"เสี่ยปุ๊" พกตราชั่งพิสูจน์ทอง รับไม่ติดใจหากทองอยู่ไม่ครบ ยันในแง่คดีว่าไปตามกฎหมาย ด้านไพรินทร์เข็ดไม่กล้ารับส่งทองลูกค้าอีก
เสี่ยปุ๊ พกตราชั่งพิสูจน์ทอง รับไม่ติดใจหากทองอยู่ไม่ครบ
นายชัยพร หรือ เสี่ยปุ๊ เดินมาที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวน หลังจากที่ทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวลุงสง่า คนขับแท็กซี่ที่เก็บทอง 49 บาทไปได้
เสี่ยปุ๊ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ดีใจมากที่ตำรวจสามารถติดตามตัวคนเก็บทองและนำทองกลับขึ้นมาได้ โดยในวันนี้ได้มีการเตรียมตราชั่งทอง เพื่อมาพิสูจน์ว่าทองอยู่ครบหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ลุงได้นำทองไปขายจำนวน 2 บาท ส่วนตัวถือว่าเล็กน้อยไม่ได้ติดใจอะไร แต่การดำเนินคดีก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ซึ่งวันนี้ตนอยากจะสอบถามกับลุงสง่าว่า เก็บทองไปแล้วทำไมถึงไม่นำมาคืน ทั้งๆ ที่ข่าวออกตลอดเวลา จึงเป็นข้อสงสัยที่จะต้องสอบถามในตัวลุง
ส่วนข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวลุงสง่าได้ มาจากคำทำนายของพระหรือไม่ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ที่พระได้มีการทักไว้ว่าจะได้ทองคำคืนในวันจันทร์และให้ไปตรวจสอบกล้องฝั่งตรงข้าม โดยมีพระทั้งหมดจำนวนสามรูปที่ทักมา ซึ่งรายละเอียดจะแถลงให้ทราบภายหลัง
ในส่วนของเงินรางวัล 100,000 บาท ต้องรอพูดคุยรายละเอียดกับตำรวจว่าใครมีส่วนช่วยในการแจ้งเบาะแสบ้าง
ไพรินทร์ พ้นมลทิน หลังถูกตราหน้าสงสัยฉกทอง
ขณะที่นางสาวไพรินทร์ ได้เดินทางมาถึง สน.บางยี่ขัน พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปห้องสืบสวนว่ารู้สึกโล่งที่เจอทอง และตนเองไม่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะที่ผ่านมารู้สึกเครียดและกังวลมาโดยตลอด กลัวว่าจะไม่พบทองแล้วจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
เมื่อนักข่าวถามว่าโกรธลุงไหม น.ส.ไพรินทร์ตอบว่า ไม่โกรธ แต่อยากถามว่าทำไมไม่เอามาคืน และยอมรับว่าเข็ดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะไม่รับฝากทองไปให้ลูกค้านี้อีก โดยทางบริษัทก็มีนโยบายห้ามรับส่งทองให้กับลูกค้าอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นหน้าที่แต่ตนเพียงอยากอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
"เสี่ยปุ๊" รับมอบทองคืนจากตำรวจ ยันทองอยู่ครบ 49 บาท
ขณะที่ พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 พร้อม พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน ได้เชิญเสี่ยปุ๊ และ นางสาวไพรินทร์ ร่วมแถลงปิดคดีกระเป๋าทองหล่นหายปริศนา พร้อมกับส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหายรวม 49 บาท ตามจำนวนที่ได้แจ้งความไว้
โดย พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 ระบุว่า หลังจากทึ่เกิดเหตุ ได้มีการสั่งการให้ผู้กำกับ และเจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งติดตามเพื่อพิสูจน์ว่าทองตกเอง หรือมีคนเอาไปหรือไม่ต้องพิสูจน์ให้ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วตำรวจสามารถพิสูจน์ได้ในระยะเวลา 6 วัน ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชนหากท่านใดพบเห็นของตกหล่น ก็ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไม่งั้นจะเป็นการลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน บอกว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาเพียง 6 วัน และได้รับความร่วมมือจากประชาชนรวมทั้งสื่อมวลชน ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสาร จนสามารถติดตามผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดีได้
อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้คุณไพรินทร์ ได้รับผลกระทบตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งภาพที่เห็นอาจจะไม่เป็นความจริง ดังนั้นตำรวจจึงสามารถพิสูจน์และไขความกระจ่างให้กับคุณไพรินทร์ได้
ในขณะเดียวกันผู้เสียหายก็ได้รับทรัพย์สินที่หายคืน ส่วนการดำเนินคดีตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีในฐานลักทรัพย์ ถึงแม้ว่าทางผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความก็ตาม แต่คดีดังกล่าวเป็นอาญาแผ่นดิน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่เสี่ยปุ๊ บอกว่า วันนี้ตนได้นำตาช่างมาตรวจสอบทองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดคืนมาได้พบว่าทองอยู่ครบตามจำนวนน้ำหนักทอง ประกอบด้วย ทองรูปพรรณ 40 บาท และทองแท่ง 9 บาท
ส่วนในการพูดคุยกับลุงสง่า ตนเองก็ติดใจในพฤติกรรม เนื่องจากลุงสง่าไม่สามารถอธิบายได้ และเหตุผลที่ลุงสง่าอธิบายฟังไม่ขึ้น ตนจึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยเสี่ยปุ๊ บอกอีกว่าตนมีความเชื่ออยู่แล้วว่าจะได้ทรัพย์สินคืน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปกราบไหว้พระที่นับถือในจังหวัดสุพรรณบุรีรวมทั้งหมด 3 วัด และพระทั้ง 3 วัดพูดเหมือนกัน ว่าจะได้ของคืนในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จึงทำให้ตนเองมีความมั่นใจ อีกทั้งยังได้รายงานผลการติดตามหาทองอยู่ตลอดจึงทำให้ประสบความสำเร็จ หลังจากนี้ตนก็จะได้ไปบวชแก้บน ตามที่ได้ไปบนเอาไว้ว่าหากได้ทองคืนจะบวชพระให้ 3 วัน
ด้านนางสาวไพรินทร์ ผู้ที่ทำกระเป๋าทองตกหล่น บอกว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก จึงอยากขอบคุณสื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ช่วยติดตามจนสามารถได้ทองกลับคืนมา ที่ผ่านมาตนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
และยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่กล้าบอกว่าทำกระเป๋าทองหายเนื่องจากว่ามีมูลค่าจำนวนมาก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและจะตามกลับคืนมาไม่ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องกับผู้ที่เก็บทองไป เนื่องจากว่าหากเจ้าหน้าที่ติดตามนำทองคืนกลับมาไม่ได้ตนก็จะต้องรับผิด และต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว
ลุงขับแท็กซี่ปัดเจตนาลักทรัพย์ ย้ำไม่มีทีวี-วิทยุไม่รู้ข่าวสาร
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวลุงสง่าออกจากห้องสืบสวนเพื่อมาทำบันทึกกับพนักงานสอบสวนได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ส่วนตนเองไม่มีเจตนาที่จะลักทรัพย์ แต่เมื่อตำรวจดำเนินคดีก็พร้อมที่จะรับโทษ โดยยืนยันว่าตนไม่มีทีวีดู ไม่มีวิทยุฟังจึงไม่รับรู้ข่าวสาร