อดีตสาวแบงก์ อุ้มลูก-จูงแม่หนีตาย หลังโดนลูกเขยอ้างเป็นจ่าทหาร ตบตีทำร้ายเอาปืนจ่อขู่ฆ่าทั้งครอบครัว

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 พ.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาผู้เสียหาย พร้อมลูกและแม่ หนีสามีที่อ้างตัวว่าเป็นจ่าทหารบก ,ทหารเรือ ทำร้ายร่างกายตบตีเมียและลูกน้อยวัย 1 ขวบ ซ้ำยังเอาปืนจ่อหัวขมขู่ว่าจะฆ่ายกครัว

น.ส.กรกวรรณ อายุ 29 ปี อดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้รู้จักกับนายอัง ผู้เป็นสามี เมื่อ 2 ปีก่อนผ่านการเล่นเกมออนไลน์ จากนั้นได้นัดเจอและคบหากันมา โดยฝ่ายสามีอ้างว่าเป็นทหาร

จากการคบหาจึงหลงรักเพราะคิดว่าเขาจะมาเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว กระทั่งฝ่ายชายขอมาอาศัยพักอยู่ที่บ้านด้วย และอยู่มาเรื่อยๆ ก็มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ตอนนี้อายุได้ 1 ขวบ ฝ่ายชายเริ่มมีนิสัยเปลี่ยนไป เช่นเวลาที่ตนจะคุยเรื่องงานกับเพื่อนที่ทำงาน สามีจะแสดงความไม่พอใจ ถึงขั้นข่มขู่เพื่อนที่ทำงานไม่ให้คุยกับตนในลักษณะหึงหวง แม้แต่เพื่อนผู้หญิงที่สนิทกก็ตาม ทำให้ตนต้องตัดสินใจลาออกจากงาน

อีกทั้งฝ่ายชายพกอาวุธปืนติดตัวตลอด จนถึงทุกวันนี้ตนยังไม่รู้เลยว่า สามีของตนเป็นทหารจริงหรือไม่ บางครั้งก็บอกว่าเป็นทหารบก บางครั้งก็บอกเป็นทหารเรือ แม้จะใส่ชุดทหารออกไปทำงานทุกวันแต่จากการสังเกตชุดทหารจะไม่มีชื่อและยศตำแหน่งติดอยู่ที่เสื้อ จึงทำให้สงสัยว่าเป็นทหารจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมเสพกัญชา อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายถึงขั้นใช้ความรุนแรงตบตีภรรยาและลูก รวมถึงขู่ฆ่ายกครัวอีกด้วย

น.ส.กรกวรรณ บอกอีกว่า มาระยะหลังฝ่ายชายมีความเครียดมาก เพราะไม่ได้ไปทำงานทหารตามที่เคยบอก ตนจึงแนะนำให้ไปหางานอื่นทำ และได้งานเป็น รปภ.ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ทำได้ 9 เดือนก็ออกเพราะไปทะเลาะกันเพื่อนร่วมงาน

ที่ผ่านมา มีนิสัยชอบใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าตอนปีใหม่ จนหมดแม็กฯ เพื่อนบ้านแจ้งสายตรวจมาแล้วก็กลับไปโดยไม่ทำอะไรแถมยังไปข่มขู่ชาวบ้านทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน

"ล่าสุดทองของแม่ก็หายไป โดยผิดสังเกต เพราะทองอยู่มานานไม่หาย พอเขาเข้ามานอนในห้องกับลูกสาวทองรูปพรรณ 10 บาทในตู้ก็หายอย่างไร้ร่องรอย พอไปสอบถามเขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไปและยังขู่ว่าจะยิงถ้ามาถามเรื่อยๆ และไม่มีโอกาสไปแจ้งตำรวจเพราะอยู่กับฝ่ายชายตลอดเวลาไม่สามารถไปไหนได้" น.ส.กรกวรรณ กล่าว

กระทั่งตัดสินใจพาครอบครัวหนีออกมาโดยขณะนี้ฝ่ายชายยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านตนเพียงลำพังยึดบ้านตนไว้ ครอบครัวไม่กล้ากลับไปที่บ้านเพราะกลัวถูกฆ่าและเขาส่งข้อความมาข่มขู่ว่าถ้าหนีก็ต้องหนีไปให้ถึงที่สุดถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะยิงให้ตายทั้งครอบครัว จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม ที่กองปราบ ให้ส่งเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบว่าเป็นทหารจริงหรือไม่ เนื่องจากกลัวว่าจะใช้คำว่าทหารไปหลอกลวงคนอื่นและข่มขู่ทำร้ายคนอื่นให้เดือดร้อน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป