จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้นำเสนอเรื่องราวการเสียชีวิตของ "มาร์ค" หรือ นายทิวา อายุ 25 ปี ซึ่งได้เสียชีวิตหลังจากที่จัดงานฉลองครบรอบวันเกิดของตัวเอง โดยเพื่อนและครอบครัวของน้องมาร์คต่างติดใจในสาเหตุการตาย เพราะคำบอกเล่าจากแฟนหนุ่มของนายทิวา ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยในหลายแง่ โดยแฟนหนุ่มของนายทิวาที่นั่งมาในรถด้วยกัน อ้างว่าผู้เสียชีวิตหยอกล้อกันก่อนจะกระโดดลงมาจากรถเอง ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลตอนที่มูลนิธิไปเจอศพตอนแรก และบอกว่าลักษณะศพไม่เหมือนคนที่ตกรถเพราะไม่มีร่องรอยบาดแผลถลอก เสื้อผ้าไม่ฉีกขาด แต่กลับมีเลือดออกปากและจมูก แถมจุดที่อ้างว่าคนตายกระโดดยังห่างกับจุดที่พบร่างไกลถึง 500 เมตร
โดยวันนี้ ณ ที่ทำการสายไหมต้องรอด นำโดยนายนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ความช่วยเหลือและรับเรื่องราวร้องทุกข์จากเพื่อนและญาติของนายมาร์ค ซึ่งวันนี้นายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากกรณีสงสัยการตายของนายมาร์ค ทิวา ที่ตกรถแล้วเสียชีวิต ซึ่งนายมาร์คได้ขึ้นรถของนายเปา (นามสมมติ) แฟนหนุ่มและเป็นเจ้าของคลนิกความงามแห่งหนึ่ง
โดยก่อนหน้านี้ทางแฟนหนุ่มเคยบอกในทำนองที่ทำให้นายมาร์คหวั่นใจ จนต้องมาพูดกับเพื่อนว่า ถ้าหากตนเองตาย กลัวแฟนตัวเองเหลือเกิน เพราะเขาเป็นหมอ และมีความรู้เรื่องตัวยา ประกอบกับสภาพศพที่ไม่พบร่อยรอยถลอก แต่กลับพบว่ามีเลือดออกจากปาก อีกทั้งทางครอบครัวของนายมาร์ค ยังถูกข่มขู่จากแฟนของนายมาร์ค รวมถึงแฟนของนายมาร์คเร่งรัดให้มีการฉีดฟอร์มาลีน และเร่งให้มีพิธีฌาปนกิจอีกด้วย
ล่าสุด (16 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ ภาพจากกล้องวงจรปิดไล่เรียงจากจุดที่ 1 บริเวณร้านสถานบันเทิง เป็นร้านที่นายทิวาได้มาฉลองวันเกิดร่วมกับนายเปา (แฟนหนุ่ม) และเพื่อนของนายเปาอีก 3 คน (รวมทั้งหมด 5 คน) จนในเวลา 01.40 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ทางด้านของนายทิวาและพรรคพวกก็ได้เดินออกจากร้านไปด้วยท่าทีปกติ ไม่ได้มีอาการเดินเซหรือทะเลาะกันแต่อย่างใด จากนั้นในเวลา 01.41 น. จะเห็นว่านายทิวาและกลุ่มของนายเปาก็ได้เดินไปตามทางเพื่อจะไปขึ้นรถที่จอดไว้อีกจุดหนึ่ง โดยที่นายเปาก็ได้มีการถามขึ้นมาว่า “กุญแจรถอยู่ไหน” แล้วทั้งหมดก็พากันเดินลับกล้องออกไป
จากนั้นในเวลา 01.49 น. ก็ได้ยินเสียงของคนกลุ่มหนึ่ง ลักษณะเป็นการตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ซึ่งก็ฟังไม่ได้ศัพท์เนื่องจากเสียงค่อนข้างไกลจากจุดตั้งกล้องวงจรปิด แต่บางช่วงบางตอนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนว่า “ไป ไปไกล ๆ” แล้วก็มีการตะโกนกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ ต่อมาในเวลา 01.53 น. เป็นจุดที่อยู่ห่างจากร้านสถานบันเทิงเพียง 300 เมตร ก็จะเห็นว่ารถของกระบะของนายเปาได้ขับผ่านไป โดยที่ไม่มีการเปิดประตูออกมาแต่อย่างใด
จากนั้นในเวลา 01.53 น. จะเห็นว่ามีรถกระบะสีบรอนซ์เงินขับผ่านเข้าไปในซอย แต่ไม่นานนักรถกระบะคันเดิมก็ได้ขับย้อนกลับมาพร้อมกับเปิดไฟขอทาง แล้วขับไปจอดอยู่บริเวณจุดที่พบร่างของนายทิวา แล้วรถกระบะของนายเปาก็ได้ขับตามมาติด ๆ ก่อนที่จะทำการแซงรถกระบะคันแรกไป ซึ่งสังเกตว่าประตูทางด้านซ้ายของรถนายเปานั้นเหมือนจะถูกเปิดออก แต่ด้วยกล้องนั้นอยู่ไกล อีกทั้งบริเวณดังกล่าวค่อนข้างมืด จึงไม่เห็นว่านายทิวาได้กระโดดลงมาจริงหรือไม่อย่างไร (01.55.47 น.) ก่อนที่รถของนายเปาจะขับเข้าไปจอดชิดริมถนน
โดยทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ในเวลา 01.53 น. จะเห็นว่ารถของนายเปาได้ขับผ่านจุดเกิดเหตุมาประมาณ 20 เมตร โดยที่สังเกตว่าประตูรถด้านหน้าฝั่งซ้าย (ข้างคนขับ) ได้ถูกเปิดอยู่ ก่อนที่นายเปาจะทำการหยุดรถและวิ่งกลับไปดูนายทิวา ที่พลัดตกอยู่ก่อนหน้าแล้ว
จากนั้นในเวลา 01.58 น. นายเปาก็ได้เดินกลับมาที่รถพร้อมกับเพื่อน 1 คน คล้ายกับมาหยิบอะไรสักอย่างที่รถ แล้วก็เดินกลับไปหานายทิวาอีกรอบ แล้วนายเปาก็เดินกลับมาที่รถเป็นครั้งที่สองเพื่อทำการถอยรถกลับไปยังจุดที่นายทิวาพลัดตก จนในเวลา 02.08 น. รถพยาบาลก็ได้ขับเข้ามายังที่เกิดเหตุ จากนั้นอีก 2 นาที นายเปาก็ได้ขับรถกระบะออกจากที่เกิดเหตุไป
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลระบุเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคลิปเสียงการพูดคุยระหว่าง “แฟนของนายทิวา” กับ “เพื่อนของนายทิวา” โดยที่เพื่อนสนิทได้ทำการสอบถามไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายทิวา ทางด้านแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตเล่าว่า “ตอนแรกก็นั่งหยอกล้อกันอยู่ในรถตามปกติ จนใกล้จะถึงที่พักแล้ว และมาร์คก็เปิดประตูรถออกไปเลยในตอนที่รถยังเคลื่อนอยู่ แล้วมาร์คก็กลิ้ง กลิ้ง กลิ้ง ลงไปกับถนน ประมาณ 500 เมตร แล้วถึงจะจอดรถลงไปดูว่าทำไมมาร์คถึงกระโดด อันนี้คือเรื่องจริงแต่ไม่ต้องเอาไปพูดต่อนะ รู้ประมาณนี้ก็พอแล้ว ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก” ซึ่งเพื่อนสนิทก็ได้สงสัยว่าทำไมแฟนของนายทิวาถึงไม่มีทีท่าเสียใจและยังพูดไปหัวเราะไปได้อยู่
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางแพรว (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของนายมาร์ค ผู้เสียชีวิต โดยนางแพรวเล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ตนนั้นรู้จักกับนายมาร์ค มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว จึงสนิทกันมาก แต่ถึงสนิทกันด้วยนิสัยส่วนตัวของนายมาร์คจะเป็นคนพูดน้อย และไม่ค่อยบอกอะไรกับเพื่อนมากนัก จึงไม่รู้ว่าเพื่อนนั้นมีปัญหาอะไรบ้าง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว ที่นายมาร์คโทร. มาหาตน และเล่าให้ฟังว่า ตนเองสงสารแม่ อยากทำให้แม่ภูมิใจ เพราะตอนนี้ตนเองอึดอัดมาก เนื่องจากโดนแฟนทวงเงิน ค่าฉีดฟิลเลอร์ที่แฟนตนที่เป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามทำให้ จำนวน 30,000 บาท
โดยที่ตอนแรกเชื่อว่าคนที่เป็นแฟนกัน ก็คงไม่เก็บเงินกัน ซึ่งพอตนทราบเช่นนี้แล้วจึงออกให้ทั้งหมดโดยไม่อิดออด แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเลิกกับผู้ชายคนนั้น ซึ่งนายมาร์คก็รับปาก แต่เมื่อให้เงินไปคืนแล้วนายมาร์คก็หายเงียบไปจนตนเองต้องโทรศัพท์ไปถามว่าที่เงียบไปเป็นเพราะอะไร จนมารู้ที่หลังว่าให้เงินไปแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเลิกกับผู้ชายคนนี้ได้ แต่ก็ไม่ยอมเล่ารายละเอียดว่าทำไมถึงเลิกกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถึงแม้จะจ่ายเงินไปหมดแล้ว
ซึ่งพอตนเห็นว่านายมาร์คไม่ยอมบอก จึงกำชับกับนายมาร์คว่าถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ ขอให้บอกทั้งหมด เพราะตนเองรวมถึงเพื่อนเพื่อนคนอื่นก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นอย่างมากกับที่นายมาร์คเป็นเช่นนี้ จนนายมาร์คยอมเปิดปากและพูดบอกกับเพื่อน ๆ และตนว่า แฟนของตนเองก็เป็นหมอ คงรู้วิธีการฆ่ายังไงให้ตายแบบไร้ร่องรอย ซึ่งทุกคนพอได้กินก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แล้วบอกกับนายมาร์คไปว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจให้บอกให้หมดและไปเลิกกับผู้ชายคนนั้นได้แล้ว ซึ่งในมาร์คเองก็ยังคงตอบตกลงเหมือนเดิม ว่าจะยอมเลิกกับผู้ชายคนดังกล่าว
และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา นายมาร์ค ได้เดินทางเดินทางมาที่คอนโดของตน เพื่อมาหาเพื่อนของตนอีกคนหนึ่ง โดยเพื่อนคนดังกล่าวโอนเงินไปให้เพื่อให้นายมาร์คมาหาที่คอนโด และเพื่อนคนดังกล่าวก็เล่าให้กับตนฟังว่า วันที่นายมาร์คมาหาเขามีสีหน้าแววตาที่เศร้าหมองและดูตึงเครียดเป็นอย่างมาก และมาบอกกับเพื่อนว่าตอนนี้อยากเลิกกับแฟนเป็นอย่างมากแต่เลิกไม่ได้ แต่ถ้าเลิกได้แล้วก็อยากให้กลุ่มเพื่อน ๆ นั้นพาตนเองไปเที่ยวที่หลีเป๊ะด้วย และนายมาร์คต่ออีกว่า แฟนตัวเองไปพูดประจานกับคนอื่นว่าตัวเองชอบยืมเงินคนอื่นไปทั่ว ทั้งที่ขอยืมแค่เพื่อนคนสนิทเท่านั้น รวมไปถึงอ้างว่าตัวเองไปยืมเงินแล้ว แล้วนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ ซึ่งเรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
และในวันที่นายมาร์คเสียชีวิต ก็คือวันเกิดของนายมาร์ค ซึ่งตอนนั้นได้มีการโทรศัพท์ไปหานายมาร์คตั้งแต่ช่วงกลางคืนแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย จนกระทั่งแฟนของนายมาร์ค โทร. กลับมาหาตน แล้วถามตนว่ารู้เรื่องได้ยังไง ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า “นี่ใครทำไมไม่ใช่เสียงมาร์ค” และแฟนนายมาร์ค ก็ออกตัวว่า “ตนคือแฟนของนายมาร์ค แล้วรู้เรื่องได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น และโทร. หามาร์คทำไม” ซึ่งตรงก็ตอบกลับว่าตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และวันนี้เป็นวันเกิดของนายมาร์ค ตนก็อยากโทรมาเพื่ออวยพรนานมาร์ค ไม่เห็นแปลกอะไรเลย จนแฟนของนายมาร์คบอกกับตนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และคำพูดทุกอย่างของแฟนมาร์คก็ดูมีพิรุธจนตนสงสัยว่าแฟนนายมาร์คนี่แหละเป็นคนก่อเหตุ และขอยืนยันว่ายังไงมาร์คเพื่อนตนก็ไม่มีทางฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะนายมาร์คนั้นในชีวิตนี้เป็นคนที่กลัวตายมากที่สุด
ส่วนความคืบหน้าในวันนี้ ทางครอบครัวของนายทิวา หรือ มาร์ค (ผู้เสียชีวิต) ก็ได้ตัดสินใจนำร่างของนายทิวาส่งชันสูตรตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยของบรรดาญาติและเพื่อน ๆ ว่าแท้จริงแล้วนายทิวานั้นเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายภูมิ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เพื่อนของนายมาร์ค ผู้เสียชีวิต ที่วันนี้ได้เดินทางมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเพื่อน โดยนายภูมิได้เล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ตนกับนายมาร์ค รู้จักกันขณะที่เรียนด้วยกันที่มหาลัยเดียวกัน มาประมาณ 4 ปีแล้ว โดยในตอนเรียนด้วยกันก็สนิทสนมกันมากเพราะไปกินและเที่ยวเล่น หรือร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาตลอดด้วยกันเป็นประจำ และหากเป็นเรื่องของการดื่มก็ยอมรับว่ามีกินดื่มจนเมา แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นขาดสติจนไม่รู้เรื่อง อีกทั้งเรื่องที่ตนประทับใจนายมาร์ค ก็คือความใจสู้ และการเป็นคนคิดบวกเป็นอย่างมาก จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายมาร์คไม่มีทางเปิดประตูรถและกระโดดออกมาเพื่อฆ่าตัวตายแบบนี้อย่างแน่นอน
ประกอบกับคลิปเสียงที่ได้ฟัง เป็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างแฟนนายมาร์คกับเพื่อนของนายมาร์ค ตนมองว่ามีพิรุธเพราะคนตายทั้งคนทำไมน้ำเสียงของแฟนนายมาร์ค ดูไม่เศร้าแถมบางช่วงยังมีการหัวเราะออกมาเป็นระยะอีกด้วย อีกทั้งในช่วงที่แฟนนายมาร์ค มางานศพของนายมาร์ค ญาติก็เล่าให้ตนฟังว่าแฟนนายมาร์คก็ดูลุกลี้ลุกลนอยากจะออกจากงานศพ และเมื่อสวดอภิธรรมเสร็จ ก็ออกไปจากงานทันทีโดยไม่มาคุยกับญาติของนายมาร์คเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วนแฟนหนุ่มของนายมาร์ค ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะน่าจะไปรู้จักช่วงที่นายมาร์ค ย้ายกลับไปอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ แล้ว โดยนายมาร์ค ก็เคยเล่าให้กับตนฟังว่า รู้จักกับแฟนคนนี้ได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้วผ่านโลกโซเชียล ซึ่งแฟนของตนเป็นเจ้าของธุรกิจคลินิกเสริมความงาม อยู่ที่ จ.ชัยภูมิ และครั้งสุดท้ายที่ตนได้คุยกับนายมาร์ค คือเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการนัดกันไปกินดื่มที่ร้านแห่งหนึ่งใน กทม. แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสแล้ว สุดท้ายในวันนี้ที่ตนมาเป็นตัวแทนของทั้งญาติและเพื่อนของนายมาร์ค ก็เพราะต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายมาร์ค เพราะเชื่อว่ายังไงเพื่อนของตนไม่มีทางจะกระโดดลดลงมาตายแบบนี้อย่างแน่นอน
ต่อมาทางด้านของ นายณัฐนนท์ อายุ 27 ปี ก็ได้เปิดเผยว่า ตนตื่นเช้าขึ้นมาวันที่ 14 พ.ค ก็ได้ทราบข่าวจากเพื่อนว่า “น้องมาร์คเปิดประตูลงรถแล้วเสียชีวิต” ตอนแรกเพื่อนคนอื่นก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับรุ่นน้องที่รู้จักจึงได้พากันสร้างแชต “กลุ่มคนรักน้องมาร์ค” เพื่อมาพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนก็สงสัยว่าทำไมน้องถึงเปิดประตูลงรถเพราะมันไม่สอดคล้องกับนิสัยใจคอของน้องที่เป็นคนรักชีวิต รักครอบครัว
หลังจากนั้นทุกคนจึงพากันสืบหาข้อมูลต่าง ๆ จนมาทราบว่านายเปา (แฟนของผู้ตาย) ได้ทำการโทร. ไปขอบริจาคเงินสำหรับจัดงานศพของนายทิวาจากกลุ่มเพื่อนสมัยก่อน โดยนายเปาก็ได้บอกกับกลุ่มเพื่อนของน้องว่า “น้องมาร์คเปิดประตูและกระโดดลงจากรถเอง จนกลิ้งไปไกลกว่า 500 เมตร” ตนและกลุ่มเพื่อนจึงเริ่มเอะใจว่าหากน้องตกลงมาจากรถและกลิ้งไกลกว่า 500 เมตร ทำไมเสื้อผ้าของน้องถึงไม่ขาดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งบาดแผลถลอกก็ไม่มีเลย ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามทางกู้ภัยว่าพบร่องรอยบาดแผลอะไรบ้าง ซึ่งกู้ภัยก็แจ้งเพียงแค่ว่ามีเลือดออกทางจมูกและปาก ตนก็ยิ่งเชื่อมั่นว่านายทิวาไม่ได้ตกจากรถเอง ซึ่งในตอนแรกทางด้านครอบครัวของนายทิวานั้น บอกว่าไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการตาย แต่ตนเชื่อว่าครอบครัวของน้องก็คงจะสงสัยเหมือนที่ทุกคนสงสัย เพียงแต่ว่าครอบครัวของน้องไม่ได้ร่ำรวยและเป็นเพียงชาวบ้านตาสีตาสาจึงไม่กล้าออกมาพูดอะไร
อีกทั้งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนก็ทราบมาว่านายเปาได้โทรศัพท์มาหาคุณแม่ของนายทิวา พร้อมกับมีการพูดจาเชิงข่มขู่ว่า “แม่ไปแจ้งความทำไม เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แจ้งความ ตอนนี้มันเป็นเรื่องใหญ่แล้ว” ซึ่งตนเชื่อว่าคุณแม่น่าจะถูกข่มขู่เลยทำให้ท่านกลัว แต่เพื่อน ๆ ของนายทิวานั้นไม่มีใครกลัว ต่อให้อีกฝ่ายจะใหญ่โตมาจากไหน พวกตนพร้อมสู้และหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริง ตอนนี้ตนยืนยันว่าไม่ขอปรักปรำใครและขอให้ผลชันสูตรออกมาบอกความจริงทั้งหมด พร้อมกับพูดถึงนายทิวาว่า “ขอให้น้องหลับให้สบาย แม้ว่าน้องจะลุกขึ้นมาพูดความจริงไม่ได้ เพื่อนก็จะขอสู้เพื่อน้องมาร์คให้ถึงที่สุด”