เป็นการโฆษณา

จึงเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับ 10 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งพ่อ แม่ของเด็ก แพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กและเป็นคนรับบริจาคในการซื้อที่ดินด้วย รวมถึงแอดมินเพจ-ติ๊กต็อก นิรมิตเทวาจุติ และสุดท้าย คือทนายท่านหนึ่ง ซึ่งทนายอนันต์ชัยเรียกว่า “ทนายทรราช”

ทั้งหมดที่กล่าวมา ทนายอนันต์ชัย จะดำเนินการแจ้งความเนื่องจากการนำเด็กชายวัย 8 ขวบคนนี้ เข้ามาโปรโมทโฆษณา โดยการนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก, ความผิดฐานฉ้อโกง และพรบ.การเรี่ยไร ต่อไป

สุดท้าย ทนายอนันต์ชัย บอกผ่านสื่อว่า อยากให้การกระทำดังกล่าว ของพ่อแม่ ที่นำเด็กคนนี้มาใช้ในการเชื่อมจิต ยุติลง และพาเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาตามวัยที่ต้องการ ก่อนจากยังบอกอีกว่า “เรามาร่วมกันลงชื่อยุบสำนักพุทธดีไหม?” ก่อนเดินไปขึ้นรถกลับจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง