จากกรณีการเสียชีวิตปริศนาของ นายพิชิต หรือ ต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ที่นอนเสียชีวิตหน้าบ้านภรรยา ในพื้นที่ อำเภอสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา หลังจากมาหาภรรยา และลูก และต่อมาทางครอบครัวของนายต้น เกิดความสงสัยเมื่อเปิดโลงออกมาพบสภาพศพ ดำคล้ำ ครอบครัวสงสัยคล้ายถูกวางยา
ก่อนหน้านี้ ทางครอบครัวของนายต้น ให้ข้อมูลกับทนายเดชา ว่าทางภรรยาและนายต้นได้แยกกันอยู่ ซึ่งก่อนจะเกิดการเสียชีวิต ก็มีการลอบยิงนายต้นมาแล้ว 1 ครั้ง เหตุเกิดในพื้นที่ สน.วังทองหลาง วันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวนายต้น คาใจการเสียชีวิตในครั้งนี้ ว่าอาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ และคนใกล้ชิดรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (20 พ.ค. 2567) นางสาวมด ภรรยาของนายต้น พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายพัฒน์ เดินทางมาที่ สน.วังทองหลาง เพื่อให้ข้อมูลกับกรณีคดีถูกลอบยิงในเขตพื้นที่ สน.วังทองหลาง โดยนางสาวมด เล่าว่า ตนเองและสามีได้แยกกันอยู่ เนื่องจากสามีเวลาดื่มแอลกอฮอล์แล้วมีอารมณ์รุนแรง เกรงว่าจะถูกทำร้ายจึงแยกกันอยู่ โดยนางสาวมดและลูกไปอยู่คอนโด ส่วนนายต้น สามี อยู่ที่บ้าน
ส่วนประเด็นสามีโดนลอบยิง วันที่ 9 เมษายน ตนเองและนายต้นได้ไปกินข้าวกับครอบครัวตามปกติ จนช่วงค่ำได้แยกย้ายกลับบ้าน ต่อมากลางดึกนายต้นโทร. มาหาว่าถูกลอบยิงตกใจกลัว และจะขับรถมาหาตนที่คอนโด ตอนนั้นตนบอกว่าให้ไปแจ้งตำรวจ แต่นายต้นกลัวเรื่องเมาแล้วขับ จึงขอขับรถมาหาตนที่คอนโดก่อน แล้วค่อยมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง ด้วยกันทั้งครอบครัว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ
จนกระทั่งช่วงสงกรานต์ ตนเองจะพาลูกไปอยู่กับยายที่จังหวัดมหาสารคาม ส่วนตนเองก็ทำงานที่กรุงเทพฯ ยังคงติดต่อกับสามีทุกวัน แค่เพียงแยกกันอยู่เท่านั้น ยังคงสั่งอาหารและดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้กับสามีเหมือนปกติ โดยช่วงวันหยุดสงกรานต์ตนเองถามนายต้นว่าจะไปเที่ยวไหนหรือไม่ นายต้นก็บอกว่าคิดถึงจะไปมหาสารคาม ตนจึงบอกนายต้นว่าไม่ต้องขับรถมาเพราะอันตรายและไกล จึงซื้อตั๋วเครื่องบินให้และให้ญาติไปรับที่สนามบิน
ช่วงสงกรานต์นายต้นก็กินข้าว และพูดคุยทักทายกับญาติพี่น้องตามประเพณีชาวชาวอีสาน ที่เรียกกันว่าตุ้มโฮม กันทุกอย่างเป็นไปปกติ ไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น จนวันที่ 15 เมษายน ก็กินข้าวและมีดื่มเหล้าเบียร์กับญาติพร้อมหน้าพร้อมตากัน และปรากฏว่าช่วงตกดึก นายต้น สามี มีอาการเมาหนักและบอกกับแม่ยายว่าจะไปนอนที่รีสอร์ต ซึ่งสภาพตอนนั้นของนายต้นนอนกองอยู่กับแคร่หน้าบ้าน ไม่สามารถลุกไปไหนได้จากนั้นก็หลับ แม่ยายจึงนำพัดลมมาเปิดและผ้าห่มมามาห่มให้ ก็นอนหลับไปและก่อนนอนก็ยังได้ยินเสียงกรน จึงทำให้เชื่อว่านายต้นหลับตามปกติจนเช้าวันที่ 16 เมษายน ก็พบว่าเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน
ทั้งนี้ นางสาวมด กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร้องไห้ ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางยาหรือการฆ่าสามีเพราะเขาคือคนรัก เขาคือพ่อของลูก จะทำแบบนั้นได้อย่างไร ตนเองก็รักเขา การที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังหรือเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต เชื่อว่าทุกคนก็คิด แต่ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องและพร้อมพิสูจน์ตนเอง
นอกจากนี้กรณีศพสีดำ นางสาวมด ก็เกิดความสงสัยเช่นกันว่า เป็นเพราะอะไรเนื่องจากภาพที่เห็นจากตาไม่ใช่การถ่ายรูปศพ ไม่ได้ดำขนาดนั้น เมื่อมาเจอรูปภาพที่ออกข่าวก็ตกใจ ว่าทำไมศพดำขนาดนั้น อยากรู้สาเหตุเช่นกันซึ่งวันเกิดเหตุ ที่นายต้นเสียชีวิตมีตำรวจ มีแพทย์เวร มาตรวจตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่างแล้วจึงอนุญาตให้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลได้ โดยระหว่างที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลนั้น พบว่าช่วงหนึ่งห้องเย็นไม่ทำงานจนทำให้มีกลิ่นคล้ายกลิ่นเน่าลอยโชยออกมาจากโลงเย็น จึงรู้ว่าโลงเย็นเสียต้องเปลี่ยนโลง กว่าจะรู้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งไม่แน่ใจว่ากรณีนี้จะทำให้สภาพศพเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่จากการมองด้วยสายตาของตนเองสภาพศพไม่ได้ดำเหมือนกับที่ถ่ายรูปออกมา
ส่วนกรณีเรื่องความหึงหวงหลังจากที่พบว่าสามีโพสต์เฟซบุ๊กเป็นรูปสาวคาราโอเกะ ไปเที่ยวคาราโอเกะมา นางสาวมด ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกหึงหวงหรือเกิดอาการโกรธใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเข้าใจว่าสามีเป็นคนแบบนี้และไปเที่ยวคาราโอเกะเป็นเรื่องปกติ
ส่วนการที่หลายฝ่ายสงสัยว่าตนเองมีกิ๊กเป็นเทรนเนอร์ จนทำให้เกิดปัญหาครอบครัวและแยกกันอยู่นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะไปเล่นฟิตเนสก็ต้องมีเทรนเนอร์คอยสอนเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกันเรื่องชู้สาว แต่ปัญหาที่แยกกันอยู่ เพราะมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัว ในขณะที่เกิดอาการมึนเมาและเกรงว่าคนในครอบครัวจะได้รับอันตราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดทำไมญาติฝั่งสามีถึงออกมาเรียกร้องช่วงเวลานี้ ทั้งที่เรื่องผ่านไประยะหนึ่ง นางสาวมด ระบุว่า ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะอะไร แต่ในระหว่างนี้ก็มีการสอบถามเรื่องเงินทอง ส่วนแบ่งของสามีแต่เขาไม่เคยรู้ว่าสามีก็มีหนี้สินเช่นกัน ไม่ใช่มีแค่รายได้ทรัพย์สินเท่านั้น
ทางด้าน ทนายพัฒน์ ซึ่งรับเป็นทนายความ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลไม่พบว่านางสาวมด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตปริศนาของสามี โดยในวันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปให้ข้อมูลที่ สภ.ยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคามเวลา 09.00 น.
นอกจากนี้ นางสาวมด ก็ได้ออกมาแสดงความเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีการโพสต์ข้อความต่าง ๆ อาทิเช่น “เขาบอกว่า ต่อจากนี้อีก 1 ปี ถ้ามดมีครอบครัวใหม่ ใครจะเลี้ยงพ่อแม่เขา เอ้าขนาดเป็นลูกแท้ ๆ ยังตอบไม่ได้เลยค่ะ สรุปห่วงว่าต้องเลี้ยงพ่อแม่เองเหรอคะ เพราะที่ผ่านมามดดูแลมาตลอดในฐานะลูกสะใภ้ มีคลิปเสียงจากแม่ยืนยันว่าลูกไม่เคยส่งเงินให้ใช้ ค่าไฟแม่ก็จ่ายให้ค่ะ” ส่วนโพสต์ที่ 2 “ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ข้างนอก กระปุกออมสินของลูกก็ไม่เคยถูกงัดเลยค่ะ เด็ก ๆ หยอดกระปุกอย่างสบายใจ”
ส่วนโพสต์ที่ 3 “ตั้งแต่มีข่าวเห็นการทำงานแต่ละช่อง เก่งเรื่องการทำคอนเทนต์ พาดหัวข่าวมาก ๆ เลยค่ะ มดเลยจะฝึกพาดหัวบ้าง มาค่ะ
1. สะใภ้สุดงง สามีเสียชีวิตไม่ถึงเดือน ญาติสามีเร่งขอเงินวันเว้นวัน
2. มิติใหม่ของคำว่าบ้าน “เจ้าของไม่มีสิทธิ์อยู่ คนอยู่ไม่ใช่เจ้าของ” อาเดนท์พัฒนาการ 20
3. ผัวเมียแยกกันอยู่ ญาติฝ่ายผัวเลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัว มาขอเงินเมีย 600,000 อ้างว่าจะสึก เพราะกลัวลูกหย่าเมียแล้วไม่เลี้ยงต่อ
4. แชตลับ ของน้องสาวที่บอกว่ารักพี่ เห็นแล้วต้องอึ้ง “รักแบบใด”
5. แม่สุดทน กระดกยาล้างห้องน้ำ หวังฆ่าตัวตายถึง 2 รอบ ปมน้อยใจลูกสาวไม่สนใจ
6. อนาจใจ แม่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ นอนโรงพยาบาลแรมเดือน ไร้วี่แววลูกสาวสุดที่รัก
7. สุดงง ทองในตู้เซฟหายไปไหน ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย รู้ได้อย่างไรในตู้เซฟเขามีทอง
8. สุดเสื่อม ย่าเมาเหล้า ไร้เหตุผล ตบหน้าหลานสาวอายุ 15 หวังระบายอารมณ์ที่ลูกไม่โอนเงินให้
พอได้ไหมคะ”