กรณีเหตุเกิดพื้นที่ ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 เวลาประมาณ 11.22 น. พฤติการณ์ทางคดี นายแดเนียล ซิโฮมบิง รองกงสุลสถานกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งว่า ด้วยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.00 น. สถานกงสุลฯ อินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา ได้รับการประสานงานจาสถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ว่า Mr.SYAWANA (ชาวานา) อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย ถูกชายไทยไม่ทราบจำนวนพานายชาวานาที่อยู่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อุ้มตัวมายังพื้นที่ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง




จากนั้นมีการซ้อมทรมานนายชาวานา ก่อนจะอัดคลิปส่งไปยังน้องสาวของนายชาวานา ที่อยู่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินไทยจำนวน 2,300,000 บาท โดยทางญาติของนายชาวานา ได้โอนเงินมาแล้วบางส่วนจำนวน 800,000 บาท ต่อมานายชาวานา ได้ขอโช้โทรศัพท์จากคนที่ดูแลได้แอบส่งโลเคชั่นให้น้องสาว ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้ดังกล่าวในวันนี้




โดยจากการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ให้การดูแลและกักขังได้ 3 คน ทราบชื่อคือ นายรูสวัณ นายไซดี และนายวีระศักดิ์ พร้อมอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก กุญแจมือ 1 อัน จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง และนำตัวนายชาวานา ผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติม




สำหรับขบวนการอุ้มชาวอินโดฯ ครั้งนี้นั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดเผยข้อมูล ว่าผู้ก่อเหตุและหัวหน้าขบวนการเป็นใคร แต่ในเบื้องต้นบ้านที่นำตัวนักท่องเที่ยวชาวอินโดฯ มาเรียกค่าไถ่นั้น เป็นบ้านของญาติภรรยาของเสี่ยแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาหนีคดีจากเรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช ที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้


วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังห้องสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง เพราะว่าตำรวจกำลังสอบปากคำ ผู้เสียหายชาวอินโดฯ ซึ่งพบว่ามีทั้งหมด 3 ราย โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 3 ชั่วโมง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวผู้เสียหายชาวอินโดนีเซีย 2 ใน 3 ราย ไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม




โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาล่ามภาษาอินโดฯ มาช่วยในการสอบปากคำครั้งนี้ด้วย ซึ่งระหว่างพาตัวผู้เสียหายชาวอินโดฯ ไปตรวจร่างกาย ผู้สื่อข่าวได้สอบถามแต่ทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ตอบคำถามแม้แต่คำเดียว ซึ่งผู้เสียหายก็ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้




ต่อมาเวลา 19.30 น. ที่ผ่านมา ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายรูสวัณ หนึ่งในผู้ต้องหามาสอบปากคำในห้องสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามโดยนายรูสวัณ ผู้ต้องหา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มตัวผู้เสียหายชาวอินโดนีเซียทั้ง 3 ราย มาเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้หรือไม่ โดยนายรูสวัณ ได้เดินก้มหน้าตลอดเวลา และไม่ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว


ด้านนางกุ้ง (นามสมมติ) ภรรยาของนายวีระศักดิ์ หนึ่งในผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนนั้นอาศัยอยู่ในตำบลนาโหนด ส่วนนายวีระศักดิ์มาเช่าบ้านที่เกิดเหตุอยู่ใน ตำบลท่าแค ได้ประมาณ 1-2 เดือน ที่ผ่านมาสามีจะไม่ให้เข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว และจะให้เข้าไปเพียงบริเวณปากทางเข้าเท่านั้น เวลาที่จะให้เงินมาซื้อนมให้ลูกกิน




ทั้งนี้ ตนเองไม่รู้ว่านายวีระศักดิ์ทำอะไรอยู่ในบ้านหลังนั้น เพราะนายวีระศักดิ์ไม่เคยให้ตนเข้าเลย ซึ่งนายวีระศักดิ์มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ที่ผ่านมาไม่ทราบมาก่อนว่าสามีนั้นมีพฤติกรรมอุ้มคนมาเรียกค่าไถ่ ยอมรับว่าตกใจหลังจากที่สามีถูกแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว ส่วนชายที่เป็นชาวตากใบ 2 คนที่เจอในบ้านที่เกิดเหตุนั้น ตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และไม่ทราบเลยว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับสามี


ผู้สื่อข่าวสอบถามนางสาวกุ้งอีกว่า สามีของเธอนั้นรู้จักกับเสี่ยแป้ง และเป็นสมุนของเสี่ยแป้งจริงหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบว่ารู้จักกัน แต่ไม่รู้ว่าสนิทกับเสี่ยแป้งแค่ไหน

 

รวบ "สมุนเสี่ยแป้ง" อุ้ม 3 อินโดฯ เรียกค่าไถ่ 2.3 ล้าน