จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ได้เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่สถานีรถไฟอุทุมพรพิสัย อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ทราบชื่อคือ นายเหลือ อายุ 53 ปี สภาพถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณศีรษะด้านหลังเหนือท้ายทอย จำนวน 3 แผล ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายวิรัตน์ อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้หลังเกิดเหตุ พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นขวานจำนวน 1 เล่ม
ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ตอนนั้นมีอาการเมา ประกอบกับผู้ตายชอบดุ ชอบด่า เลยก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนในวันนี้ (19 พ.ค. 67) แต่เนื่องจากกำลังตำรวจมีน้อย จึงขอเลื่อนไปทำแผนในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค. 67) แล้วค่อยส่งตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ต่อไป
ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 18 พ.ค.67 เวลาประมาณ 19.33 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟ จะเห็นว่านายเหลือ (ผู้ตาย) นั้นได้ยืนเก็บมะขามอยู่ที่ต้น จากนั้นนายวิรัตน์ (ผู้ก่อเหตุ) ก็ได้เดินตามเข้าไปและยืนปัสสาวะอยู่บริเวณหน้าต้นมะขาม ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกมาตามปกติ ไม่ได้มีท่าทีทะเลาะอะไรกัน
นางอุดมรุ้ง อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ เผยว่า นายเหลือกับนายวิรัตน์นั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมานานที่ผ่านมาก็มักจะไปไหนไปกันเสมอ โดยนายเหลือก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง แต่ถ้าหากนายเหลือดื่มเหล้าจนเมาก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคน นายเหลือจะเริ่มด่าทอสามีของตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่นายวิรัตน์สามีของตนก็ไม่เคยโต้ตอบเลยสักครั้ง จนกระทั่งช่วงค่ำเมื่อวานนี้นายวิรัตน์สามีของตนก็ได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับหยิบขวานออกไป ตนก็ถามว่าจะเอาขวานไปไหน นายวิรัตน์ก็ตอบว่าจะเอาไปฆ่าคน ตอนนั้นตนก็พยายามที่จะห้ามแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ผ่านไปไม่นานนักสามีของตนก็ได้กลับมาที่บ้านและบอกว่าได้ก่อเหตุฆ่าเพื่อนแล้วพร้อมกับเตรียมจะไปมอบตัวกับตำรวจ ตอนนั้นตนก็ถามนายวิรัตน์ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรถึงก่อเหตุฆ่านายเหลือ เจ้าตัวก็บอกว่าที่ผ่านมาถูกอีกฝ่ายต่อว่าและพูดจาดูถูกมาโดยตลอดจึงเกิดเป็นความกดดันที่สะสมมาเรื่อย ๆ และตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวไป โดยนางอุดมรุ้งก็ยอมรับว่าตนเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ก็อยากที่จะไปร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตเช่นเดียวกัน
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังสถานีรถไฟอุทุมพรพิสัย และได้พูดคุยกับนายบุญมี อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอาชีพวินมอเตอร์ไซค์กับผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต โดยนายบุญมีเล่าว่านายเหลือและนายวิรัตน์นั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน เวลามีงานหมอลำก็จะพากันไปเที่ยวตลอด หรือแม้แต่ช่วงเวลาหลังเลิกงานก็จะพามานั่งเล่นแถวสถานีรถไฟเป็นประจำ ซึ่งปกติทั้งคู่ก็เป็นคนนิสัยดี แต่เมื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้วนายเหลือก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หากนายเหลือเมาก็จะเริ่มปากคอเราะร้าย เริ่มดุด่าและต่อว่าเพื่อนสนิทอย่างนายวิรัตน์เป็นประจำ เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ ในเวลาประมาณ 20.00 น. ตนก็เห็นว่านายเหลือกับนายวิรัตน์ได้มีปากเสียงกันอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟ ตนจึงเดินเข้าไปห้ามและบอกให้ทั้งคู่แยกย้ายกันกลับบ้าน จากนั้นทั้งคู่จึงต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง ตนก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วจึงได้กลับบ้านตามปกติ จนกระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ทราบข่าวว่านายวิรัตน์ก่อเหตุฆ่านายเหลือ ตนก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่าทั้งคู่จะกลับมาทะเลาะกันอีกครั้งและไม่คิดว่าจะทำร้ายกันถึงตายเพราะเห็นว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน