จากกรณีนายยศพัฒน์ หรือ หนึ่ง อายุ 18 ปี หนุ่มน้อยชาวใต้ที่พลัดพรากจากพ่อแม่แล้วมาโตในสถานเลี้ยงเด็ก จ.ยะลา กระทั่งถึงจุดที่อยากจะพบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เมื่อได้พบกับพ่อแล้วแต่กลับผิดหวัง เนื่องจากพ่อเป็นทาสยาเสพติด ถูกทุบตีทุกวันจนต้องระเหเร่ร่อน สู้ชีวิตรับจ้างทำงานอยู่ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อยากสานฝันเจอแม่ผู้ให้กำเนิด จึงได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง และนายวีระพล รักเสมอวงศ์ แอดมินเพจบ้านดุงอัพเดต กระทั่งสามารถรู้ว่าแม่ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ โดยได้ข้อมูลว่าตอนนี้แม่อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร
ล่าสุดวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 2 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้พบกับ คุณฐิราภรณ์ อายุ 35 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องหนึ่ง ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีคนประสานมาถามตนว่าใช่แม่ของน้องหนึ่งหรือเปล่า ตนก็บอกว่าใช่ แล้วก็ได้ทราบเรื่องราวของลูกชายว่าใช้ชีวิตอย่างลำบาก ไปทำงานเป็นลูกจ้าง พอได้เจอกับพ่อผู้ให้กำเนิด ก็ถูกพ่อตีเนื่องจากพ่อติดยาเสพติด ระหว่างช่วงที่น้องหนึ่งใช้ชีวิตโดยลำพัง ได้ดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาแม่ ซึ่งตนก็เพิ่งจะทราบเรื่อง เมื่อ 2 วันที่ผ่านมานี้เอง ตนได้พูดคุยกับลูกถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ระหว่างที่พูดถึงน้องหนึ่ง ทางคุณแม่ก็ได้ติดต่อไปยังแอดมินเพจ ๆ หนึ่งซึ่งได้ช่วยน้องหนึ่งตามหาแม่ แต่พอดีว่าแอดมินเพจดังกล่าวไม่ได้อยู่กับน้องหนึ่ง และน้องหนึ่งก็ไปทำงานด้วยเดี๋ยวค่อยนัดพูดคุยกันอีกที
โดยตนไม่ได้เจอลูกมานานกว่า 10 ปี พอรู้ว่าลูกติดต่อมาก็มีอาการตื้นตัน ที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเลิกรากับสามีก็พยายามติดตามถามข่าวลูกชาย ไม่รู้ว่าสามีเอาลูกไปไหน คิดถึงและเป็นห่วงอยู่ตลอด ในช่วงแรก ๆ ที่เพิ่งได้พบเจอคุยกับลูกทางโทรศัพท์ ก็บอกให้ลูกไปอยู่กับตายายที่บ้าน จ.ขอนแก่น ก่อน เพราะท่านก็อายุมากแล้วและตนเองก็ยังไม่มีหลักฐานมั่นคง บ้านก็ยังต้องเช่าเขาอยู่ ขายของพอได้กินได้ใช้ และยังต้องเลี้ยงลูก ๆ อีก ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่ดูแล ดีใจที่จะได้พบกัน อย่างน้อย ๆ ลูกอยู่กับตากับยายก่อนก็อุ่นใจว่าลูกปลอดภัยและจะไม่พลัดพรากกันอีก เดี๋ยวปีใหม่จะเดินทางไปหาแล้วค่อยหาทางขยับขยายมาอยู่ด้วยกัน
ความคืบหน้าทีมข่าวได้ไปพบน้องหนึ่ง ที่ สำนักงานบ้านดุงอัพเดท อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมให้น้องหนึ่งได้วิดีโอดคอลพูดคุยกับแม่ ซึ่งอยู่จ.สมุทรสาคร ก่อนพบหน้ากันจริงในเร็ว ๆ นี้ ในโอกาสที่ผู้สื่อข่าวได้ให้น้องหนึ่งวิดีโอคอลคุยกับแม่ โดยน้องหนึ่งได้ถามสารทุกข์สุขดิบและสัญญากับแม่ว่าจะเป็นเด็กดี คนดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และจะขอรอแม่ที่จังหวัดขอนแก่น ก่อนจะบอกกับแม่ว่า "ผมเห็นแม่ยิ้มก็ดีใจ" และทันทีที่แม่สัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่ทิ้งน้องหนึ่งแล้ว ทำให้น้องหนึ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาและบอกแม่ซ้ำ ๆ ว่า "อย่าทิ้งหนึ่งอีกนะ ผมไม่อยากไปไหนจากแม่แล้ว" ซึ่งทางแม่ก็ปลอบน้องหนึ่งว่า "อย่าร้องไห้ลูก เราโตแล้ว แม่สัญญา แม่ไม่ทิ้งแล้ว แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งหนูมานะ"
ขณะที่แม่น้องหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวว่า สาเหตุที่ตนต้องสาเหตุที่ตนห่างลูกชายนั้น เพราะตอนนั้นครอบครัวทางฝ่ายชายขับไสไล่ส่งตน อีกทั้งสามีก็ยังทำร้ายร่างกาย และไล่ให้ตนกลับบ้านช่วงตนอยากจะพาลูกมาด้วย แต่ทางฝั่งครอบครัวของสามีไม่อนุญาต
ด้านน้องหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาได้จำความได้ตนถูกเลี้ยงในสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา ตั้งแต่อายุ 3 ขวบจน 15 ปี จากนั้นตนได้ขออนุญาตผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ออกมาทำงานและตามหาพ่อแม่ ตอนนั้นตนหาพ่อเจอและได้ไปอยู่กับพ่อได้ 2 อาทิตย์ และพบว่าพ่อมีครอบครัวใหม่ อีกทั้งพ่อยังติดยาเสพติดตนจึงไม่สามารถอยู่กับพ่อได้ จากนั้นตนก็ไปอยู่กับย่าได้ 1 เดือน ต่อมาได้งานดูแลเครื่องเล่นเด็กและก็ตระเวนไปเกือบทั่วประเทศ
ตลอดระยะเวลาการทำงาน 3 ปี นั้นตนออกตามหาแม่มาตลอด ทั้งสอบถามกับญาติที่เคยรู้จัก แต่ก็ไม่พบข้อมูลว่าแม่อยู่ไหน กระทั่งมาทำงานที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และขอความช่วยเหลือจนสามารถหาแม่เจอ ย้อนกลับไปตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเจอหน้าแม่เลย เท่าที่รู้แม่ไม่ได้ทิ้งแต่แม่มีเหตุผล ส่วนตัวแล้วตัวไม่เคยโกรธแม่เลย ตอนที่เล่นโทรศัพท์คุยกับแม่ครั้งแรก ตนบอกกับคุยกับแม่ว่า สบายดีไหมแม่กินข้าวหรือยัง ผมอยากจะกอดแม่
ขณะที่นางสายใจ อายุ 54 ปี ยายของน้องหนึ่ง ที่อยู่ใน จ.ขอนแก่น เผยว่า ยินดีและดีใจมากที่มีหลานชาย และหลานชายจะมาอยู่ด้วย เพราะที่บ้านอยู่กันเพียงสองผัวเมีย ถ้าหลานชายมาอยู่ด้วยก็จะได้ช่วยดูแล