กรณีตำรวจ สน.เพชรเกษม กรุงเทพฯ รับแจ้งเหตุเวลาประมาณ 10.50 น. ของวันนี้ 23 พ.ค. 2567 คนงานยกถังออกซิเจนลงจากรถ และเกิดพลาดตัวถังกระแทกลงพื้นจนทำให้เกิดเหตุระเบิด ภายในซอยซอย เพชรเกษม 77/8 ซึ่งลักษณะร่างขาดครึ่งท่อน ชิ้นส่วนบางส่วนกระจัดกระจายไปไกลหลายเมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมพยาบาลท่อนบน ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคนตายคือ นายบัณฑิต อายุ 30 ปี และจากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวที่มีการเก็บถังออกซิเจน และเปิดเป็นบริษัทสำหรับส่งถังออกซิเจน ทราบเจ้าของ คือ นายชัยวัฒน์ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในช่วงที่เกิดเหตุ แต่หลังเกิดเหตุได้มีการเดินทางเข้ามาตรวจสอบพร้อมกับให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ นั้น






ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้าน บริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุถังออกซิเจนระเบิด สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะระเบิดขึ้น จากกล้องวงจรปิดของวันที่ 23 พ.ค. เวลา 11.59 น. สามารถบันทึกเสียงขณะเกิดเหตุ จะได้ยินเสียงวินาทีที่คล้ายถังออกซิเจนร่วง ก่อนที่จะได้ยินเสียงระเบิดดังตูมสนั่น และเสียงสัญญาณเตือนของรถยนต์ที่จอดอยู่ละแวกใกล้ที่เกิดเหตุดังขึ้น เนื่องจากเหตุระเบิดสนั่นในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ต่างตกใจและแตกตื่นกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่น




ความคืบหน้าภายหลังเกิดเหตุ ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านหมู่บ้าน เพชรเกษม 1 ภายในซอย 77/8 โดยพบว่าช่วงที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงนั้น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและรวมถึงแพทย์เวรกำลังทยอยเดินทางมา เพื่อเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยยังคงมีแนวกั้นของตำรวจปิดล้อมพื้นที่เอาไว้ และภายในหมู่บ้านดังกล่าวยังพบเศษของถังออกซิเจน และเศษเหล็กจากโครงสร้างของบ้านที่เกิดเหตุ กระจัดกระจายไปไกล ซึ่งไกลสุดถึง 60 เมตร จนทำให้บ้านเรือนประชาชน และรถที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย




ซึ่งทันทีที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรเดินทางมาถึง ก็ได้เข้าตรวจสอบสภาพศพของนายบัณฑิต ที่คลุมผ้าอยู่บริเวณพื้นถนนข้างร้าน จากนั้นได้มีการเข้าตรวจสอบชิ้นส่วนของศพส่วนอื่นที่ถูกถังออกซิเจนฉีก จนกระจายทั่วบริเวณ ไม่ต่ำกว่า 4 ชิ้น บางชิ้นหล่นไปไกลถึงในบ้านของชาวบ้าน ก่อนที่จะมีการเข้าตรวจสอบถังออกซิเจนรวมถึงมูลเหตุ ของการระเบิดของถังออกซิเจนครั้งนี้ต่อไป


ขณะเดียวกันทีมข่าวยังสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตเพชรเกษม ซึ่งได้เดินทางเข้ามาร่วมตรวจสอบเกี่ยวกับเหตุระเบิดดังกล่าว พร้อมทั้งเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน เพื่อที่จะประเมินตัวเลข ในการช่วยเหลือเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการเรียกสอบเจ้าของเพื่อที่จะดำเนินการเอาผิดรวมถึงเรียกค่าเสียหายเพื่อชดเชยให้กับชาวบ้านที่มีทรัพย์สินเสียหาย




ขณะเดียวกันทีมข่าวยังสังเกตว่าระหว่างที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ นั้น ได้มีนายชัยวัฒน์ อายุ 40 ปี ซึ่งเจ้าตัวเดินทางมาสังเกตการณ์พร้อมกับให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกับทางเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยบางช่วงสังเกตว่ามีการร้องไห้เสียใจ และมีบางช่วงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนบ้าน และรวมถึงคนสนิท ทำนองเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


นายชัยวัฒน์ เผยว่า สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นตนเองไม่ทราบว่าเกิดจากเหตุอะไร เพราะเนื่องจากรอให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะชดใช้และช่วยเหลือทั้งครอบครัวของคนตาย และรวมถึงชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน แต่อยากจะให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบก่อนว่าเหตุระเบิดเกิดจากปัจจัยอะไร และยืนยันว่าถังออกซิเจนทั้งหมดมีการตรวจสอบและตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งมีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องของความหนาและสภาพ ซึ่งทุกใบพร้อมใช้งาน จึงไม่ใช่เหตุระเบิดระเบิดเพราะถังออกซิเจนไม่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน แต่อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ซึ่งจะต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน




สำหรับตัวของถังที่ระเบิดไม่ใช่สารชนิดแก๊ส หรือชนิดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้าน เป็นเพียงแค่ออกซิเจนที่ใช้สำหรับปลาและโรงงานอุตสาหกรรมในการใช้ออกซิเจน ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในทางการแพทย์หรือโรงพยาบาล และถังส่วนใหญ่ที่มีการจัดเก็บเอาไว้เป็นถังเปล่า โดยหลังจากที่ลูกค้ามีการสั่ง คนงานก็จะมีการยกขึ้นบรรทุกไปทำการเติม ก่อนที่จะกระจายส่งให้กับลูกค้า แต่เข้าใจว่าใบที่มีการระเบิดนั้นอาจจะมีบางส่วนหลงเหลืออยู่หรือไม่


ขณะที่ตัวของนายบัณฑิต คนตาย เป็นคนงานของตนเองแต่มีการจ้างแบบรายวัน สำหรับยกถังและนำไปกระจายส่งให้กับลูกค้า ซึ่งไม่ใช่พนักงานประจำของบริษัท แต่แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ลูกจ้างแบบรายวัน เมื่อเกิดเหตุสูญเสียขึ้น ตนเองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวของเขา แต่เบื้องต้นตอนนี้เข้าใจว่ากำลังอยู่ระหว่างการประสานงานญาติ ซึ่งยังติดต่อไม่ได้ แล้วตนเองก็ยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน


อย่างไรก็ตาม เรื่องของการถูกเอาผิดตามกระบวนการหรือขั้นตอนของกฎหมาย ตนเองก็พร้อมเพราะมันเกิดขึ้นแล้ว และที่สำคัญตนเองก็พร้อมที่จะดำเนินการช่วยเหลือครอบครัว รวมถึงบ้านเรือนประชาชนและเพื่อนบ้านในละแวกแถวนี้ที่ได้รับความเสีย เพราะเข้าใจว่ามีหลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดครั้งนี้




ขณะที่น้องผึ้ง อายุ 31 ปี แฟนสาวของผู้เสียชีวิต เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เนื่องจากเสียใจและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมพูดออกมาว่า “ทำไมต้องเป็นมึง ทำไมเมื่อเช้าไม่ให้มาด้วย” และขอเจ้าหน้าที่ไปดูร่างแฟนหนุ่ม ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก โดยน้องผึ้ง เผยว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ได้คุยกันผู้ตาย เพราะผู้ตายออกมาเลยเมื่อเช้านี้ ซึ่งผู้ตายทำงานส่งถังออกซิเจนแบบนี้มานานแล้วเป็น 10 ปี และตนก็เคยบอกว่างานนี้มันอันตราย แต่เขาก็ทำมานานและอุปกรณ์ป้องกันแฟนหนุ่มก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง ที่ผ่านมาตนเคยมาส่งถังออกซิเจนกับผู้ตายบ้าง มาทีไรก็จะนั่งหน้าบ้าน ไม่ได้ลงไปช่วย จึงไม่รู้ว่าแฟนเอาถังออกซิเจนลงแบบใด แต่ก็ยอมรับว่าผู้ตายปกติเป็นคนสูบบุหรี่ ทั้งนี้ตนเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวที่ออกอากาศทางทีวี เพราะทางบ้านพยายามปิดไม่ให้ตนรับรู้




นอกจากนี้ ทีมข่าวยังเดินทางไปสำรวจบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุถังออกซิเจนระเบิด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 หลังที่ได้รับผลกระทบ โดยบ้านหลังดังกล่าวมี นางสาวพัชรภรณ์ อายุ 39 ปี เป็นเจ้าของบ้าน โดยเป็นบ้านที่มีเศษของถังออกซิเจนร่วงตกลงมาใส่บ้านชั้น 2 อยู่บริเวณบันได จากการสังเกตพบว่ามีกระเบื้องแตก 2 แผ่น และฝ้าเพดานร่วงตกแตกลงมาเสียหาย แต่โชคดีที่เวลาเกิดเหตุนั้นไม่มีคนอยู่บ้าน




นางสาวพัชรภรณ์ พาทีมข่าวขึ้นไปดูความเสียหายบริเวณชั้นบนของบ้าน ซึ่งตอนที่ขึ้นไปสำรวจนั้น ยังพบว่ามีเศษชิ้นส่วนของเหล็กของถังออก วางอยู่กับแผ่นฝ้าเพดานที่ตกอยู่บนพื้น โดยเจ้าตัวยังไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายเพราะรอให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรเข้ามาทำการตรวจสอบ แต่ระหว่างนั้นเจ้าตัวได้มีการไปซื้อกระเบื้องแผ่นใหม่ 2 แผ่น เอามาเตรียมเพื่อที่จะเปลี่ยนหลังคาชั่วคราว เพราะเนื่องจากมีสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน กลัวว่าฝนจะตกลงมาแล้วบ้านได้รับความเสียหาย เจ้าตัวจึงได้มีการตัดสินใจไปซื้อหลังคามาเตรียมไว้รอก่อน แล้วค่อยไปเบิกหรือเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของบริษัทภายหลัง


เจ้าของบ้าน เผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุโชคดีที่ตนเองไม่อยู่บ้าน เพราะโดยปกติตนเองจะกลับมาบ้านทานข้าวตอนเที่ยง และที่สำคัญบ้านตนเองมีเด็กเล็กอยู่หลายคน ช่วงเวลาที่ระเบิดโชคดีที่ไม่มีคนอยู่ ไม่เช่นนั้นอาจจะได้รับอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หลังจากที่สามีโทร. แจ้งว่ามีเหตุถังออกซิเจนระเบิดในซอยของหมู่บ้าน ตนเองจึงเดินทางเข้ามาบ้านเพื่อดูแลความเรียบร้อยและสำรวจความเสียหาย จนกระทั่งขึ้นมาบริเวณชั้น 2 ก็พบว่าบ้านได้รับความเสียหายจากถังออกซิเจนตกลงใส่หลังคา




ทั้งนี้ จากข้อมูลทราบว่า ถังเปล่าสำหรับบรรจุแก๊สที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ มีทั้งหมด 71 ถัง ประกอบด้วย ถังอะเซทิลีน 18 ถัง ถังออกซิเจน 37 ถัง ถังคาร์บอนไดออกไซด์ 16 ถัง


ต่อมา รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เผยว่า จุดเกิดเหตุนั้นทราบว่าเป็นร้านรับถังเปล่าจากภาคอุตสาหกรรมมารับจ้างอัดแก๊สต่าง ๆ เข้าไป ซึ่งดูจากลักษณะสีถังจะมีตัวถังสีเขียวแล้วก็ถังสีแดงที่มีถังลักษณะใหญ่




โดยถังสีเขียว ก็คือ ถังออกซิเจนมีการนำไปเติมออกซิเจนเพื่อใช้ในการช่วยเชื่อมโลหะในภาคอุตสาหกรรม ส่วนถังสีแดง ก็คือ ถังที่บรรจุสารอะเซทิลีน (Acetylene) เป็นกลุ่มเคมีที่เบามาก พอเบามากก็เลยมีแรงอัดแรงดันสูงและก๊าซไวไฟ ฉะนั้นอะเซทิลีนกับออกซิเจนจะใช้คู่กันในการเชื่อมโลหะในภาคอุตสาหกรรม พอใช้ในภาคอุตสาหกรรมเสร็จก็จะนำมาเติม แต่ว่าลักษณะถังจะค่อนข้างเก่าเพราะฉะนั้นมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้


โดยในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตและมีเขม่าสีเทาดำปกคลุมร่างอยู่ ดูแล้วน่าจะเกิดจากการติดไฟเป็นการติดแบบชั่วคราวหรือเป็นการเกิดปฏิกิริยาของแก๊สอะเซทิลีนที่ทำปฏิกิริยากับความชื้นในอากาศ ก็จะได้เป็นผงขี้เถ้าในลักษณะที่เห็น ซึ่งเท่าที่ดูแล้วตนมองว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดก็มาจากแก๊สอะเซทิลีน




โดยอะเซทิลีนจะบรรจุในถังหลากหลายขนาดใหญ่ ที่เห็นสีแดงที่ตั้งอยู่ก็คือขนาด 40 ลิตรจะมีแรงดันค่อนข้างสูงที่ 1,500-2,000 พีเอสไอ ซึ่งมีแรงดันสูงมากถ้าเนื้อโลหะเกิดสนิมและเกิดการกระแทก เช่น กำลังยกขึ้นรถ หรือขนถ่ายจากรถลงมาข้างล่างและเกิดการหล่น แล้วก็กระแทกที่พื้นข้างในที่อาจจะหลงเหลืออยู่ หรือที่เติมไว้เกิดการขยายตัว และเกิดการฉีกขาดของโลหะก็คือการระเบิด เมื่อระเบิดออกมาก็ทำให้มีคนเสียชีวิต


สำหรับอะเซทิลีน คือ ก้อนแก๊สที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วเป็นก้อนแก๊สเอาไปใช้จุดตะเกียงในการหากบหาเขียดของชาวต่างจังหวัด หรือคนที่ไปติดตะเกียงตอนไปกรีดยาง ซึ่งจะมีกลิ่นเฉพาะตัวถ้าทำปฏิกิริยากับความชื้นก็จะจะมีลักษณะเป็นขี้เถ้า โดยตนมองว่า เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับถังเก่าที่เป็นสนิม ก็ต้องระมัดระวังเพราะตัวอะเซทิลีนมีน้ำหนักเบามาก โมเลกุลน้อย แต่ก็ยังหนักกว่าตัวเอ็นจีวีหรือมีเทน แรงอาจจะสูงมาก

 

เปิดนาทีสยอง! ถังออกซิเจนระเบิด ฉีกร่างคนงานขาดสองท่อน