ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกจับลูกจ้างโรงแรมม่านรูดผันตัวเป็นแม่เล้า ค้ากามเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารักษ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ไตรรงค์ ชัยชนะ, พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ, พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ใจดีจริง รอง ผกก.3 บก.ปคม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ท.ปรัชญ์ แม้นเดช สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม.ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ดังนี้ 1.นางสาวเจนสุนันท์ฯ หรือ อ้น อายุ 46 ปี / 2.นางสาวต้องตาฯ หรือ ต้อม อายุ 47 ปี
โดยจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐาน “สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์, ร่วมกันค้ามนุษย์, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี, ร่วมกันช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณี, ร่วมกันรับผลประโยชน์จากผู้ซึ่งค้าประเวณี, ร่วมกันรับไว้ จำหน่าย เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป ซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี, ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี กระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอม, เป็นผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี, ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และร่วมกันกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก” สถานที่จับกุม โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ลงพื้นที่รับผิดชอบสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการปราบปรามการค้ามนุษย์และความผิดที่เกี่ยวเนื่อง ต่อมาทราบว่า น.ส.ต้องตาฯ หรือ ต้อม ลูกจ้างผู้ดูแลโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ น.ส.เจนสุนันท์ฯ หรือ อ้น ภรรยาของลูกจ้างในโรงแรมดังกล่าว มีพฤติการณ์แอบแฝงนำเด็กและหญิงสาวในพื้นที่มาให้บริการค้าประเวณีให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในโรงแรมฯ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วางแผนจับกุม โดยให้สายลับ จำนวน 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มอบธนบัตรรัฐบาลไทยที่ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ให้กับสายลับไปทำการล่อซื้อบริการทางเพศ จากนั้นสายลับได้เดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าว ได้เข้าพักคอยที่ห้องพักหมายเลข 5 และหมายเลข 8 ต่อมา น.ส.เจนสุนันท์ฯ และ น.ส.ต้องตาฯ ได้พาหญิงสาว 2 ราย มายังโรงแรม โดยประกอบด้วย หญิงสาวอายุ 20 ปี และ เหยื่อซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 14 ปี เข้าไปพักยังห้องพักหมายเลข 5 และ 8 สายลับได้ชำระเงินค่าล่อซื้อบริการทางเพศให้กับ น.ส.ต้องตาฯ และ น.ส.เจนสุนันท์ฯ เป็นเงินสดรวมจำนวน 4,500 บาท เมื่อสายลับได้ชำระเงินดังกล่าวเสร็จสิ้น จึงได้ส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มดูอยู่บริเวณภายนอกโรงแรมฯ ได้เข้าแสดงตัวต่อผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมตรวจสอบธนบัตรที่อยู่ภายในกระเป๋าของผู้ต้องหา พบว่ามีธนบัตรรวมเป็นเงิน 4,500 บาท ที่มีหมายเลขประจำธนบัตรตรงกันกับธนบัตรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานในการล่อซื้อไว้ก่อนหน้าแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตามฐานความผิดข้างต้น และทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีรูปภาพของหญิงสาวที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และ อายุมากกว่า 15 ปีอยู่จำนวนมาก และ ตรวจพบแชทการสนทนาระหว่างผู้ต้องหากับลูกค้าที่ติดต่อซื้อบริการทางเพศอีกจำนวนมากเช่นกัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยอมรับว่าที่โรงแรมฯ มีการขายบริการทางเพศจริง โดยมีตนเป็นผู้คอยแนะนำหญิงสาวให้กับลูกค้าแล้วแบ่งปันค่าตัวเด็กส่วนหนึ่งเพื่อเป็นผลประโยชน์ให้กับตนเอง ซึ่งเมื่อรับเงินกับลูกค้า ที่มาซื้อบริการทางเพศก็จะหักค่านายหน้าจากเด็กโดยจะแบ่งกันระหว่าง น.ส.เจนสุนันท์ฯ และ น.ส.ต้องตาฯ คนละ 250 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา