สาวร้องสายไหมต้องรอด ชนะการประมูลหนังสือแบบเรียนของ อบจ.นนทบุรี แต่ถูกบริษัทสำนักพิมพ์ ไม่จัดส่งหนังสือให้
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ตัวแทนบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการจำหน่ายหนังสือทั่วประเทศไทย เข้าร้องเรียนที่สายไหมต้องรอด เนื่องจากชนะการประมูลการจัดซื้อขายหนังสือเล่มหนึ่งมาได้ โดยหนังสือเล่มนี้ จะจัดจำหน่ายให้กับ 33 โรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งการประมูลนี้เริ่มเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 มีสามบริษัทในการเข้าร่วมประมูล จนเมื่อวันที่ 29 เมษายนมีการประกาศชื่อผู้ชนะประมูลซึ่งบริษัทของเธอเป็นผู้ชนะในการประมูลครั้งนี้
โดยในการประมูลครั้งนี้เองคือได้ทำการประมูลฝ่ายตัวแทนจำหน่ายที่ติดต่อโดยตรงกับตัวแทนจำหน่าย ได้ยืนยันกับเธอว่าจะ มีการเตรียมจัดส่งหนังสือให้โดยเธอมีแชตข้อความเป็นหลักฐาน หลังจากมีการประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการ ทางตัวแทนจำหน่ายก็ได้ติดต่อกลับไปทางสำนักพิมพ์ให้เตรียมตัวในการส่งหนังสือ แต่ทางสำนักพิมพ์ตอบกลับมาว่า ไม่สามารถส่งหนังสือให้ได้เพราะไม่อยากทรยศลูกค้าประจำ
จากนั้นตนจึงได้ประสานกับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายก็ได้ไปสืบหาที่อยู่ของบริษัทสำนักพิมพ์ปรากฏว่าพอไปถึง กลับพบว่าเป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายกาแฟส่วนชั้นบนที่ถูกจดแจ้งเป็นสำนักพิมพ์นั้นกลับพบว่าไม่เป็นบริษัทแต่อย่างใด ซึ่งคนงานในร้านกาแฟจึงได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าของก็ได้คำตอบมาว่าตอนนี้อยู่ประเทศจีนแล้วจะกลับไทยมาวันที่ 21 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ผู้เสียหายได้ประสานกับ อบจ.นนทบุรี ให้ประสานกับบริษัทเอ ซึ่งบริษัทเอก็ตอบกลับมาว่า ตอนนี้อยู่ประเทศจีน จะกลับไทยมาวันที่ 21 พฤษภาคม จึงทำให้ตนพอปะติดปะต่อเรื่องและคาดคะเนว่าบริษัทเอและบริษัทสำนักพิมพ์รู้จักกันและอาจจะไปเที่ยวด้วยกัน
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความเสียหายให้กับบริษัทอย่างมาก เพราะถ้าหากไม่สามารถส่งหนังสือให้โรงเรียนได้ทันภายในวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคมนี้ จะต้องเสียค่าปรับโดยเฉลี่ยแล้วตกวันละ 7,000 บาท และเด็กๆจะไม่มีหนังสือไว้ใช้เรียน
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า ขอฝากเรื่องนี้ไปให้ นายก อบจ.นนทบุรี พิจารณาเรื่องดังกล่าวว่าเป็นการล็อคสเปคหรือไม่ รวมทั้งให้หลังจากนี้พิจารณาใช้หนังสือเรียนอื่น เพราะถ้าให้เราสเปคแบบนี้จะทำให้ประเทศเสียหาย