จากกรณีนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย จากการเล่นแอปฯ หาคู่ ซึ่งเป็นลักษณะชายรักชาย และได้มีการนัดพบกับทางด้านอีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นจึงมีการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายจนกระทั่งต้องร้องลงโซเชียลและได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางด้านผู้ก่อเหตุ
ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับ นายเอ็ม โดยนายเอ็มได้เล่าให้กับทีมฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 11 มีนาคม 2567 โดยก่อนหน้าหน้านั้นตนได้เล่นแอปฯ หนึ่ง ซึ่งจะเป็นลักษณะการหาคู่ และหลังจากนั้นจะมีการนัดเจอกัน ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนั้นตนได้นัดเจอกันกับทางด้านผู้ก่อเหตุ ซึ่งในวันนั้นเขาบอกว่าชื่อ พิพัฒน์ และเป็น CEO คลินิกเสริมความงามหลายสาขา และกำลังจะเปิดสาขาใหม่ ย่านรามคำแหง แต่หลังจากการตรวจสอบแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ชื่อดังกล่าวไม่ใช่ชื่อจริงของเขา และกรณีเรื่องเป็น CEO คลินิกเสริมความงาม ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
โดยในวันนั้นหลังจากที่ได้พบเขาที่คอนโดของเขา ตัวผู้ก่อเหตุได้โยนคีย์การ์ดลงมาให้กับตน เพื่อให้เปิดประตูและขึ้นลิฟต์ด้วยตัวเอง ซึ่งในตอนแรกตนก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่ลงมารับ หลังจากนั้นตนจึงได้ขึ้นลิฟต์ ซึ่งลิฟท์จะต้องใช้คีย์การ์ดเพื่อแตะในการที่จะขึ้นไปยังห้องของเขา โดยห้องของเขาจะอยู่บริเวณบริเวณชั้นสี่ แต่ในวันนั้นคีย์การ์ดได้ขึ้นไปที่ชั้น 12 ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร จากนั้นลิฟท์จึงกลับมาที่ชั้นสี่ ซึ่งเป็นห้องของผู้ก่อเหตุ
จากนั้นตนจึงได้เข้าไปในห้องของผู้ก่อเหตุ โดยผู้ก่อเหตุก็ได้พูดคุยในเบื้องต้นเป็นปกติ และได้เปิดเผยว่าตัวของเขาเองมีการใช้สารเสพติด ซึ่งในตอนคุยผ่านแอปฯ ผู้ก่อเหตุไม่ได้บอกให้ตนทราบในเรื่องนี้ หลังจากนั้นจึงได้มีการตกลงกัน ว่าไม่มีการจะทำการในลักษณะร่วมเพศ หรือการสอดใส่ แต่จะเป็นเพียงการเล้าโลมแต่ภายนอกเพียงเท่านั้น ผู้ก่อเหตุจึงบอกให้ตนใช้ปากเพื่อทำการเล้าโลมบริเวณหัวนมของเขา
และขณะที่ตนเล้าโลมไปได้สักพัก ตัวผู้ก่อเหตุได้พูดกับตนว่า ให้ทำดี ๆ และอย่าแกล้ง ไม่เช่นนั้นจะตบและทุบ ซึ่งในตอนนั้นตนก็ไม่ได้แกล้งแต่อย่างใด และทำเป็นปกติทุกอย่าง แต่หลังจากนั้นทางผู้ก่อเหตุได้ลงมือตบและทุบบริเวณใบหน้าของตน จนได้รับบาดเจ็บมีเลือดออกบริเวณปาก ตนจึงได้หยุดการเล้าโลม
แต่เพียงไม่นานทางผู้ก่อเหตุก็ได้บอกให้ตนเริ่มเล้าโลมใหม่กับหัวนมอีกข้างหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นตนก็เริ่มเจ็บบริเวณที่ปาก ทำให้การเล้าล้มไม่ได้อย่างใจของผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุจึงได้ทำร้ายตนอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นการทุบและตบเข้าไปที่ใบหน้าจำนวนหลายครั้ง จนทำให้ปากของตนบวมและใบหน้าบวมไปทั้งหน้า
โดยตนถูกกระทำแบบนั้นวนอยู่เป็นจำนวนหลายครั้งมาก และได้มีการสั่งห้ามไม่ให้ตนออกไปจากห้อง และขู่ว่าจะแจ้งตำรวจว่าตนได้บุกรุกภายในห้อง ซึ่งตนเองก็รู้สึกสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น และคิดว่าน่าจะเป็นจากฤทธิ์ของสารเสพติด ที่ทำให้เขาเกิดอาการหลอน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณ 22.00 น. จนกระทั่งถึงช่วงเช้า เขาได้บอกว่าเขาจะไปอาบน้ำ และได้ไล่ให้ตนกลับ แต่ก่อนกลับต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนเงิน 5,000 บาท เนื่องจากผ้าปูที่นอนของเขาเปื้อนเลือดจากปากของตน ตนจึงบอกว่าตนไม่มีเงินและขอโทร. หาเพื่อน หลังจากที่ตนได้โทร. หาเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือให้มาช่วยเหลือตนออกไปจากคอนโดของเขา ทางตัวผู้ก่อเหตุได้ยินว่าจะมีคนมารับที่คอนโดจึงยินยอมปล่อยตนออกมา โดยหลังจากที่ตนออกมาได้ตนจึงให้เพื่อนของตนพาส่งโรงพยาบาล
หลังจากที่ได้ไปรักษาตัว ตนจึงขอใบชันสูตรจากแพทย์ที่โรงพยาบาลและนำเอกสารดังกล่าวมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก โดยในวันนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้พาตนไปยังที่เกิดเหตุ แต่ในช่วงนั้นเป็นช่วงดึกแล้ว ทางนิติบุคคลของคอนโดได้ขึ้นไปเรียกผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมลงมา โดยในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกไปถึง 2 ครั้ง หากครั้งที่สองนี้ตัวผู้ก่อเหตุยังไม่มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจก็จะออกเป็นหมายจับต่อไป
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากให้เป็นอุทาหรณ์ของผู้ที่ชอบเล่นแอปฯ หาคู่แบบนี้ ว่าต้องตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะไปมีการนัดพบกัน และอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดดำเนินการกับผู้ก่อเหตุรายนี้ และอยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
หลังจากที่ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถาม นายเอ็ม ถึงกรณีแอปฯ ที่ได้เจอกับผู้ก่อเหตุนั้น ว่ารูปกับตัวจริงตรงกันหรือไม่ นายเอ็มจึงได้บอกว่ารูปในแอปฯ นั้นตรงกับตัวจริง แต่อีกแอปฯ จะไม่ตรงกับตัวจริง ซึ่งในตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบตัวของผู้ก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทราบชื่อของผู้ก่อเหตุแล้ว หลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปหาผู้ก่อเหตุ แต่ทางด้านผู้ก่อเหตุก็ไม่มีการรับสายแต่อย่างใด และทราบมาว่า เหยื่อของผู้ก่อเหตุไม่ใช่แค่นายเอ็มคนเดียว มีเหยื่อมาแสดงตัวเพิ่มอีก 2 ราย อีกด้วย