จากกรณีการเสียชีวิตของบนายพิชิต หรือ ต้น อายุ 44 ปี เสียชีวิตปริศนา หลังจากที่ภรรยาโทร. มาให้ขึ้นไปหาที่ บ้านโพธิ์งาม ต.ดงเมือง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ในวันที่ 15 เม.ย. พอตอน 6 โมงเช้า ของวันถัดมา (16 เม.ย.) ก็ได้รับแจ้งว่านายพิชิตเสียชีวิตแล้ว และทางภรรยาจัดพิธีเผาศพ ในวันที่ 19 เม.ย. ซึ่งพบพิรุธหลายอย่างหลังจากที่เห็นสภาพศพที่หน้าเขียวคล้ำ มือหงิกงอ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ทางแพทย์ลงความเห็นว่าตายจากการเจ็บป่วยไม่ชัดเจน ทางน้องสาวนายพิชิตกลัวจะโดนวางยาฆาตกรรม เพราะมีกรมธรรม์ประกันภัยไว้ 16 ล้านบาท จึงได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนหลังจากที่ได้มาแจ้งความกับทาง สภ.ยางสีสุราช แล้วคดีไม่คืบ นั้น
ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางประภาพินท์ แม่คนตาย โดยบอกกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวติดใจกับสาเหตุการตายครั้งนี้ของลูกชาย แม่ของผู้ตายได้กล่าวทั้งน้ำตากับทีมข่าวว่า ตนรู้สึกผิดในใจเหมือนส่งลูกตัวเองไปตาย บังคับให้ลูกชายไป เจตนาอยากให้เคลียร์ปัญหาเรื่องของครอบครัวหวังดีกับลูก โดยก่อนที่จะขึ้นเครื่องลูกชายบอกกับตนว่าไม่อยากไป คิดถึงสาวคาราโอเกะ ตนได้ยื่นคำขาดไม่ได้ต้องไปเคลียร์ปัญหาและพาลูกกับเมียกลับมาแต่ลูกกลับไปตาย
โดยก่อนหน้านี้คนตายได้พูดเป็นลางว่าอยากจะมาขอขมารู้สึกผิดกับพ่อแม่และภรรยา และก่อนหน้านี้ภรรยาจับได้ว่ามีสาวอื่น ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เหตุลูกชายโดนยิงตนไม่ทราบเนื่องจากอยู่คนละที่ โดยทราบข้อมูลเบื้องต้นกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยคนตายและภรรยาเท่าที่ตนเห็นตัวติดกันตลอด ไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว เป็นครอบครัวที่น่ารัก หลังจากเกิดเหตุตนยังไม่ได้เจอภรรยาของลูกเนื่องจากอยู่คนละที่
ส่วนการรีบเผาศพ ตนมองว่าลูกตนไม่ได้ตายโหง ลูกตนนอนตาย ตนไม่ให้เผาเลยต้องรอทางญาติขึ้นจากกรุงเทพฯ ไปก่อน หากเผาเลยมองว่าเป็นการทำลายหลักฐาน ส่วนตัวสงสัยการตายของลูกทำไมถึงต้องรีบเผาขนาดนี้ มันผิดปกติ หลังจากตนได้รับทราบว่าลูกชายเสียชีวิต ภรรยาของลูกชายได้โทร. มาบอกว่าตนไม่ได้ทำอะไร สงสัยผู้หญิงอีกคนทำ เท่าที่ตนทราบข้อมูลกับภรรยาที่ไปรับคนตายลงเครื่องบิน หลังจากที่ลูกชายลงจากเครื่องได้มีโทรศัพท์เข้าจากผู้หญิงร้านคาราโอเกะมีการทวงเงินจำนวนหนึ่ง โดยทางผู้ตายบอกว่าไม่มีหมดตัวแล้ว จากนั้นผู้หญิงร้านคาราโอเกะบอกกับผู้ตายว่าโชคดีนะ
สภาพศพของลูกชายดำสนิททั้งตัวหัวจรดเท้า ไม่มีความเป็นคน ตามโบราณเหมือนคนโดนของ เหมือนครึ่งผีครึ่งคน ส่วนตัวอยากชันสูตรศพลูกอีกครั้งแต่ตนไม่มีตังค์ หลังจากที่ลูกตาย ลูกไม่ได้มาเข้าฝันหรือจะมาบอกอะไรกับตน เหตุการณ์ก่อนขึ้นเครื่องลูกชายตนได้มีปากเสียงกับพ่อและแม่ อาจทำให้เป็นบาปติดตัวลูกชายตน
ต่อมา แม่คนตายได้พาทีมข่าวไปดูรูปลูกชายที่ตั้งอยู่ในบ้าน โดยพยายามสอบถามกับทีมข่าวว่าวางรูปผู้ตายถูกตำแหน่งภายในบ้านหรือไม่ จากนั้นทีมข่าวได้ประสานหมอปลา เพื่อสอบถามการวางตำแหน่งรูปของผู้ตายภายในบ้านว่าตำแหน่งไหนเหมาะสมที่จะอยู่ภายในบ้าน ระหว่างแม่ผู้ตายนำรูปคนตายขึ้นมาบนบ้าน ได้มีจังหวะกระถางธูปและสิ่งของตกระหว่างนำรูปคนตายขึ้นบ้านอีกด้วย
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อหมอปลาเพื่อสอบถามการจัดวางรูปตั้งศพของคนตายว่าเหมาะสมที่จะจัดวางบริเวณไหนภายในบ้าน โดยทางแม่ผู้ตายได้คุยกับหมอปลาว่า หมอปลาพยายามสอบถามกับแม่ผู้ตาย ว่าหากติดใจสาเหตุการตายทำไมไม่ให้ชันสูตรเพิ่มเติม ทางแม่ผู้ตายได้บอกกับหมอปลาว่าตนไม่มีเงิน จากนั้นแม่คนตายได้สอบถามข้อมูลกับหมอปลา ว่ารูปตั้งศพควรจัดวางตรงไหนในบริเวณบ้าน ด้านหมอปลาได้แนะนำกับทางแม่ผู้ตายว่า ห้ามนำรูปวางตรงประตูและข้างบันได เพราะตามความเชื่อเหมือนเราไปเหยียบย่ำดวงวิญญาณเขา สามารถวางรูปอยู่ในห้องพระได้ แต่ห้ามต่ำกว่าพระ จัดวางทิศไหนก็ได้
จากนั้นแม่ของคุณตายได้พาทีมข่าวไปดูห้องนอนของลูกชาย โดยมีลักษณะติดกับห้องพระ มีที่นอน 6 ฟุต ติดกับทางขึ้นบันได ต่อมาแม่ของคนตายได้จัดวางรูปตั้งศพ ตามคำแนะนำของหมอปลา และขอบคุณทีมข่าวช่อง 8 กับหมอปลาที่ให้คำแนะนำ เนื่องจากตนไม่มีข้อมูลและกลัวทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับน้องสาวคนตาย โดยได้บอกกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ 9 เม.ย. เวลาประมาณ 01.00 น. คนตายได้มาเล่าเหตุการณ์ให้กับญาติฟังว่าตนโดนดักยิงที่รถ 4 นัด ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่เกิดขึ้นการเกิดและยังจับคนก่อเหตุไม่ได้ ข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นทราบว่ากล้องวงจรปิด ไม่สามารถจับภาพได้ บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นจุดก่อนขึ้นทางด่วน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นว่า เกิดจากการชิงทรัพย์ หรือปมเรื่องชู้สาว โดยตอนนั้นผู้ตายได้แยกอยู่กับภรรยา ในวันที่เกิดเหตุคนตายได้ขับรถไปคนเดียว เท่าที่ตนทราบคนตายไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับใคร
ตนได้ทราบข้อมูลมาเบื้องต้นว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ช่วงคืนวันที่ 8 เม.ย. เข้าวันที่ 9 เม.ย. (วันคนตายโดนยิง) ภรรยาของคนตายได้โทร. หาคนตายให้มาหาที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา หลังจากนั้นคนตายได้โดนรอบยิงที่รถส่วนตัว จากนั้นวันที่ 15 เม.ย. ทางครอบครัวได้เดินทางไปส่งคนตายขึ้นเครื่องเพื่อไปหาภรรยาที่จังหวัดมหาสารคาม โดยคนตายเดินทางขึ้นเครื่องไปคนเดียว ส่วนทางด้านของภรรยาได้อยู่ที่จังหวัดมหาสารคามเนื่องจากไปเที่ยววันหยุดสงกรานต์ ทราบข้อมูลมาเบื้องต้นว่าคนตายเดินทางไปที่จังหวัดมหาสารคามเพราะอยากจะไปเคลียร์ปัญหา ทางญาติหวังว่าการกลับไปหาภรรยาครั้งนี้เพื่อไปเคลียร์ปัญหาและกลับมาอยู่แบบครอบครัวพ่อแม่ลูก คนตายเเละภรรยามีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน โดยช่วงเดือนเมษาคาดว่าน่าจะมีเหตุทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากคนตายและภรรยาแยกกันอยู่ โดยนิสัยของภรรยาเท่าที่ตนสัมผัสเป็นคนรักครอบครัวไปไหนมาไหนด้วยกัน
จากนั้นช่วงเช้าของวันที่ 16 เม.ย. ทางครอบครัวได้รับข่าวว่าคนตายได้เสียชีวิต หลังจากได้รับทราบข่าวการตายของพี่ชาย ทางครอบครัวได้รีบเดินทางขึ้นไปที่จังหวัดมหาสารคามทันที หลังจากนั้นได้มีโทรศัพท์กลับมาอีกครั้งและบอกว่าจะทำการเผาศพภายในวันนี้ ทางญาติตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทำไมต้องเผาศพภายในวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นทางครอบครัวได้เดินทางไปที่ สน.วังทองหลาง เพื่อไปแจ้งความโดยกังวลว่าเป็นเหตุเชื่อมโยงกันกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่คนตายเคยถูกยิง การตายครั้งนี้อาจเป็นการฆาตกรรมหรือไม่
ส่วนตัวทางญาติติดใจสาเหตุการตายลักษณะศพของผู้ตายมีลักษณะผิวสีดำคล้ำทั้งตัว น้ำตาเป็นเลือด นิ้วมือเกร็งหงิกงอ ส่วนหลังจากการตายของพี่ชายตน ตัวภรรยาได้ติดต่อมากับทางครอบครัวโดยให้เงินเป็นรายเดือนเดือนละ 10,000 บาทให้กับทางครอบครัวตามที่ผู้ตายเคยให้กับครอบครัว โดยมีข้อมูลมาว่าคืนก่อนที่ผู้ตายจะขึ้นเครื่อง ได้ไปหาหญิงสาวร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นหรือพูดคุยกับสาวคาราโอเกะคนนี้
สุดท้ายนี้อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับพี่ชายตน ที่เสียชีวิตทั้งเหตุการณ์โดนรอบยิงและการเสียชีวิต อาจจะเป็นเคสเดียวกันหรือไม่ โดยไม่ทราบจุดประสงค์ว่าเกิดจากการโกรธแค้นหรือเพียงต้องการทรัพย์สิน เพราะในที่เกิดเหตุโทรศัพท์ของผู้ตายได้หายไป
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านของนางสาววรรณิกา (ภรรยาของผู้เสียชีวิต) ในพื้นที่ตำบลดงเมือง อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม และได้เข้าไปพูดคุยกับนางรุณ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นญาติของนางสาววรรณิกา บอกว่า หากอยากรู้เรื่องอะไรก็ให้ไปถาม น.ส.วรรณิกาเอง และให้ทิ้งเบอร์ติดต่อเอาไว้ น.ส.วรรณิกา พร้อมเมื่อไรก็จะติดต่อไปเอง
ทีมข่าวก็ได้ถามถึงความสัมพันธ์ของ น.ส.วรรณิกา และนายพิชิต (ผู้ตาย) นางรุณก็บอกว่าทั้งคู่นั้นคบหากันมา 15 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คนแล้ว ส่วนวันที่ 15 เมษายน 2567 นายพิชิตกับภรรยาก็ดูปกติดีไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน แต่ในวันนั้นนายพิชิตได้นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ศาลาหน้าบ้าน และก็นอนอยู่ที่ศาลาตรงนั้นเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่นายพิชิตจะนอนอยู่ตรงศาลา จนกระทั่งตอนเช้านางกล่ำ (แม่ของวรรณิกา) ก็ไปเจอว่านอนเสียชีวิตอยู่ที่ศาลาหน้าบ้านแล้ว
ทีมข่าวก็ได้ถามต่อว่าคิดเห็นอย่างไรกับกระแสข่าวตอนนี้ที่มีประเด็นเรื่องการวางยา ทางด้านนางรุณ ก็ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้เพราะทั้งสองคนรักกันมาก เขาเริ่มต้นคู่ชีวิตมาจากศูนย์ เขาจะทำแบบนั้นไปทำไม ลองคิดดูแค่นั้นแหละ ส่วนเรื่องทะเลาะกันเรื่องมีกิ๊กมีสาวคาราโอเกะมาติดพัน นางรุณก็บอกว่า เป็นเรื่องปกติของผัวเมียเหมือนลิ้นกับฟันนั่นแหละ ทีมข่าวก็ถามต่อว่าทำไมในช่วงที่เกิดเหตุ ฝ่ายหญิงถึงกลับมาที่บ้านก่อน ทำไมถึงไม่มาพร้อมกัน นางรุณก็บอกว่า น.ส.วรรณิกา ตั้งใจจะกลับมาบ้านอยู่แล้ว ซึ่ง น.ส.วรรณิกา กลับมาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน เพราะเป็นเทศกาลสงกรานต์ ส่วนนายพิชิตก็ได้นั่งเครื่องบินตามมาภายหลังในคืนวันที่ 15 เมษายน แต่รายละเอียดอื่น ๆ ก็ขอให้รอ น.ส.วรรณิกา พร้อมก่อนแล้วจะติดต่อสื่อไปเอง
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เปิดใจกับสาวคาราโอเกะ ที่อยู่กับผู้ตายก่อนผู้ตายเดินทางขึ้นเครื่องบินไปจังหวัดมหาสารคาม โดยบอกกับทีมข่าวว่า คนตายมาที่ร้านคาราโอเกะแห่งนี้บ่อย โดยตนยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคนตาย เป็นเพียงลูกค้าไม่ได้มีชู้สาวแต่อย่างใด ผู้ตายเป็นเพียงลูกค้าที่มาเที่ยว มากินมาดื่ม มาระบาย ความทุกข์ในใจ เท่าที่ตนสังเกตคนตายตอนมาร้านมีความเครียด บางทีร้องไห้ เหมือนมีปัญหาครอบครัว ตนพยายามให้กำลังใจและเอนเตอร์เทนไม่อยากให้มาเที่ยวและเครียด
ส่วนสภาพศพที่มีลักษณะดำคล้ำทั้งตัว ตอนนี้ตนยังไม่เห็นสภาพศพ จึงไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น แต่ตั้งข้อสงสัยว่าคนปกติหากตายจะไม่มีสีดำคล้ำ หากฉีดฟอร์มาลีน ก็ไม่มีสีดำคล้ำ ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะโดนของหรือการวางยา
โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตนทราบว่าคนตายเคยโดนยิง คนตายเล่าให้ฟังว่า โดยก่อนที่จะถูกยิงช่วงเวลาประมาณ 23.00 วันที่ 8 เมษายน คนตายได้โทร. มาหาตนว่าไม่มาร้านแล้ว เนื่องจากนัดกับภรรยาไว้ที่ร้านเหล้า แห่งหนึ่ง ย่านรามอินทรา จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 9 เมษายน คนตายได้โทร. มาบอกตนว่าถูกยิง โดยตอนแรกตนไม่เชื่อเพราะเป็นเรื่องใหญ่ จากนั้นคนตายได้วิดีโอคอลมาหาตน จึงเชื่อว่าถูกยิงจริงและได้บอกคนตายว่าให้ไปแจ้งความ ส่วนสาเหตุการถูกยิงในครั้งนั้นตนไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
ก่อนคนตายจะขึ้นเครื่องบินไปมหาสารคามได้มาหาตนจริง โดยเป็นการกินข้าวต้มและดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นแยกย้ายกันกลับ โดยได้ระบายกับตนว่าผู้ตายต้องเดินทางไปรับลูกกับภรรยาที่จังหวัดมหาสารคาม ตนก็แนะนำว่าควรไปเคลียร์ปัญหาให้จบและรับลูกกับภรรยากลับมาบ้าน โดนคนตายเคยบอกกับตนว่าไม่อยากไป หากไปไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง โดยเป็นคำพูดลอย ๆ ตนไม่ได้สนใจอะไร ส่วนตัวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้นคนตายกลายเป็นศพ ตนได้รับข่าวช่วงเช้าว่าคนตายได้เสียชีวิต โดยไม่ทราบว่าเสียชีวิตเพราะอะไร คนตายไม่มีโรคประจำตัวและเป็นคนออกกำลังกายเข้าฟิตเนสเป็นประจำ ส่วนตัวรู้จักกับคนตายเพียงแค่ 1 เดือน (กลางมีนาคม) คนตายเคยเล่าปัญหาว่า เรื่องชู้สาวกับภรรยาถูกจับได้ ทำให้ภรรยาออกจากบ้านเลยอยากมีเพื่อนเลยมานั่งดื่มกับตน
ส่วนเรื่องประเด็นที่ตนโทร. หาผู้ตายตอนลงเครื่องบิน อยากชี้แจงว่า ตนโทร. ไปหาจริงแต่เป็นเพียงการทวงเงินที่ไปกินข้าวต้มกัน แต่ส่วนตัวไม่ได้คิดจะเอาเงินเนื่องจากไปกินข้าวด้วยกัน ตนยืนยันกับทีมข่าวว่าสถานะกับผู้ตายเป็นเพียงลูกค้าภายในร้านไม่ได้มีการชู้สาวเกิดขึ้น โดยทราบมาตลอดว่าคนตายมีภรรยา เพราะคนตายบอกตนและระบายเสมอ ส่วนตัวไม่เคยเจอภรรยาคนตาย สุดท้ายนี้อยากให้คนตายได้รับความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากเป็นการฆาตกรรมอยากให้จับคนร้ายได้