จากกรณี นายมะลาวี อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ. สนามบินภูเก็ต ถูกคนร้ายปริศนาทำร้ายร่างกายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องเช่าหมายเลข 8 ภายในซอยหมากปรกอนุสรณ์ ต.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ก่อนจะมีเพื่อนข้างห้องไปพบร่างและแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยส่งโรงพยาบาบถลาง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 01.00 น. วันที่ 16 พ.ค. 2567




ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังห้องเช่าจุดเกิดเหตุ พบว่าห้องเช่าดังกล่าว เป็นห้องเช่าชั้นเดียว มีห้องเช่าปลูกติดกันหลาย ๆ ห้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ประตูห้องที่เกิดเหตุไม่ได้ล็อกไว้ ภายในยังพบทรัพย์สินของผู้ตายทั้งกระเป๋า เงินสด อยู่ครบ และมีร่องรอยการทำร้ายภายในบ้าน นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ถูกนำมาจอดไว้ภายในบ้านอีกด้วย


ต่อมาทีมข่าวได้สอบถาม นายนันธวัฒน์ อาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ โดยเพื่อนข้างห้องของผู้ตายได้โทรศัพท์แจ้งว่าพบผู้ตาย นอนคว่ำหน้าอยู่ภายในห้อง ตอนแรกคิดว่าเกิดจากอาการชักของผู้ตาย เพราะผู้ตายก่อนหน้านี้เพื่อนข้างห้องได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายเคยชักหมดสติมาแล้ว 1 ครั้ง


แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ตนเองได้พลิกร่างของผู้ตายดูจึงพบว่า บริเวณใบหน้ามีบาดแผลเป็นรอยแตกช้ำจำนวนมาก และบริเวณหน้าผาก คิวทั้งสองข้าง มีแผลคล้ายถูกมีดฟัน หรือของแข็งกระแทกอย่างหนักจนเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนภายในบ้านตนเองไม่ได้สังเกตว่ามีร่องรอยการต่อสู้หรือไม่ จากนั้นตนเองพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิตและรีบนำส่งโรงพยาบาล จนสุดท้ายผู้ตายได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ


จากการสอบถามเพื่อนบ้าน รู้เพียงว่า ผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของสนามบินสนามบินภูเก็ต และใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าหลังเกิดเหตุเพียงคนเดียว




ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายอีลียัส เพื่อนร่วมงาน ซึ่งอยู่ห้องหมายเลข 7 ติดกับผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ตนเองและผู้ตายทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนามบินภูเก็ตด้วยกัน แต่วันเกิดเหตุได้เข้างานคนละกะ ส่วนผู้ตายมาเช่าห้องพักดังกล่าวได้ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว อยู่ตัวคนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร นาน ๆ ที จะมีเพื่อนไม่กี่คนเดินทางมาแวะหาพูดคุยเท่านั้น


ส่วนก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน เพื่อนข้างห้องหมายเลข 9 ซึ่งเป็นเพื่อน รปภ. อีกคนได้โทรศัพท์มาหาตนเอง เนื่องจากช่วงประมาณ 4 ทุ่มเศษ นอนอยู่ในห้องและได้ยินเสียงโครมคราม และเสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างโดนลากอยู่ในห้องเช่า หลังเกิดเหตุแต่ไม่กล้าออกไปดู


กระทั่งเวลาผ่านไปเสียงได้เงียบลง จากนั้นเพื่อนข้างห้องจึงได้ไปเคาะประตูเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเปิดประตูจึงเห็นผู้ตายนอนอยู่คว่ำหน้าอยู่ในบ้านแล้ว จึงได้รีบโทร. แจ้งตนเอง ตอนแรกก็คิดว่าผู้ตายเป็นโรคลมชักกำเริบ เนื่องจากก่อนหน้าผู้ตายเคยเป็นมาแล้ว 1 ครั้ง จากนั้นตนเองจึงรีบโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ


ส่วนคืนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้าเวรเป็น รปภ. สนามบิน ตั้งแต่ 14.00 - 22.00 น. และเดินทางกลับก่อน ส่วนตนเองทำโอทีต่อจึงไม่ได้กลับมาเจอกัน หลังจากโทร. แจ้งกู้ภัยให้ไปรับผู้ตายส่งโรงพยาบาล ก็คิดว่าเพื่อนไม่เป็นอะไรมาก กระทั่งช่วงเช้ามารู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้วก็ตกใจมาก และไม่รู้ว่าผู้ตายไปมีความขัดแย้งกับใครมาก่อน




ล่าสุดหลังจากได้ข้อมูลจากลุงร้านชายของชำ ให้ข้อมูลว่า เห็นผู้ตายซ้อนท้ายชายปริศนา ขี่ผ่านร้านค้าก่อนพบเป็นศพ แต่ปรากฏว่า เมื่อทีมข่าวได้ไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดกลับพบว่า ผู้ตายก่อนกลายเป็นศพได้ขี่รถจักนยานยนต์กลับบ้านเพียงคนเดียว ไม่มีใครซ้อนท้าย


โดยกล้องวงจรปิดจะเห็นทั้ง 5 มุม จะเห็นผู้ตายขี่จักรยานยนต์ผ่านร้านสะดวกซื้อ ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าปากซอยห้องพัก ในช่วงเวลา 22.27 น. หลังจากที่ผู้ตายเลิกงานในเวลา 22.00 น. โดยขี่จักรยานยนต์มาจากสนามบินภูเก็ต ผู้ตายขี่จักรยานยนต์มาคนเดียว ขี่ในลักษณะปกติทั่วไป ไม่เร็ว จากปากซอยเข้าไปถึงห้องพักคนเดียว ไม่มีใครซ้อนท้าย ระยะทางจากปากซอยถึงห้องพัก ประมาณ 500 เมตร และยังคงสวมยูนิฟอร์ม รปภ. และสวมเสื้อแจ็คเก็ตคลุมสีดำทับ

 

รปภ. ถูกฆ่าโหดคาห้อง ศพคล้ายถูกซ้อม ช่อง 8 เปิดหลักฐานพลิกคดี