เทคดาวน์มาเฟีย กวาดล้างอิทธิพลเถื่อน รวบ "เชษฐ์" ผู้ต้องหาคดีสั่งฆ่า "หมีป่าบอน"
วันที่ 28 พ.ค.2567 กองปราบ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ร่วมกับตำรวจ บชภ. 9 กว่า 120 นายเปิดปฏิบัติการ เทคดาวน์มาเฟีย กวาดล้างอิทธิพลเถื่อนซุ้มมือปืนภาคใต้ โดยเข้าปิดล้อมเป้าหมาย 15 จุด ใน จ.สงขลา 10 จุด และ จ.พัทลุง 5 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่า จำนวน 9 หมายจับ
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2567 เกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามหลายชนิด ทั้งเอ็ม 16 และปืนอาก้า ถล่มยิง นายประศาล (ขอสงวนนามสกุล) ฉายา “หมีป่าบอน” อายุ 54 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง จนเสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ในจ.พัทลุง ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป จนมีการเปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้
เป้าหมายสำคัญจุดแรก คือ นายกรรัก หรือ เชษฐ์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 24 พ.ค.2567 ข้อหา “ร่วมกันใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น พบอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 4 กระบอก เป็นอาวุปืนสั้น 2 กระบอก และปืนยาวอีก 2 กระบอก สอบสวน นายกรรัก ยังคงให้การปฏิเสธตลอดอ้างว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
เป้าหมายจุดที่ 2 คือ นายไพฑูรย์ อายุ 49 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญ เพราะเป็นผู้จัดหามือปืนมาก่อเหตุ โดยพบนายไพฑูรย์กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพัก จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย
เป้าหมายจุดที่ 3 คือ พ.ต.ท.ปัญญา ญาติของนายไพฑูรย์ หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหามือปืนเช่นเดียวกัน เมื่อไปถึงพบ พ.ต.ท.ปัญญา กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงบุกเข้าจับกุมเช่นเดียวกัน
ส่วนเป้าหมายจุดสำคัญที่ จ.สงขลา คือ นายธีรพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี มือปืนผู้ก่อเหตุ และ นายธีระพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี คนขับรถที่พาไปก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ กระจายกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ บริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่เปิด ตั้งติดอยู่ใกล้กับแนวป่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เกิดไหวตัวทันวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามไปอย่างใกล้ชิด ก่อนจะตามจับกุมนายธีระพงศ์ไว้ได้ ส่วนนายธีรพงษ์ มือปืนอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้
สำหรับนายประศาล ผู้ตายนั้น จากการตรวจสอบทราบว่า เป็นคนสนิทของนักโทษชาย เชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ผู้ต้องหาหลายคดี ทั้งคดีปล้น คดีพยายามฆ่าคดีอาวุธปืน และยังเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ที่สามารถหลบหนีออกนอกประเทศไปได้อย่างลอยนวล ยังไม่สามารถติดตัวกลับมาได้แต่อย่างใด
ส่วนชนวนเหตุการสังหาร จากแนวทางสืบสวนพบว่า “ก่อนเกิดเหตุนายประศาล ได้รับงานเป็นคนกลางไปทวงเงิน นายกรรัก หรือ เชษฐ์ ปาดัง เลขานุการนายกเทศมนตรี และเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ กรรมาธิการหนึ่งใน รัฐสภา มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับ นักการเมืองระดับประเทศ ระหว่างนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีปากเสียงกัน สร้างความไม่พอใจให้กับ นายกรรัก เป็นอย่างมาก จึงติดต่อให้นายไพฑูรย์ ให้จัดหามือปืน มารับงานสังหาร หลังจากนั้นนายไพฑูรย์ จึงได้ให้ พ.ต.ท.ปัญญา ตํารวจในพื้นที่ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นญาติของตนเอง จัดหามือปืนโดยผ่านนายกิตติกร ให้ช่วยจัดหามือปืนให้อีกทอดหนึ่ง ก่อนมีการว่าจ้างกลุ่มมือปืนมารับงานก่อเหตุดังกล่าว