จากกรณี นายสำเริง อายุ 57 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนหนองกราด เขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย หลังถูกแก๊งทวงหนี้เงินกู้รายวันบุกทำร้ายถึงบ้านพัก เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา จนฟันร่วง 5 ซี่ ทั้งยังใช้กำลังฉุดกระชากบังคับให้ขึ้นรถกระบะ ซึ่งลุงได้ดิ้นสู้ขัดขืนจนมีแผลถลอกตามร่างกายทำให้รอดมาได้ แต่แก๊งทวงหนี้ดังกล่าวก็ยังบุกเข้าไปยึดเอาทีวี และโทรศัพท์มือถือของลุงไป และขู่อาฆาตจะเอาชีวิตด้วย ทำให้ลุงหวาดกลัวเกรงจะไม่ปลอดภัย จึงได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.นางรอง และร้องเรียนผ่านสื่อ




ความคืบหน้าวันนี้ (17 พ.ค. 2567) นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ สั่งการให้นางสาวเพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง เร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม , นางรัชนีกร สวัสดิ์พูน ปลัดอำเภออาวุโส พร้อมทีมงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงยังบ้านนายสำเริง




โดยวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยกับ นายสำเริง ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ มีการโชว์ฟันที่หลุดออกไปและยังเปิดบาดแผลที่แขนและที่ชายโครงด้านซ้ายให้ทีมข่าวดู ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสำเริง เผยว่า ตนเองยอมรับว่า ในวันที่ 11 พฤษภาคม มีการไปกู้เงินกับนายมารุต จำนวน 5,000 บาทจริง ซึ่งยอดเงินที่กู้มาจะต้องส่งแบบรายวัน วันละ 250 บาท เป็นเวลา 24 วัน แต่ถ้าวันไหนไม่มีเงิน 250 บาท ก็ต้องเสียค่าปรับวันละ 150 บาท เป็นค่ารักษาบัญชีเสียให้กับพวกแก๊งเงินกู้ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองจะนำเงินไปฝากไว้กับนางทองแถม เพราะนางทองแถมก็กู้เงินแก๊งเงินกู้เจ้าเดียวกันมา แต่ปรากฏว่า วันที่ 14 พฤษภาคม จู่ ๆ นายมารุต เจ้าของเงินกับลูกน้องอีก 2 คนก็บุกมาหาที่บ้านพัก ด้วยความที่ตนเองฝากเงินไว้กับนางทองแถมแล้ว ก็เลยเดินไปคุยกับนายมารุตว่า ฝากเงินไว้กับทองแถมแล้ว มาทำอะไรกัน




แต่ปรากฏว่านายมารุตก็มากระชากคอเสื้อตนเองไปต่อยเข้าที่เบ้าตา 1 หมัด จากนั้นก็ต่อยที่ปากหมัดเดียวจนฟังล่วงออกจากปาก พอล้มลงนายมารุตยังทำร้ายซ้ำด้วยการเตะเข้าที่ชายโครงและกระทืบอีกหลายครั้ง จากนั้นนายมารุตก็พยายามจะดึงตัวตนเองไปขึ้นรถ แต่ตนเองไม่ยอมไป พวกเขาก็เลยเข้าบ้านไปขนทีวีขึ้นรถ ซึ่งหลังจากที่แก๊งของนายมารุตออกจากบ้านไป ตนเองก็ไปถามกับนางทองแถมว่า ส่งเงินที่ฝากให้กับมารุตหรือยัง ซึ่งนางทองแถมก็บอกว่าส่งเงินให้พวกมันไปแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองเชื่อว่านายมารุตคงจะเมา โดยตั้งใจมากระทืบตนเองแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งวันนี้ถ้าหากรองผู้การฯ มาติดตามความคืบหน้าทางคดี ก็อยากจะขอความยุติธรรมให้กับตัวเอง




ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งตามรายงานตำรวจได้มีการไปรวบตัวผู้ก่อเหตุได้แล้วทั้งหมด 3 คน คือ 1. นายมารุต อายุ 37 ปี (เป็นเจ้าของเงินและเป็นคนก่อเหตุ) 2. นายณัฐพล อายุ 34 ปี (ลูกน้อง) และ 3. นายณัฐวุฒิ อายุ 18 ปี (ลูกน้อง)


จากนั้นในขณะที่พนักงานกำลังสอบปากคำนายมารุต ผู้ก่อเหตุ ทีมข่าวได้ไปสอบถามกับเจ้าตัวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายมารุต เปิดใจกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เกิดไปแล้ว วันนี้ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นแบบที่ลุงสำเริงอ้างทั้งหมด โดยเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ยอมรับว่าไปหานายสำเริงที่บ้านกับลูกน้องจริง แต่คนที่ลงมือก่อเหตุคือตนเองคนเดียวเท่านั้น และวันเกิดเหตุยืนยันว่าไม่ได้ต่อยและไม่ได้เตะนายสำเริง แต่ยอมรับว่าตบจริง ยืนยันวันเกิดเหตุตนไม่ได้เมา แต่นายสำเริงต่างหากที่เมาพูดจาไม่รู้เรื่อง




ส่วนประเด็นที่พวกเขาอ้างกันว่าฝากเงินไว้แล้ว ทำไมต้องไปกระทืบ ยืนยันพวกเขาโกหก เพราะวันเกิดเหตุตนเองไปถามกับป้าทองแถมแล้ว ป้าทองแถมก็บอกว่าไม่ได้ฝาก พอมาถามกับนายสำเริง เขาก็บอกว่าฝากไว้แล้ว โยนกันไปกันมา ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะไปทำร้ายใคร แต่พอไปถามเรื่องเงิน นายสำเริงดันพูดจาทำนองว่าจะเบี้ยวหนี้ โดยอ้างว่าเงินที่เอาไปไม่ได้ใช้เองแต่กู้ไปให้คนอื่น ด้วยความโมโหก็เลยตบหน้าไป 2 - 3 ครั้ง ซึ่งการตบ อย่าเรียกว่าการกระทืบ เพราะตนเองไม่ได้เตะหรือต่อยตามที่ถูกกล่าวหา ยอมรับเงินที่นำไปปล่อยเป็นเงินเก็บของตัวเอง และยอมรับว่ารู้ว่ามันผิดกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายใครแบบนี้มาก่อน และถ้าวันเกิดเหตุ นายสำเริงออกมาอธิบายดี ๆ ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น


ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ไปเจอกับนางทองแถม อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นคนรับฝากเงินผู้บาดเจ็บส่งให้กับแก๊งเงินกู้ บอกว่า ประเด็นที่นายสำเริงต้องมาฝากเงินป้าส่งรายวัน ก็เป็นเพราะว่าตัวป้าเองก็กู้เงินมาจากนายมารุตเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวป้ากู้นายมารุต มาจำนวน 4,000 บาท ส่งวันละ 400 บาท เป็นเวลา 24 วัน กระทั่งช่วงหลังนายสำเริง คนใกล้บ้านมีการมากู้เงินกับนายมารุตเช่นเดียวกัน ทางป้าเองก็เห็นว่าเขายุ่ง ๆ กับงาน ก็เลยเป็นคนรับฝากเงินส่งให้กับแก๊งเงินกู้




ยืนยันตั้งแต่นายสำเริงกู้เงินไป นายสำเริงเอาเงินมาฝากป้าส่งทุกวันไม่เคยขาด แต่วันเกิดเหตุพวกแก๊งเงินกู้มันไม่ได้แวะมาเก็บเงินที่บ้าน แต่มันขับรถเลยบ้านป้าไปกระทืบนายสำเริง ซึ่งป้ายืนยันว่าตอนที่ป้าเห็นพวกมันขับรถเลยบ้านป้าไป ป้าเองพยายามเดินไปบอกพวกมันแล้วว่าเงินอยู่กับป้า แต่พอป้าเดินไปได้ครึ่งทาง ป้าเห็นพวกมันกำลังกระทืบนายสำเริงอยู่ ป้ากลัว ป้าก็เลยเดินถอยหลังกลับบ้าน ยอมรับว่าตกใจมาก กลัวมาก แต่ไม่รู้ว่าเขาไปกระทืบนายสำเริงเรื่องอะไร ซึ่งตัวป้าเองมองว่าพวกแก๊งเงินกู้ทำเกินกว่าเหตุ


ส่วนเรื่องเงินที่ตัวป้ากู้มา ยอมรับป้าหมุนเงินไม่ทันจริง ๆ ก็เลยตัดสินใจกู้เงิน ซึ่งที่ผ่านมาถ้าป้ามีเงินส่งไม่พอ ป้าก็จะให้เงินค่าปรับพวกมันวันละ 100 บาท พวกมันก็เลยไม่เคยด่าป้า แต่กลัวโดยหลังจากนี้จะไม่คิดกู้เงินใครอีกแล้ว ไม่มีเงินก็อยู่กินเท่าที่มีก็พอ


ขณะบรรยากาศในห้อง ศปก.สภ.นางรอง มีทาง พ.ต.อ.เจตน์สฤษฎิ์ แพ่งศรีสาร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นคนมาทำความเข้าใจกับทางนายสำเริง ผู้บาดเจ็บ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งเหตุยืนยันทางตำรวจก็มีการไปตามจับผู้ก่อเหตุ จากนั้นทางรองผู้การฯ จึงได้มีการมอบกระเช้าเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายสำเริง ซึ่งนายสำเริงก็มีการยกมือไหว้ตำรวจเพื่อเป็นการขอบคุณที่ตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด




หลังจากที่มอบกระเช้ากันเสร็จแล้ว ทาง พ.ต.อ.กัมพล วงษ์สงวน ผกก.สภ.นางรอง ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ จึงได้มีการชี้แจงให้ผู้เสียหายและทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์ตามที่เกิดขึ้นกับนายสำเริง จากการขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุ ทางตำรวจยืนยันว่ามีการแจ้งข้อหากับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายอย่างตรงไปตรงมา คือ 1. ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจนบาดเจ็บสาหัส 2. ร่วมกันปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด และประกอบอาชีพในลักษณะให้สินเชื่อกับผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3. ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน




โดยจากการสืบสวนทางตำรวจพบข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน เดิมทีเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี แต่เมื่อปี 2564 - 65 ทั้ง 3 คนได้มาทำอาชีพเป็นลูกน้องเก็บเงินกู้ ในพื้นที่อำเภอหัวทะเล จังหวัดนครราชสีมา กระทั่งต่อมา นายมารุต ซึ่งเป็นหัวโจกได้มีปัญหากับลูกพี่ที่โคราช จึงมีการผันตัวมาปล่อยเงินกู้เองในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนเมษา นายมารุต ผู้ก่อเหตุ ได้มีการขยายกิจการเข้ามาปล่อยเงินกู้ในพื้นที่อำเภอนางรอง และตามข้อมูลพบว่า ตั้งแต่เดือนเมษา ที่ผ่านมา นายมารุต มีลูกค้าในพื้นที่อำเภอนางรอง ทั้งหมด 7 ราย ซึ่งใน 7 ราย มีนายสำเริง ผู้บาดเจ็บอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ดังกล่าว ส่วนข้อมูลดอกเบี้ยเงินกู้ที่นายมารุตมีการปล่อยเงินกู้ลักษณะที่ให้ลูกค้าส่งแบบรายวันดอกร้อยละ 20 บาท


เช่น คนที่กู้เงิน 1,000 บาท จะต้องส่งทั้งต้นทั้งดอกวันละ 50 บาท เป็นเวลา 24 วัน = 1,200 บาท และถ้าวันไหนไม่มีส่ง ลูกค้าก็จะต้องส่งแต่ดอกเป็นค่าปรับจำนวนเงินตามเรตเงินที่กู้ไป เช่น ถ้าส่งวันละ 50 บาท หากไม่มีเงินส่งจะต้องถูกปรับเงินวันละ 20 บาท

 

ทวงหนี้โหด! ต่อยเฒ่าฟันร่วงหมดปาก ผู้ว่าฯ สั่งจับยกแก๊ง