"บิ๊กต่าย" สั่งขยายผลแก๊งยิง ด.ต.-เมียท้อง พบเป็นกลุ่มลอบขายน้ำมันเถื่อน ยันปมดับไม่เกี่ยวส่วยน้ำมัน
วันที่ 14 พ.ค. ที่สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ในฐานะรรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี พ.ต.อ.สุรพร เทพเสน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ และชุดสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีกรณีที่ดาบตำรวจ สกล บรรลุ สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ หรือดาบโก้พร้อมภรรยาที่ตั้งครรภ์ 6 เดือน ถูกยิงเสียชีวิต
โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เผยว่า จากการรวบรวมพยาน ทราบว่าดาบโก้ที่เสียชีวิต เดินทางมาหาเพื่อนที่สภ.ระเบาะไผ่จริง ในเป็นวันหยุดราชการ แต่ระหว่างที่ออกไปทานข้าวพร้อมกับภรรยา ที่ตั้งครรภ์อยู่ 6 เดือน โดยใช้เส้นทางที่เป็นถนนชนบท ซึ่งดาบโก้เคยรับราชการเป็นตำรวจอยู่ที่สภ.ระเบาะไผ่ ก็จะมีความคุ้นชินกับเส้นทาง เมื่อขับรถมาตรงถึงที่เกิดเหตุปรากฎว่าพบเห็นเทรลเลอร์ รถกระบะและรถจักรยานยนต์ จอดอยู่ในลักษณะที่เชื่อว่ากำลังลักลอบสารเอทานอล ซึ่งเป็นสารที่ใช้ประกอบทำน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ จึงแสดงตัวเป็นตำรวจ และระหว่างนั้น ทั้ง 2 ฝ่าย อาจมีการตอบโต้กัน จนทำให้เกิดความไม่พอใจ จึงเป็นชนวนเหตุการฆาตกรรม ซึ่งมือยิงคือนายชัยวิชิต หรือนายต่าย ได้รับสารภาพก่อนจะลงมือยิงว่าตัวเองพยายามที่จะไล่ดาบโก้ออกไปจากพื้นที่ที่กำลังมีการกระทำความผิดแต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นตำรวจ จึงไม่ยินยอม จึงมีการชักอาวุธปืนออกมา จึงทำให้นายต่ายยิงเข้าใส่ดาบโก้ แล้วเมื่อรู้ว่ามีภรรยาอยู่ในรถอีกหนึ่งคนจึงใช้อาวุธปืนของดาบโก้ยิงเข้าไปที่ภรรยาจนเสียชีวิต
จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุมีการแบ่งหน้าที่กันทั้งทำลายหลักฐานทั้งทุบโทรศัพท์มือถือของดาบโก้และภรรยา อาวุธปืน รวมถึงสถานที่อำพรางศพซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง 3 กิโลเมตร ส่วนอาวุธปืนได้มีการนำไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านของนายธรรมรัตน์ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาด้วย ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่อเจตนาชัดเจนว่าต้องการที่จะหลบหนีความผิด ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นมือยิงและดาบโก้เคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
ส่วนการเดินทางมาของดาบสกลในพื้นที่จังหวัดปราจีนเบื้องต้นทราบว่าวันที่เกิดเหตุ (11 พ.ค.) เป็นวันหยุดราชการจึงเดินทางมาเที่ยวและแวะหาเพื่อนสนิท แต่ก่อนหน้านี้ที่มีข้อมูลว่าดาบโก้มักจะเดินทางมาในพื้นที่บ่อยๆนั้น เรื่องนี้ตนยังไม่มีข้อมูล แต่ด้วยการที่เคยเป็นตำรวจในพื้นที่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะเดินทางมาแวะหาเพื่อนแต่ก็ยังไม่ทิ้งสัญชาตญาณความเป็นตำรวจเมื่อพบเห็นการกระทำความผิดก็แสดงตัว ย้ำว่า การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างการปฎิบัติหน้าที่หลังจากนี้จะดูแลดำเนินการในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวและปูนบำเหน็จยศให้กับดาบโก้ด้วย พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองครอบครัวด้วย
สำหรับนายต่ายมือยิงที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีประวัติเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่าพบว่ามีประวัติกระทำความผิดจริง และยังไม่พบการกระทำผิดอื่นรวมถึงเรื่องที่สังคมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนอาวุธปืนและอาวุธสงครามรวมทั้งระเบิด ที่ชุดสืบสวนตรวจพบ หลังจากสืบทราบว่ามีบุคคลที่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยและเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงมีการไปตรวจค้นบ้านและพบอาวุธปืนจำนวนดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอาวุธปืนประจำตัวของดาบโก้ด้วย โดยตรวจพบบริเวณบ้านของนายธรรมรัตน์หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งระหว่างนี้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานก็จะนำอาวุธปืนทั้งหมดไปตรวจสอบ ทั้งการเก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือ รวมถึงการใช้งานว่าเคยใช้ก่อเหตุกระทำความผิดในเรื่องใดอื่นอีกหรือไม่
โดยบุคคลกลุ่มนี้เป็นกลุ่มบุคคลที่ทางสถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ จับตาเฝ้าระวังอยู่แล้ว เพราะเคยพบประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับเชื้อเพลิง ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่พบว่าในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ และพื้นที่ใกล้เคียงร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องของการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน
สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหากลุ่มผู้ก่อเหตุหลังจากนี้จะพิจารณาตามพฤติการณ์ซึ่งพบว่าทั้งหมดได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำทั้งช่วยกันอำพรางศพทำลายหลักฐานและนำอาวุธปืนไปซุกซ่อน
ทั้งนี้ยังพบว่าการลักลอบการขายสารตั้งต้นประกอบทำเชื้อเพลิงหรือเอทานอลครั้งนี้ ในส่วนของสารเอทานอล ที่อยู่ในรถเทรลเลอร์ มีต้นทางมาจากจังหวัดสระแก้ว และกำลังจะนำไปที่ปลายทางคืออำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี ก่อนจะมาถึงจุดบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุที่มีมีการลักลอบ ดูดถ่ายสารเอทานอล นี้เพื่อนำไปขาย ในราคาขายลิตรละ 22 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาท้องตลาด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังบอกอีกว่า ประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าการเรียกรับผลประโยชน์จากการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน หรือ “ส่วยคอกหมู” หากพบข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ที่พบว่ามีการลักลอบขายเชื้อเพลิง จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ขยายผลเพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกำชับตรวจสอบ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเชื้อเพลิงทั่วประเทศอย่างเข้มงวด