แม่เหยื่อน้ำตาคลอ โล่งใจตำรวจจับ ฆาตกร 2 แว่นได้ เชื่อปมหักไม่ได้มาจากเงินล้าน
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นางบรรจง อายุ 77 ปี แม่ พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พี่ชาย และหลานสาว ของนายไพศาล อายุ 54 ปี ผู้ตาย เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจสามารถจับกุม นายภูริณัฐ อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุ ที่ก่อเหตุได้แล้ว
นางบรรจง กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าตำรวจสามารถจับคนร้ายได้แล้ว ยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจมากและดีใจที่เอาตัวคนผิดมาลงโทษ โดยตัวของแม่นั้นไม่เคยเห็นตัวของนายภูริณัฐมาก่อนเลย และก็ไม่ทราบว่าลูกชายทำธุรกิจกับใครบ้าง เพราะเขาไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่ที่มีประเด็นว่าอีกฝ่าย อ้างว่าลูกชายทำธุรกิจ และไปโกงเงินนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ลูกชายมีแต่จะให้ด้วยซ้ำ ลูกชายเป็นคนไม่ได้มีนิสัย คดโกงใคร และขอยืนยันว่า ลูกชายไม่มีหนี้สินที่ไหนด้วย เชื่อว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ได้ เพราะว่าตนตายได้ตายไปแล้ว
หลังจากที่จับได้แล้วแม่ก็อยากให้อีกฝ่ายมาขอขมา ส่วนจะให้อภัยหรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ และอยากให้คนร้ายถูกดำเนินคดีถึงที่สุด
หลังจากนี้ก็จะประสานวัดเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อ เนื่องจากสามารถจับกุมคนก่อเหตุได้แล้ว ก็คิดว่าวิญญาณของลูกน่าจะไปสู่สุคติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีคนบอกว่าเห็นวิญญาณของลูกชายเดินตามผู้ก่อเหตุไป ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนโกรธใครแล้วโกรธแรง เลยคิดว่าในช่วงเวลานั้น เค้าคงอยากได้รับความยุติธรรม เมื่อ 2 วันก่อน แม่เลยได้จุดธูปบอกลูกชายว่า ขอให้สามารถจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เมื่อวันนี้จับได้แล้วคิดว่าวิญญาณลูกชายน่าจะสงบสุข สุดท้ายนี้พร้อมกับอยาก ถามคนร้ายว่า ทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้" นางบรรจง กล่าว
ขณะที่หลานสาว ผู้ตาย กล่าวว่า ตนทราบว่าเงินหายออกไปจากบัญชีของอาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท โดยหลังจากที่อาเสียชีวิต คนร้ายได้แอบอ้าง ใช้ไลน์ของคนตาย ส่งข้อความมาตน ก่อนจะขอให้ส่งเอกสารทางธุรกิจ กระเป๋าเงิน ส่งมาให้หน่อย หลานสาวก็ได้ จ้างไรเดอร์เป็นคนนำสิ่งของเหล่านี้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อไรเดอร์ไปส่งแล้วและส่งภาพมาให้ดู ปรากฏว่าจากที่ดูนั้นมันเหมือนไม่ใช่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เป็นแถวลาดพร้าว ขณะที่ไรเดอร์เองก็ได้ส่งรูปยืนยันว่า ได้ส่งของให้กับผู้รับเรียบร้อย ก็เห็นชายใส่เสื้อฮู้ดสีดำ พร้อมกับสวมใส่แมส และแว่นตาสีดำ ยอมรับว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ระแคะระคายอะไรเพราะคิดว่าน่าจะเป็นอาของตัวเอง สุดท้ายมารู้ภายหลังว่าไม่ใช่
ขณะที่ นายฉัตรชัย พี่ชาย กล่าวว่า มั่นใจว่าน้องชายของตัวเอง ไม่มีหนี้สิน และอยากให้คิดถึงหลักความเป็นจริงว่า คนก่อเหตุอายุ 27 ปี ตอนอยู่ในลิฟต์ครั้งสุดท้ายก็พูดขึ้นมาว่าไม่มีเงิน แล้วแบบนี้จะไปทำธุรกิจได้ยังไง สนใจรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนที่มีกระแสว่าน้องชายของตนคบหากับคนก่อเหตุหรือไม่นั้น มองว่าน้องของตนจะคบ กับคนอายุน้อยกว่าหรอ แต่ถ้าหากเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอันนี้ก็อาจจะใช่
ผู้ตายเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมากขนาดไปจีนก็ยังไม่จ้างคนยกกระเป๋าเลย แบกเองทำเองมาตลอด เค้าหาเงินของเขาเองทุกอย่าง ตนจึงไม่เชื่อว่าน้องของตนมีหนี้สิน มองว่าตอนนี้คนร้ายจนมุม ก็ต้องหาข้ออ้าง ทำธุรกิจด้วยกันในที่นี้คนก่อเหตุอาจจะเป็นลูกน้องของน้องชายตนก็ได้ มาขอเงินแล้วน้องไม่ให้ จึงทำร้ายน้องของตน เพราะลักษณะการถูกแทง 15 แผล อีกฝ่ายต้องประมาณน้องของตนมาก คิดว่าน่าจะเป็นการคาดคั้น จนสุดท้ายน้องของตนได้เสียชีวิต
ตอนนี้ทางครอบครัวติดใจเรื่องการซื้อทอง คนร้าย ได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปสแกนซื้อทองคำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ล้านกว่า โดยคนร้ายได้สวมบัตรประชาชนของผู้ตาย และอ้างกับเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่งว่าตนเองไปศัลยกรรมมา จึงทำให้หน้าตาตัวจริงไม่เหมือนในบัตร และ มองว่า นิติบุคคล ของคอนโดว่าเหตุเกิดแล้วทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ และ ธนาคารด้วย ตนดำเนินการฟ้องอย่างแน่นอน เพราะมองว่ามันหละหลวมเกินไป