วันที่ 15 พ.ค. 2567 มีรายงานว่า นักธุรกิจสาว วัย 37 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยหลังจากเธอถูกชายคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นอาจารย์หมอเชี่ยวชาญด้านหัวใจ ตำแหน่งวิชาการ “ผศ.ดร.นพ.” เข้าไปตีสนิทพูดคุยจนได้คบหากันช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มหยิบยืมเงินเรื่อย ๆ รวมระยะเวลาที่คบหากัน 3 เดือน เธอสูญเงินไปแล้วประมาณ 500,000 บาท
นางสาวเพ่ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ได้เล่าว่า ช่วงปลายปี 2566 ชายผู้ก่อเหตุคือ นายกอล์ฟ (นามสมมติ) โทรศัพท์ติดต่อมาหาตัวเอง บอกว่านำเบอร์โทร. มาจากอินเทอร์เน็ต ก่อนแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์แพทย์เชี่ยวชาญด้านหัวใจ และรู้จักกับผู้หญิงชื่อ “อ้อมตะวัน” ที่เคยมีการฟ้องร้องคดีฉ้อโกงกับตน และอ้างว่าเขาเองก็ถูกหญิงที่ชื่อ “อ้อมตะวัน” โกงเงินไปเหมือนกัน
หลังจากนั้นตนและชายคนนี้ก็เริ่มพูดคุยปรึกษากันด้วยความเห็นอกเห็นใจ ก่อนที่ฝ่ายชายจะขอคบช่วงต้นปี แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันสลับไปมาทั้งบ้านของเธอและฝ่ายชาย โดยฝ่ายชายขายฝันว่าจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน เริ่มจากเดือนมกราคม นายกอล์ฟเริ่มยืมเงินตน อ้างว่า เป็นค่าน้ำมัน ค่ากินอยู่ต่าง ๆ จากนั้นนายกอล์ฟได้พาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยโรคมะเร็ง ทำให้ตัวเองรู้สึกสงสาร ช่วยเงินรักษาพยาบาลไป โดยตลอดเวลาที่อยู่กับนายกอล์ฟ ตนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาลแม่
นางสาวเพ่ย ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยสงสัยเรื่องอาชีพของนายกอล์ฟ เพราะเวลาออกไปทำงาน นายกอล์ฟจะแต่งชุดสครับผ่าตัด จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งที่นายกอล์ฟอ้างว่าต้องไปทำงานที่ประเทศเยอรมนี แต่ต่อมากลับบอกว่า ไม่ได้ไปแล้วเพราะประเทศดังกล่าวกำลังมีการประท้วงเกิดขึ้น ซึ่งตัวเองนำเรื่องนี้ไปเล่าให้รุ่นน้องฟัง รุ่นน้องบอกว่าไม่จริง เพราะญาติทำงานอยู่ที่นั่นบอกว่าสามารถบินเข้า-ออกประเทศได้ตามปกติ จึงช่วยกันพิมพ์ชื่อของนายกอล์ฟผ่านเว็บไซต์แพทย์สภา แต่ก็ไม่เจอประวัติว่าเป็นแพทย์ ซึ่งเรื่องนี้นายกอล์ฟเคยอ้างว่า เป็นเพราะจบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่มีชื่ออยู่ในระบบของแพทย์ไทย
หลังจากนั้น นายกอล์ฟพยายามตีตัวออกห่าง ทำให้ตนเครียดเพราะเสียเงินไปกับในกอล์ฟจำนวนมาก จึงกินยาเกินขนาดจนต้องเข้าไอซียู ซึ่งนายกอล์ฟก็ตามไปเยี่ยมตนที่ไอซียู ก่อนจะขอเงินติดตัว 2,000 บาท และขอเงินไปทำบุญอีกจำนวนหนึ่ง และหลังจากนั้นตนก็เริ่มจับได้ว่านายกอล์ฟมีผู้หญิงคนอื่นและได้เลิกรากันไป พอรู้ตัวว่าถูกหลอก ตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดง ก่อนที่ตำรวจจะเช็กประวัติพบว่า นายกอล์ฟ เคยติดคุกคดียาเสพติดปี 2561-2563 ซึ่งจากประวัตินายกอล์ฟไม่ใช่แพทย์แต่เป็นเซลล์ขายยา
ทางด้าน นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้กล่าวว่า
ในกรณีนี้ทางผู้เสียหายได้ดำเนินการแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดน เป็นที่เรียบร้อย เบื้องต้นได้แจ้งความไว้ในคดีฉ้อโกง ซึ่งในกรณีดังกล่าวสามารถยอมความได้ จึงอยากให้ผู้ที่ก่อเหตุได้ออกมาพูดคุยเจรจากับผู้เสียหาย ซึ่งถ้าหากเจรจาและชดใช้ค่าเสียหายที่ผู้ชายได้ฉ้อโกงไปทั้งหมด ทางผู้เสียหายก็อาจจะยอมความ และไม่เป็นเหตุทำให้โดนดำเนินคดีได้
ในส่วนทางด้านการอ้างว่าเป็นแพทย์นั้น ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางแพทยสภาเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ยังทราบว่าทางผู้ก่อเหตุ ยังได้มีการดำเนินการหลอกลวงผู้หญิงคนอื่นอยู่ ก็อยากจะเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะโดนดำเนินคดีเพิ่มเติม
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้แชตช่วงหนึ่ง ที่เป็นการพูดคุยระหว่าง น.ส.เพ่ย และ นายกอล์ฟ โดยในช่วงนั้นกอล์ฟได้อ้างว่า ตนได้ขับรถไปทำงานจากนั้นโดนตำรวจขอตรวจคนรถ และพบยาเสพติดอยู่ภายในรถ จากนั้นตำรวจจึงได้เรียกเงินจำนวน 80,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่ทางด้าน น.ส.เพ่ย ได้ขอชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายกอล์ฟก็บ่ายเบี่ยงและไม่ยอมให้ข้อมูล ว่าถูกตรวจค้นที่ใดและให้เงินไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่ออะไร และทางด้าน น.ส.เพ่ย ยังได้นำสลิปการโอนเงิน ซึ่งมากกว่าประมาณ 80 รายการ มาเป็นหลักฐาน ในการมาร้องเรียนครั้งนี้ โดยได้นำมาแสดงกับสื่อมวลชน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายกอล์ฟ ที่ผู้เสียหายอ้างว่ามาหลอกเอาเงินไปประมาณ 500,000 บาท โดยนายกอล์ฟ เปิดข้อมูลชี้แจงกับทีมข่าวช่อง 8 พร้อมเชิญทีมข่าวไปดูหลักฐานที่ตนเองเก็บไว้ ยืนยันเป็นคนละม้วนกับที่ทางนางสาวเพ่ย ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวหลังไปร้องโจมตีตนกับทนาย แต่ไม่อนุญาติให้ทีมข่าวสัมภาษณ์
พร้อมเปิดข้อมูลว่า ตนรู้จักกับนางสาวเพ่ย หลังตนเองก็เป็นผู้เสียหายด้วยกันในคดีของ “อ้อมตะวัน” จากนั้นนางสาวเพ่ยพยายามเข้ามาหาตน มาตีสนิทช่วงต้นปี 2567 จนกระทั่งยอมรับว่าตนได้คบหากับนางสาวเพ่ย ภายหลังนางสาวเพ่ยรู้ว่าตนมีภรรยาเก่าและลูก และยังมีการติดต่ออยู่เรื่องลูกก็พยายามโทร. กวนภรรยาเก่าตนและราวีภรรยาเก่าตน ซ้ำส่งข้อความโทร. มาหาตนเกือบ 80 กว่าข้อความ ตนได้แต่พยายามเตือนให้นางสาวเพ่ยมีสติ
ล่าสุดนายกอล์ฟ เปิดหลักฐานภาพวงจรปิดเป็นภาพนิ่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 4 เมษายน ช่วงหัวค่ำ ในภาพนิ่งจะเห็นนางสาวเพ่ยถือมีดทำครัว ลักษณะมือถือมีดทำครัวซ่อนด้านหลัง ส่วนสถานที่นางสาวเพ่ยอยู่ คืออยู่ในออฟฟิศตน หนำซ้ำหากสังเกตที่รูปประตูออฟฟิศก็แตกเพราะนางสาวเพ่ยเป็นคนทำ
เหตุการณ์วันนั้นตนให้ทีมข่าวดูภาพวงจรปิดทั้งหมด เกิดเหตุตั้งแต่ 16.00 น. วันที่ 4 เมษายน นางสาวเพ่ยมาหาตนที่ออฟฟิศ ตนไม่ได้เป็นหมอกระเป๋าแต่ทำธุรกิจเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย นางสาวเพ่ย ออกจากโรงพยาบาลหลังกินยานอนหลับเกินขนาดมาหาตนที่ออฟฟิศ รอบแรกมานั่งยืนจ้องตนแล้วออกไป จากนั้นช่วง 18.00 น. นางสาวเพ่ยมาอีกครั้ง แต่ตนล็อกประตูออฟฟิศแต่นั่งทำงานด้านใน นางสาวเพ่ย พยายามจะเข้ามาแต่เข้ามาไม่ได้ จึงเอาเก้าอี้มาขวางหน้าประตู แล้วเหยียบขึ้นมาเพื่อส่องตนอยู่นาน ตนกลัวจึงแจ้ง รปภ. มา จนนางสาวเพ่ยยอมออกไป ต่อมาตนออกไปข้างนอกชั่วคราวพอกลับมาพบประตูห้องออฟฟิศแตกละเอียดเพราะนางสาวเพ่ยเอาของแข็งมาทุบ แล้วเข้ามานั่งโต๊ะทำงานตน
ตนตกใจรีบลงไปข้างล่างเรียก รปภ. แล้วจากภาพนิ่งวงจรปิดที่ตนส่งให้ คือนางสาวเพ่ยถือมีดทำครัวเดินออกมาจากออฟฟิศ แล้วมาแทงตนข้างนอกบาดเจ็บแทง 3 ครั้ง ตนแจ้งความแล้วและมีภาพวงจรปิดบันทึกเป็นหลักฐานทุกเหตุการณ์ นอกจากนั้นนางสาวเพ่ยยังบุกรุกมาที่บ้านพักตน 3 ครั้ง จึงขอเลิกในที่สุด ยืนยันไม่เคยหลอกเอาเงินนางสาวเพ่ย ที่ผ่านมานางสาวเพ่ยเคยมาอยู่บ้านตน เคยใช้เงินร่วมกัน โดยนางสาวเพ่ยอ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ ส่วนที่นางสาวเพ่ยอ้างว่า ตนเป็นหมอกระเป๋ายินดีให้ตรวจสอบ เพราะตนทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ ไม่ใช่หมอกระเป๋า ยืนยันอีกว่า สำเนาบัตรประจำตัวก็ถูกนางสาวเพ่ยขโมยไป
ต่อมาทีมข่าวได้หลักฐานวงจรปิด เป็นเหตุการณ์วันที่ 2 เมษายน ช่วง 22.38 น. จากภาพวงจรปิดคือสถานที่มำงานของนายกอล์ฟที่เปิดธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ ในภาพจะเห็นนาที นางสาวเพ่ยถือมีดเอามือกุมมีดด้านหลัง แล้วยื้อฉุดกระชากนายกอล์ฟ ซึ่งตอนนั้นมี รปภ. ภายในสำนักงานพยายามมาควบคุมสถานการณ์แต่นางสาวเพ่ยก็ไม่ฟัง จนกระทั่งช่วงยื้อยุดฉุดกระชากนายกอล์ฟแล้วชุลมุน นางสาวเพ่ยได้เอามีดแทงด้านหลังนายกอล์ฟถึงสามครั้ง ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายกอล์ฟได้ไปแจ้งความแล้วที่ สน.มักกะสัน