บช.น. ส่ง "สารวัตรแจ๊ะ" รวบทนายดัง อดีตผู้สมัคร สส. ในสงขลา ข่มขืนลูกความ เหยื่อตรอมใจโดดเรือหลวงจักรีนฤเบศร์
หญิงวัย 26 ปี ตัดสินใจกระโดดจากดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ หวังจบชีวิต กลายเป็นชนวนเปิดโปงคดีอื้อฉาวของทนายดัง อดีตผู้สมัคร สส.ในเขตจังหวัดสงขลา โดยเธอหลั่งน้ำตาเล่าเรื่องราวให้กับชุดสืบนครบาลฟังกว่า 2 ชั่วโมงว่า เหตุการณ์เริ่มปลายปี พ.ศ. 2565 ขณะนั้นผู้เสียหายพบกับมรสุมชีวิตเพราะต้องทวงเงินคืนจากเพื่อนจำนวน 100,000 บาท จนพบทนายคนดังกล่าว
ต่อมา ผู้ต้องหาได้ออกอุบายให้เธอมาร่วมงานประชุมของพรรคที่ย่านดอนเมือง ให้ผู้เสียหายขึ้นไปเก็บของในห้อง แล้วลงมือล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ยังตามกดดันเหยื่อให้กลับมาบำเรอซ้ำ บังคับว่าจะบอกให้สามีเหยื่อทราบและจะไม่ทำคดีต่อ
เหยื่อตัดสินใจเข้าแจ้งความ แต่ก็ถูกทนายดังฟ้องกลับ ในข้อหากรรโชกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ จนกระทั่งเธอแทบจะเป็นโรคซึมเศร้า ต้องออกจากงานราชการ แล้วท้ายสุดเธอก็ตัดสินใจกระโดดจากยอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร์เพราะคิดสั้น
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว ทนายอาร์ม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2055/2567 ลงวันที่ 3 พ.ค. 2567 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
พบประวัติการถูกดำเนินคดี 2 คดี ปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “บุกรุก” พื้นที่ สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลา และปี 2566 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้น อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” พื้นที่ สน.ดอนเมือง (คดีนี้)
จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ม.1 ถ.เทศบาล 38 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
พฤติการณ์กล่าวคือ ณ ดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร์จอดเทียบท่าเรือจุกเสม็ดในฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่ามกลางนักท่องเที่ยวมาขึ้นมาเยี่ยมชมหญิงสาววัย 26 ปี ตัดสินใจกระโดดลงมาจากดาดฟ้าเรือหวังจบชีวิต หากแต่เธอยังไม่ถึงคราว เพราะสัญชาตญาณทหารของ “พ.จ.อ.ดาวลอย นาธงไชย แล พลทหารกูฮัท ซัน สมัย” ที่เห็นเหตุการณ์แล้วกระโดดช่วยเหลือเธอในน้ำทัน
เหตุการณ์นี้เป็นข่าวตามสื่อโซเชียล เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 66 “เธอผ่านอะไรมา” คำถามที่กลายเป็นชนวนเหตุสู่การเปิดโปงคดีโดยเรื่องเลวร้ายถูกถ่ายทอดไปพร้อมๆ กับน้ำตาที่นองใบหน้าเธอกว่า 2 ชั่วโมง ให้กับชุดสืบนครบาลฟังถึงเรื่องราวทั้งหมด
เริ่มต้นปลายปี พ.ศ. 2565 ขณะนั้นหญิงผู้เสียหายเธอต้องพบกับมรสุมชีวิตเพราะไม่สามารถตามทวงเงินคืนจากเพื่อนได้ มันเป็นเงินกว่า 100,000 บาท เธอจึงมองหาทนายเพื่อให้ดำเนินคดีความทางแพ่งให้ ต่อมาเธอพบกับทนายดังรายนี้ที่ตกลงรับทำคดีให้ คดีความดำเนินไปถึงขั้นบังคับคดี ผู้ต้องหาได้เข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการลงสมัคร สส.ในเขตจังหวัดสงขลา ในนามของพรรคการเมืองชื่อดัง ทนายดังใช้โอกาสล่อลวงเธอให้มาร่วมงานประชุมและกินเลี้ยงของพรรคที่กรุงเทพฯ เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคดีความกับเธอ เธอจึงขับรถมาถึงย่านดอนเมือง เมื่อเธอมาถึงโรงแรมกลับเป็นโรงแรมเล็กๆ ไม่มีห้องประชุมใดๆ แต่ทนายดังออกอุบายให้เธอขนของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อน แล้วจะเดินทางไปคุยงานด้วยกันที่อื่น
เธอเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เมื่อเธอเดินเข้าไปภายในห้องพักเพื่อเก็บของ ทนายดังก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอถูกผลักและจับเธอบีบคอกดลงกับเตียงทันที ก่อนจะลงมือข่มขืนเธอผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ เมื่อเธอได้สติตื่นมาก็พบว่าทนายดังยังนอนอยู่ เธอพยายามคว้ากระเป๋า เธอได้ทำของหล่นพื้นทำให้ผู้ต้องหาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็น วิ่งมาฉุดกระชากลากแขนเธอทุ่มลงกับเตียงอีกครั้ง “หนีไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เดินเข้ามาในห้องเองแบบนี้คือการสมยอม” เสียงสุดโรคจิตของมันตะคอกใส่เธอ ก่อนจะลงมือข่มขืนจนเธอสลบไปอีกครั้ง
หลังเหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้น ทนายดังรายนี้คอยโทรศัพท์มาหาเธอด้วยวาจาท่าทีเสมือนเช็คให้ชัวร์ว่า เธอจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พร้อมทั้งคอยส่งข้อความข่มขู่เธอสารพัด โดยที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นการใช้วาทะบีบคั้นเรื่องการทำคดีแพ่งต่อให้เธอ กดดันให้เธอกลับไปหาอีก เธอจนตรอกและต้องจมอยู่กับความอึดอัดคับแค้นใจนี้หลายวัน ก่อนกัดฟันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง แจ้งความทนายดังในข้อหา “ข่มขืนฯ”
แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็เริ่มบานปลาย เพราะทนายดังพยายามส่งข้อความมาหาเธอ ทำทีว่าจะรับผิดชอบ ให้เธอพิมพ์จำนวนเงินผ่านแชตไลน์อยู่ 4-5 ครั้ง จนกระทั่งเธอหลงกล ทนายดังแค็ปหน้าจอก่อนจะใช้เป็นหลักฐานไปแจ้งความกลับเธอในข้อหา “กรรโชกทรัพย์” พร้อมทั้งส่งข้อความข่มขู่เธอด้วยถ้อยคำรุนแรง “กูจะทำให้ดู นรกเป็นยังไง”, “มึงอีห่า กูจะใช้กฎหมายกับมึง กูจะใช้ทุกอย่างให้มึงติดคุก”
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้รับจดหมายอีกหนึ่งฉบับ ซึ่งเปิดออกมา พบว่าเป็นหมายศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง พร้อมทั้งแนบคำฟ้องจากการที่เธอถูกทนายดังฟ้องเธอต่อศาลในข้อหา “แจ้งความเท็จ” พ่วงมาด้วยการเรียกร้องเงินจากเธอถึง 300,000 บาท
ทั้งกลัวทั้งสิ้นหวัง เธออ่านคำฟ้องด้วยน้ำตานองใบหน้า เธอเป็นประชาชนคนธรรมดาที่ต้องงัดข้อกับทนายผู้มีความรู้กฎหมาย เธอเล่าว่า ตอนนั้นมันอับจนหนทางแล้ว เธอดำดิ่งจนเกือบจะเป็นบ้า เกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหวแล้ว จึงตัดสินใจไปเลือกจบชีวิตด้วยการกระโดดจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ เพราะหวังว่าน้ำทะเลจะช่วยทำให้วิญญาณของตนเย็นลงจากไฟแค้นนี้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือเรื่องราวจากปากของหญิงผู้เสียหาย
ล่าสุด ได้มีการออกหมายจับทนายรายนี้แล้วพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทันทีกระทั่งวันที่ 19 พ.ค. 67 ชุดสืบนครบาลก็สามารถไปจับกุมตัวทนายดังรายนี้ได้ที่ จ.สงขลา
ในชั้นจับกุม ทนายอาร์ม ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “มันเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ผมชนะอยู่แล้ว ถ้าผมแพ้ผมก็คงเลิกเป็นทนายความแล้ว ตอนนี้ตนเองได้ฟ้องกลับฝ่ายหญิงแล้ว ข้อหากรรโชกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ และตนเองก็ได้ร้องไปที่ ป.ป.ช. ด้วย ถึงการทำงานของพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ยืนยันว่าที่ฟ้องกลับเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยว ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตนเองไม่ทราบ และไม่ได้เห็นใจอะไร ขออย่าไปเข้าข้างฝ่ายหญิง ให้ดูข้อเท็จจริงด้วย คนสองคนเดินเข้าห้องไปด้วยกันมันสมยอมอยู่แล้ว”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า "คดีนี้พยานหลักฐานชั้นพนักงานสอบสวนเพียงพอ ให้ศาลอนุมัติการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ แล้วการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเลือกจบชีวิตตัวเองเช่นนี้ บ่งบอกได้ถึงการถูกกดดัน ข่มเหงรังแกอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน เราอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน กฎหมายมีไว้เพื่อปกป้องมิใช่เอาไว้รังแกคน หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียด ซึ่งทราบมาล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในพื้นที่ จ.สงขลา แจ้งว่าได้ถูกผู้ต้องหาที่เป็นทนายรายนี้ร้องเรียนและแจ้งความอีกเป็นจำนวนหลายราย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ สืบนครบาล"