จากรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย หลังถูกพบเป็นศพเสียชีวิตหน้าบ้านภรรยา และต่อมาพบว่าก่อนเผา ศพได้กลายเป็นสีดำ ญาติ ๆ เชื่อว่าน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังเพราะก่อนจะเสียชีวิต เสี่ยต้นได้ถูกลอบยิงและยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ซึ่งต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพผู้ต้องสงสัย 2 คน ที่ก่อเหตุยิงเสี่ยต้น จับภาพในเวลาต่อมาช่วง 22.12 น. วันที่ 8 เมษายน กำลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่านนวมินทร์ หลังเติมน้ำมันเตรียมที่จะไปก่อเหตุ




จากนั้น เวลา 22.48 น. กล้องวงจรปิด ริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) บันทึกภาพคนร้าย 2 คน ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ย้อนมาบนทางจักรยาน ก่อนจะมาเอาสิ่งของบางอย่างที่ถูกซุกซ่อนไว้ในพุ่มไม้ ซึ่งคาดว่าเป็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ที่มีคนมาทิ้งไว้ให้ก่อนหน้านี้ โดยหลังจากที่หยิบอาวุธปืนแล้ว 2 คนร้ายก็ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ มุ่งหน้าไปทางโรงเหล้าแสงจันทร์ แต่ยังคงขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปบนทางจักรยาน และจากการสังเกตจะพบว่า ก่อนเกิดเหตุมือปืน ซึ่งใส่เสื้อคลุมสีดำ กางเกงขายาวสีดำ เป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วคนร้ายที่ใส่เสื้อไรเดอร์สีส้มเป็นคนซ้อน ก่อนที่จะมีการสลับตำแหน่งกันในภายหลัง แล้วไปลงมือก่อเหตุยิงเสี่ยต้น




ล่าสุดวันนี้ (24 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานกล้องวงจรปิดของสถานบันเทิง ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เสี่ยต้นจะถูกลอบยิง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ เมื่อเวลา 23.31 น. วันที่ 8 เมษายน เสี่ยต้นในชุดเสื้อโปโลแขนสั้น กางเกงขาสั้น ได้เดินออกจากสถาบันเทิง ไปขึ้นรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ที่จอดไว้บริเวณที่จอดรถของร้าน ก่อนจะขับออกไปบนถนนประดิษฐมนูธรรม ซึ่งเสี่ยต้นได้เดินออกไปด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้รีบร้อนและไม่มีท่าระแวดระวังว่าจะมีใครมาทำร้าย




ขณะที่จากกล้องวงจรปิดพบว่า เสี่ยต้นได้ขับรถเดินทางออกจากร้านไปเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น แล้วก็ได้ถูกคนร้ายขี่รถมอเตอร์ไซค์มาลอบยิง 4 นัด เข้าทางกระจังหน้ารถ 1 นัด ประตูฝั่งซ้าย (ฝั่งคนนั่ง) 2 นัด และกระจกฝั่งซ้าย (ฝั่งคนนั่ง) อีก 1 นัด




ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 8 เมษายน เวลา 23.34 น. ระหว่างที่คนร้ายสองคนหลังเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์จากถนนเรียบด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เข้ามาภายในซอยถนนทาวน์อินทาวน์ ก่อนจะเลี้ยวลัดเลาะออกไปตามซอยมุ่งหน้าไปทางรามคำแหง แล้วหลบหนีไป




ทีมข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเรียบด่วนรามอินทราอาจณรงค์ ในช่วงเวลา 22.17 น. ของวันที่ 8 เมษายน จะเห็นว่ารถของผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้ก่อเหตุยิงเสียต้น ขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่ ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เพื่อรอเวลาจนกระทั่งไปก่อเหตุในเวลาต่อมา


ล่าสุด นางสาวหมวย อายุ 42 ปี ญาติสนิทของ “เสี่ยต้น” พร้อมด้วย นางสาวณัฐปภัษร์ หรือ “เจ” น้องสาวเสี่ยต้น เดินทางเข้าพบตำรวจ สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความ และขอความช่วยเหลือคุ้มครองพยาน หลังถูก โทรศัพท์ข่มขู่และมีคนคอยติดตาม จึงเกรงว่าทั้งสองคนจะไม่ได้รับความปลอดภัย


นางสาวหมวย เผยว่า เมื่อวานนี้มีสายปริศนาโทร. เข้ามาหาตัวเองโดยปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย พอรับสายก็มีการถามเรื่องคดีเสี่ยต้น พอตัวเองถามกลับว่าปลายสายคือใครก็ไม่ยอมบอก แต่กลับรู้จักชื่อตัวเอง แล้วด่าตัวเองว่า “อีควาย” ตัวเองก็พยายามจะถามกลับว่าโทร. มาทำไมอยากทราบเรื่องอะไร แต่ชายปริศนาก็ไม่ได้มีการตอบกลับ


หลังจากวางสายตัวเองจึงรู้ตัวว่าถูกข่มขู่และคุกคาม จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากเมื่อวานนี้ได้ฟังแถลงจากตำรวจ ว่าถ้าหากรู้สึกว่าเป็นพยานในคดีแล้วไม่ปลอดภัยก็ให้เดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตัวเองจึงเดินทางเข้ามาพบเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ในวันนี้ เพื่อเข้าแจ้งความ และขอให้คุ้มครองพยาน


ตัวเองเชื่อว่าชายปริศนาที่โทร. เข้ามาเป็นการโทรมาข่มขู่ เนื่องจากในขณะนี้ตัวเองเป็นอีกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องคดีของเสี่ยต้น รวมถึงได้ไปให้ข้อมูลกับรายการทีวีก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งยอมรับว่าหลังจากที่ถูกโทร. เข้ามาข่มขู่ มีความกังวลอย่างมากทั้งในเรื่องของครอบครัว และหน้าที่การงาน แต่ก็คงไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ตัวเองหยุดเคลื่อนไหว เพราะคัวเองก็เป็นอีกคนที่อยากทราบข้อเท็จจริงว่า คดีที่เสียต้นถูกลอบยิงคนร้ายคือใคร และสาเหตุที่ถูกลอบยิงมาจากเรื่องอะไร




หากย้อนกลับไปในวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่เสียต้นถูกคนร้ายลอบยิง ตัวเองก็เป็นอีกคนที่ตัวของเสี่ยต้น ได้มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ซึ่งตัวเองก็ได้การสอบถามเสี่ยต้นว่าสงสัยใครหรือไม่ ขณะนั้นเสี่ยต้นก็มีการเล่าให้ฟังว่าสงสัยชายคนหนึ่ง และเคยมีปัญหากันมาก่อน สาเหตุมาจากปัญหาส่วนตัว ในลักษณะของคนที่ไม่ชอบหน้ากัน และเป็นคนที่คอยยุแยงให้ครอบครัวแตกแยก แต่ตัวเองไม่ขอบอกว่าชายที่เสี่ยต้นสงสัยเป็นใครเนื่องจากข้อมูลในส่วนนี้ตัวเอง ได้ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว


ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อว่าชายที่เสี่ยต้นสงสัย เป็นคนเดียวกันกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดหรือไม่ ตัวเองไม่เคยเห็นหน้าหรือเคยเจอชายต้องสงสัยที่เสี่ยต้นเคยพูดถึง แต่ในวันที่เสี่ยต้นมาบอกตัวเอง ได้นำชื่อชายที่เสี่ยต้นสงสัยไปค้นหาเพื่อขอดูรูป ซึ่งมีความคล้ายหรือเหมือนกับชายต้องสงสัยในวงจรปิดหรือไม่ ตรงนี้ตัวเองก็ไม่ขอให้รายละเอียดเช่นกันเพราะได้ให้กับตำรวจไปหมดแล้ว


ส่วนเหตุการณ์การเสียชีวิตของเสี่ยต้นที่จังหวัดมหาสารคาม ในวันที่เสี่ยต้นจะเดินทางไป ตัวของเสี่ยต้นก็ได้มีการมาบอกกับตัวเองก่อน โดยในตอนนั้นก็ได้บอกกับเสี่ยต้น ว่าอยากให้ตัวเองไปเป็นเพื่อนหรือไม่ เนื่องจากตัวของเสี่ยต้นเพิ่งผ่านเหตุการณ์ถูกลอบยิงมาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่เสี่ยต้น บอกว่าไม่เป็นไรเพราะเขาสามารถเดินทางไปเองได้


กระทั่งวันที่เสี่ยต้น เสียชีวิต หลังจากที่ตัวเองทราบข่าวก็ได้เดินทางไปทันที (ช่วงคำวันที่ 16 เม.ย.) แต่ตอนนั้นตัวเองไม่ได้เดินทางเข้าไปร่วมงานศพทันที แต่ได้เดินทางไปยัง สภ.ยางสีสุราช เพื่อตั้งใจเข้าไปทำเรื่องระงับการเผาศพ และสอบถามข้อเท็จจริงว่าสาเหตุที่เสี่ยต้นเสียชีวิตมาจากอะไร แต่ทางตำรวจได้มีการแจ้งว่า ทางภรรยารวมถึงครอบครัวของเสี่ยต้น ไม่มีใครติดใจสงสัย ถ้าหากตัวเองอยากนำร่างไปชันสูตรตัวเองก็ต้องเป็นคนจัดการเอง ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด


จากนั้นตัวเองกับครอบครัวของเสี่ยต้นก็ได้ไปปรึกษากันที่โรงแรมว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป จนได้ข้อสรุปกันว่าศพของเสี่ยต้น ได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลไปแล้ว 1 คืน หากจะต้องนำร่างของเสี่ยต้นออกมาจากโรงเพื่อไปทำการชันสูตร ก็จะเป็นการให้เกียรติผู้ตาย และให้เกียรติภรรยาผู้ตายด้วย ตัวเองจึงบอกได้เพียงแค่ให้พ่อกับแม่ของเสี่ยต้น ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับภรรยาของเสี่ยต้น เนื่องจากตัวเองเป็นคนนอก




โดยต่อมาหลังจากที่พ่อแม่ และภรรยาของเสี่ยต้นได้มีการพูดคุยกัน ว่าแม่ของเสี่ยต้นก็ได้มีการไปแจ้งกับตำรวจที่ สภ.ยางสีสุราช ว่าตัวเขาไม่ติดใจสาเหตุการตายด้วยเช่นเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการไม่ได้มีการนำร่างส่งชันสูตร ซึ่งถ้าหากถามว่าตัวเองติดใจการเสียชีวิตของเสี่ยต้นหรือไม่ ยอมรับว่าตัวเองติดใจตั้งแต่แรก เพราะไม่คิดว่าเสี่ยต้น จะสามารถดื่มเหล้าจนไหลตายได้ แต่ในทางกลับกันตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปดำเนินการอะไรได้ จึงต้องปล่อยเลยตามเลย


ส่วนของเหตุการณ์ที่นางสาวมด ภรรยาของเสี่ยต้น ได้ทักแชตมาหาตัวเอง หลังจากที่ตัวเองได้ไปให้ข้อมูลกับรายการหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นตัวเองก็ได้บอกกับนางสาวมดว่าตัวเองก็ไม่เชื่อว่ามดเป็นคนทำ และก็อยากให้นางสาวมด มาค้นหาความจริงด้วยกันว่าใครเป็นคนรอบยิงเสี่ยต้น นอกจากนี้ในเหตุการณ์ลอบยิง เสี่ยต้นก็เคยมาบอกว่า ไม่เชื่อว่าภรรยาเป็นคนทำ แต่สงสัยคนใกล้ชิด


ทั้งนี้ ที่ตัวเองพูดแบบนี้กับนางสาวมด เนื่องจากตัวเองก็มีความสนิทสนมกันพอสมควร และตัวของนางสาวมด ก็ค่อนข้างให้ความเคารพตัวเองเวลา ที่ทั้งคู่มีปัญหากันต่างฝ่ายก็มักจะมาเล่าให้เธอฟัง อย่างเรื่องที่เสี่ยต้น เคยไปติดพันสาวคาราโอเกะ แล้วเคยพาแล้วถึงขั้นเคยพาเข้ามานอนที่บ้านหนึ่งครั้ง และนางสาวมดก็เคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว หลังเกิดเรื่องตัวเองก็ได้เตือนเสี่ยต้นไปแล้ว ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเพราะ บ้านเป็นพื้นที่ของครอบครัวไม่ควรทำแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นนางสาวมด โกรธมากหรือไม่นั้นตัวเองก็ไม่ทราบ แต่ในความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน หากสามีมาทำแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หยามศักดิ์ศรี




นอกจากนี้ ทางนางสาวหมวยได้มีการบันทึกคลิปเสียงการสนทนาระหว่างชายปริศนาที่โทร. มาคุกคามตัวเธอ ดังนี้


หมวย : ไม่ พี่จะให้เกียรติได้อย่างไร ในเมื่อคนอื่นอยู่ดีมาบอกว่าคนอื่นชื่อ... พี่รู้จักคนชื่อ... พี่รู้จักคนชื่อ... ตลกเปล่า เอาอะไรมาคุย สายปริศนาอยู่ดี ๆ โทร. มาคุยมโนเยอะเหรอ


ผช : แล้วสายปริศนาเขาจะบอกชื่อเหรอ พี่ปัญญาอ่อนปะเนี่ย
หมวย : อุ๊ยชื่อลับเยอะแยะ ชื่อไอ้นี่เยอะแยะ รู้จักพี่ เอาอะไรมารู้จักเดี๋ยวก่อนเอาอะไรมารู้จัก รู้จักพี่เป็นเพื่อนพี่ แค่กดไลก์ อุ๊ยขนาดรู้จักพี่ มาด่าพี่ไอ้ควาย อ๋อเป็นเพื่อนพี่


ผช : พี่ด่าผม ผมก็ด่าพี่ได้ดิ
หมวย : อ้าวพี่ด่าเราว่าอะไร พี่ถามว่า มึงเป็นใคร พี่ไม่ได้ด่าเลย อ๋ออีหมวยหรือ อีหมายเหรอ อ๋อมีอะไรอีกไหม อยากจะสืบอะไรอีกไหม
ผช : อุ๊ยไม่จำเป็น มึงไม่มีอะไรให้กูสืบหรอกอีหมวย
หมวย : เหรอ อุ๊ย มีอะไรอีกปะ
ผช : ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ
หมวย : อ้อโอเค




ขณะที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมชุดสืบสวนชุดใหญ่ร่วมกันกับ ตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อหาความเชื่อมโยง คดีการเสียชีวิตของเสี่ยต้น โดยคดีของเสี่ยต้นที่ถูกลอบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ คือ มือปืนรับจ้าง และเป็นการจ้างวานฆ่าอย่างแน่นอน มีการแบ่งหน้าที่กันทำชี้เป้าและก่อเหตุ เนื่องจากมีพยานหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดร้านเหล้าที่เสี่ยต้นเดินทางไปในวันเกิดเหตุ




ซึ่งหลังจากที่เสี่ยต้นเดินทางมาถึงร้านเพียง 4 นาที คนร้ายก็มาถึงร้านเช่นเดียวกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเสี่ยต้นตลอด ตั้งแต่การเดินทางมาถึงที่ร้านและการเดินทางออกจากร้าน ซึ่งทำให้ ตำรวจมั่นใจว่ามีคนชี้เป้า ซึ่งวิธีการก่อเหตุลักษณะนี้ เป็นการทำงานของกลุ่มมือปืนรับจ้าง มีการบนรถดูที่เกิดเหตุและขี่มาจอดรอ ก่อนจะลงมาตรวจสอบรถที่เสี่ยต้นขับมา เพื่อยืนยันตัวเป้าหมาย หลังจากนั้นเสี่ยต้นเดินทางออกจากร้าน ก่อนจะถูกคนร้ายตามประกบยิง


ส่วนประเด็นความขัดแย้ง ตำรวจยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี แต่มั่นใจว่ามีผู้บงการจ้างวานฆ่าอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงกับคดีการเสียชีวิตในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 4 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐาน ว่ามีจุดใดที่เชื่อมกันบ้าง ฝากประชาสัมพันธ์บุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดหากใครมีข้อมูลสามารถแจ้งทางตำรวจได้ ทางพื้นที่ของตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาค 4

 

พยานคนสำคัญโร่แจ้งตำรวจถูกโทรขู่ หลังเผยข้อมูล "เสี่ยต้น" ขัดแย้งเมีย