จากกรณี เวลา 21.30 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.สุทัศ มะเจี่ยว รอง สว.สอบสวน.ร้อยเวร สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีชายกับหญิงถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส มาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ที่บ้านใน หมู่ 7 บ้านหนองช้างเหยียบ ต.ไร่ใหม่พัฒนา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำ ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวน ทีมแพทย์โรงพยาบาลชะอำ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านเป็นสวนกล้วยและสวนปาล์มหลายสิบไร่ ภายในห้องน้ำชั้นล่างพบ น.ส.นิยม อายุ 43 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ก้นด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร เป็นไร่กล้วย พบนายชลอ อายุ 53 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ท้อง ไส้ทะลักออกมา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชะอำ กู้ภัยสว่างสรรเพชร พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน เข้าให้การช่วยเหลือนำตัวนายชลอผู้บาดเจ็บออกมาจากไร่กล้วยอย่างทุลักทุเล เพราะรถไม่สามารถเข้าไปรับได้

โดยทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายส่งโรงพยาบาลหัวหิน พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป็นขนำกลางไร่กล้วย ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสยาม อายุ 44 ปี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายชลอ ผู้บาดเจ็บ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป

ด้าน น.ส.นิยม ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีอยู่ที่ขนำภายในไร่กล้วย จากนั้นได้เห็นผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาไม่พูดไม่จา ก่อนชักอาวุธปืนไม่ทราบชนิดออกมากระหน่ำยิงใส่ตนและสามีกว่า 10 นัด ตนกับสามีจึงรีบวิ่งหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

เบื้องต้น พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำ ได้สั่งการจัดทีมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่านำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่า เป็นกระท่อมที่สร้างอยู่กลางสวนกล้วย และมะละกอ ประมาณ 10 ไร่ ตรวจสอบบริเวณกระท่อมจุดเกิดเหตุ พบว่า มีร่องรอยจากคมกระสุนทะลุผนังที่กั้นด้วยแผ่นฝ้า จำนวน 21 นัด และข้าวของที่วางอยู่ด้านหลังขนำได้รับความเสียหายจากคมกระสุนจำนวน 8 นัด เป็นถังขยะสีดำ 2 ใบ หม้อ 2 ใบ นอกจากนี้ รถอีซูซุ สีบรอนซ์ ซึ่งเป็นรถของนายชลอ มีร่องรอยถูกยิงได้รับความเสียหายกระสุนทะลุตัวถัง จำนวน 4 จุด และมีกระจกด้านขวาหลังแตก 1 บาน

สอบถามข้อมูลกับ นางทบ อายุ 75 ปี แม่ของนายชลอ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เมื่อวานนี้ช่วงเที่ยง น้องสาวของตนเองซึ่งเป็นน้าของคนเจ็บ ได้โทรศัพท์มาบอกกับตนเองว่า ให้ตนเองรีบไปบอกลูกชายว่าให้หลบหนีออกจากขนำก่อน เพราะตอนนี้นายสยาม ผู้ก่อเหตุ ค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรงและโมโหมาก กลัวว่านายสยามจะบุกไปยิงลูกชายถึงขนำ หลังจากนั้นตนเองก็ได้รีบเดินทางมาหาลูกชาย ก่อนจะพูดคุยกันและบอกให้ลูกชายหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว แต่ทางฝั่งลูกชายบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีปากเสียงหรือบาดหมางใจอะไรกับนายสยาม จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่น

และยังบอกกับตนเองว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ยังได้พูดคุยกับนายสยามก็ไม่ได้ผิดใจอะไรกัน เพียงแต่นายสยามค่อนข้างมีอารมณ์เครียด หลังจากที่เมียของเขาหอบลูกหลบหนีไปเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายสยามเองก็ได้บอกว่าเดี๋ยวจะตามไปยิงให้ตายทั้งผัวใหม่และเมียของเขา ลูกชายตัวเองถึงได้บอกไปว่าจะไปยิงเขาทำไม ยิงเขาตายตัวเองก็ติดคุก

หลังจากนั้นลูกชายก็ได้แยกย้ายกลับมาที่ขนำตามปกติ โดยที่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อตนเองเห็นว่าลูกชายยืนยันว่าจะไม่หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่อื่น ตนเองก็ได้กลับบ้านไปก่อนที่จะมาทราบข่าวในช่วงค่ำว่า ลูกชายถูกนายสยามบุกไปยิงถึงกระท่อม

จากนั้นตนเองก็เดินทางกลับมาที่กระท่อมอีกครั้ง จนได้พูดคุยกับลูกสะใภ้ เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่ลูกชายและลูกสะใภ้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในกระท่อมจู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 20 นัด โดยยิงเข้ามาที่ผนัง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้หลบหนี ออกมาจากขนำและมานอนหมอบอยู่ที่พื้นดิน ต่อมานายสยามตะโกนเรียกลูกชายตนเองว่า "พี่น้อง" ก่อนที่ลูกชายก็ได้พยายามลุกขึ้น ก่อนจะถูกนายสยามยิงซ้ำอีกหลายนัด ทั้งคู่จึงได้พากันวิ่งหนีตกลงในคูน้ำ

ทางฝั่งลูกชายบอกว่าเจ็บหนัก ไม่สามารถหนีไปต่อได้จึงให้ลูกสะใภ้หนีไปขอความช่วยเหลือที่บ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 200 เมตร ต่อมานายสยาม วิ่งตามลูกชายมาถึงในคูน้ำและพยายามที่จะยิงซ้ำแต่โชคดีที่กระสุนขัดลำกล้อง ลูกชายจึงรอดตายมาได้ ต่อมาทางฝั่งลูกสะใภ้ก็ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาล

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเชื่อว่ามาจากประเด็นที่นายสยามหึงหวง เพราะคิดว่าลูกชายไปยุ่งเกี่ยวและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเมียของเขา จนทำให้เมียของเขาต้องหนีออกจากบ้าน แต่แท้จริงแล้วตนเองขอยืนยันว่าที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมเจ้าชู้ และทุกครั้งที่ไปหานายสยามที่บ้าน ก็จะพาลูกสะใภ้ไปด้วยทุกครั้ง ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุใด จึงทำให้นายสยามคิดว่าลูกชายของตนเองเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เมียของเขาหอบลูกหนีไป แต่ที่ได้ยินมาจากญาติ บอกว่านายสยามเสพยาเสพติดจนมีอาการประสาทหลอนและ มีอารมณ์รุนแรงจนถึงขั้นลงมือทุบตีเมียของเขาหลายสิบครั้ง จนฝ่ายหญิงทนไม่ไหวและหอบลูกหลบหนีไป

ส่วนประเด็นอื่นที่จะทำให้ลูกชาย และนายสยามบาดหมางใจนั้นตนเองคิดว่าคงไม่มี เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เมื่อเจอหน้ากันทุกครั้งก็มักจะพูดคุยกันตามธรรมดา และไม่เคยมีปากเสียงไม่เคยบาดหมางใจเรื่องอะไรต่อกัน แม้กระทั่งบ้านก็ปลูกอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร ทางฝั่งนายสยามปลูกบ้านอยู่ในกลุ่มของญาติพี่น้องคนอื่น ซึ่งอยู่ในสวนยางห่างจากขนำของลูกชายเพียงไม่มาก เขาก็เดินไปมาหาสู่กันตลอดและไม่เคยมีประเด็นขัดใจอะไรกัน ตนเองจึงมั่นใจว่าปมของการก่อเหตุในครั้งนี้ มาจากเรื่องที่นายสยามหึงหวงลูกชายเพราะเข้าใจผิดว่าไปแย่งเมียของเขา

สำหรับนิสัยของนายสยามนั้น เท่าที่ตนเองเห็นมาตั้งแต่วัยเด็กก็เป็นคนที่น่ารักนิสัยดี ไม่เคยมีพฤติกรรมก่อความรุนแรง แต่ก็มีเรื่องที่ใจร้อนบ้าง แต่ระยะหลังมาเมื่อเริ่มเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวประกอบกับมีอาการหึงหวงอย่างรุนแรง แต่สำหรับลูกชายของตนเองนั้น เป็นคนไม่ค่อยพูดจากับใคร มักจะเก็บตัวและทำไร่กล้วยอยู่กับเมียไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่น แต่กับนายสยามนั้นเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็มีความสนิทสนมกันและพูดคุยกันบ่อยครั้ง

จากนั้นทีมข่าวยังได้ตรวจสอบภาพวงจรปิด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร โดยบริเวณดังกล่าวนั้น จะเป็นถนนที่เข้ามาสู่จุดเกิดเหตุได้ช่วงเวลาประมาณ 22.13.25 น. จะเห็นว่ามีรถพยาบาลจำนวน 3 คัน ตามด้วยรถเก๋งหนึ่งคันวิ่งไปตามเส้นทางดังกล่าวด้วยความเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ต่อมาทีมข่าวเดินทางต่อมาที่บ้านของนายสยาม ซึ่งอยู่ท่ามกลางสวนยางพารา ที่มีพื้นที่เขตติดต่อกับสวนกล้วยของนายชลอ ผู้บาดเจ็บ พบว่า บริเวณใกล้กับบ้านของนายสยาม มีบ้านของญาติปลูกอยู่ใกล้เคียงกัน ประมาณ 4 หลัง สอบถามข้อมูลกับ นางเล็ก อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นน้าของผู้ก่อเหตุ ได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า ในช่วงเมื่อวานช่วง 13.30 น. ตนเห็นว่านายสยาม หลานชายของตนได้เดินโวยวายอยู่ภายในบริเวณบ้านของเขา โดยมีการถือมีดไม้อยู่ในมือ แต่ในเรื่องอาวุธปืนนั้นตนไม่เห็น และหลังจากนั้นจึงได้มีการวิ่งไปในสวนยางบริเวณข้างบ้าน ตนจึงได้มีการโทร. บอกแม่ของนายสยามให้รีบรีบกลับมาดู แต่หลังจากนั้นตนเห็นว่านายสยามได้วิ่งออกไปบริเวณถนน ตนจึงได้ตะโกนเรียกเพื่อให้กลับมาที่บ้านแต่เขาก็ไม่ฟัง และวิ่งมุ่งหน้าไปอย่างบ้านนายชลอ ผู้บาดเจ็บ

หลังจากนั้นตนจึงได้โทร. หาแม่ของนายชลอ เพื่อให้ไปบอกนายชลอว่าให้ออกจากบ้านของเขาไปก่อน เนื่องจากนายสยามอยู่ระหว่างการคลุ้มคลั่งและวิ่งไปทางบ้านของเขา ซึ่งตนก็กลัวว่าจะเป็นอันตราย แต่ในเรื่องความบาดหมางทั้งสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรกันและพูดคุยกันปกติ อีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่สาเหตุที่ตนโทร. ไปเตือนกับแม่ของนายชลอก็เพราะว่า ในสมัยมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดและมีอาการคลุ้มคลั่ง ซึ่งในขณะเกิดคลุ้มคลั่งเมื่อวานก็น่าจะมีอาการหลอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาได้ทิ้งไป ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอะไรและจะทำร้ายนายชลอกับครอบครัวหรือไม่