จากกรณีวันนี้ (31 พฤษภาคม 2567) ชาวบ้าน บ้านฝายแก้ว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน ร้องทีมข่าวโดยส่งคลิปจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มาร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบ พฤติกรรมของพระรูปหนึ่ง จากวัดชื่อดังของ จ.น่าน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ขับรถเก๋งเข้าไปในบ้านท้ายซอยเป็นประจำแทบทุกวัน ช่วงเย็นจนถึงยามวิกาล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2667 ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีสีกาแม่ลูกพักอาศัยในบ้าน
โดยกล้องวงจรปิดตัวที่ 1 เวลา 18.37 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน บันทึกนาทีที่รถเก๋งสีดำของพระรูปหนึ่ง จากวัดชื่อดัง ของจังหวัดน่าน ขับเข้ามายังบ้านพักของนางวิภา (นามสมมติ) อายุ 65 ปี ซึ่งกล้องวงจรปิดตัวที่ 2 จะเห็นมุมที่รถเก๋งสีดำของพระรูปหนึ่ง จอดในบ้านพักของนางวิภา ช่วง 18.37 น. ของวันเดียวกัน จากนั้นพระที่ขับรถเก๋งก็ลงจากรถ โดยมีนางวิภา เจ้าของบ้านเดินออกมาต้อนรับ
กล้องวงจรปิดตัวที่ 3 ช่วงเวลา 19.31 น. ของวันเดียวกัน 24 พฤศจิกายน จะเห็นหน้าทีที่รถเก๋งสีดำของพระรูปดังกล่าวที่จอดในบ้านพักของนางวิภา ขับออกมาจากบ้านพัก โดยพระรูปดังกล่าวใช้เวลาอยู่ในบ้านพักของนางวิภาเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาพูดคุยกับนางสาวน้อยหน่า (นามสมมติ) เป็นเพื่อนบ้านที่ส่งหลักฐานกล้องวงจรปิดให้ทีมข่าว โดยบอกว่า เป็นเหตุการณ์ผิดปกติที่มีพระภิกษุสงฆ์ขับรถเก๋งมาเพียงลำพัง แล้วขับเข้าไปจอดในบ้านของสีกาท้ายซอย ซึ่งนางวิภา เจ้าของบ้านพัก ที่พระภิกษุสงฆ์ขับรถเก๋งเข้าไปจอด เพิ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านพักหลังนี้ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยย้ายมาจากต่างถิ่น
เริ่มแรกตอนที่ย้ายมาอยู่ที่บ้านพักหลังนี้ ไม่มีพฤติกรรมที่ให้พระสงฆ์ขับรถเก๋งมาจอดและเข้าบ้าน เพิ่งมามีพฤติกรรมดังกล่าวตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน 2566 จากนั้นพระสงฆ์รูปเดิมก็ขับรถเก๋งมาลำพัง มาจอดในบ้านพักแล้วก็เข้าไปอยู่ในบ้านพักเป็นเวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่เพียงมาวันเดียวแต่มาทุกวัน ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 - 24 พฤษภาคม 2567
ยอมรับว่าตนไม่รู้ว่าเหตุใดพระสงฆ์จึงขับรถเก๋งมาจอดและเข้าบ้านของสีกา ซึ่งตนไม่ได้ปรักปรำว่าเพื่อนบ้านของตนมีความสัมพันธ์ลักษณะชู้สาว ตอนแรกเพื่อนบ้านก็อ้างแค่ว่าทำอาหารถวายในช่วงเย็นแก่พระสงฆ์ แต่ตนก็มองว่าพระในประเทศไทยไม่มีใครฉันข้าวเย็น หากทำลักษณะดังกล่าวจะผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ ก็เกิดความสงสัยและส่งคลิปดังกล่าวให้ทีมข่าวตรวจสอบ ซึ่งระยะหลังพระสงฆ์รูปดังกล่าวมาที่บ้านสีกาทุกวัน มาช่วงเย็นแล้วกลับตอนดึก แต่ตั้งแต่ชาวบ้านร้องเรียนนักข่าว ก็ปรากฏว่าพระส่งรูปดังกล่าวไม่ได้มาบ้านสีกาแล้ว
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางวิภา (นามสมมติ) เจ้าของบ้าน ที่ปรากฏในภาพวงจรปิดโดยมีพระสงฆ์รูปหนึ่งขับรถเก๋งมาจอดภายในบ้านพัก ซึ่งอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบอกกับทีมข่าวว่า ตนเองเป็นผู้ป่วยโรคจิตเวช ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง มีบัตรผู้ป่วยโรคจิตเวชและจะต้องกินยารักษาตนเองหลายเม็ดต่อวัน
ยอมรับว่าพระรูปดังกล่าวนำเก๋งสีดำมาจอดภายในบ้านพัก และใช้เวลาอยู่ในบ้านพักตนวันละประมาณ 1-3 ชั่วโมงจริง ตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน 2566 - พฤษภาคม 2567 เนื่องจากตนกลัวหลังจากเพื่อนบ้านขู่ฆ่าเรื่องปมพิพาทที่ดินสาธารณะหน้าบ้านที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้าน
อีกทั้ง ตนสูญเสียลูกชายคนเล็กไปเมื่อประมาณหลายปีก่อน ซึ่งพระสงฆ์รูปนี้อายุใกล้เคียงกับลูกชายคนเล็กของตนที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยตนเป็นโยมอุปัฏฐากพระส่งรูปนี้มาหลายปี และนับถือเหมือนลูกบุญธรรมจึงขอความช่วยเหลือให้มาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงเย็น เพราะกลัวเพื่อนบ้านจะมาบุกรุกบ้านแล้วทำร้ายร่างกายตน เนื่องจากหลังเกิดปัญหาข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านตนเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย โดยการไปแขวนคอหน้าบ้านพักเพื่อนบ้านหลายครั้ง แต่พระรูปนี้ก็เทศน์ให้ตนได้สติเกือบทุกครั้ง เพราะตนก็อยากจะจบปัญหาเรื่องข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน และอยากให้เป็นแผลของเพื่อนบ้านจะได้จำภาพติดตาตอนที่ตนแขวนคอตายเพื่อประชด
แต่ในส่วนที่ว่าตนได้ขอร้องให้พระรูปดังกล่าวมาอยู่เป็นเพื่อน ตนเป็นจริงไม่ปฏิเสธ ซึ่งขอน้อมรับผิด ส่วนที่ว่าตนมีการถวายอาหารเย็นก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนรู้วินัยสงฆ์จะถวายเพียงน้ำปานะเท่านั้น ตอนที่พระสงฆ์รูปดังกล่าวเข้ามาที่บ้านพักของตน
ส่วนเรื่องข้อพิพาทที่ดินหน้าบ้านที่เป็นที่สาธารณะ ตนซื้อบ้านพักหลังนี้เมื่อปี 2556 พื้นที่ 1 งาน 14 ตารางวา ในราคา 680,000 บาท โดยไม่รู้ว่าพื้นที่นี้รวมที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่ติดหน้าบ้านตน หลังย้ายมาอยู่ช่วงแรกก็ปกติ แต่ปรากฏว่าเพิ่งมาทราบภายหลังว่าซอยที่ตัดเข้ามาจากถนนในชุมชน เข้ามาที่หน้าบ้านพักของตนเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ มีความยาวประมาณ 20 เมตร ถึงหน้าบ้านพักตนแต่ก่อนเป็นทางลูกรัง แล้วเพื่อนบ้านเทปูนซีเมนต์ถนนเสร็จแล้ว เรียกเก็บเงินตน 9,000 บาท ตนไม่มีเงินเลยไม่ได้จ่าย
ปรากฏว่าปี 2566 เพื่อนบ้านไม่พอใจต้องการให้ตนขยับพื้นที่หน้าบ้าน โดยคืนที่ดินบางส่วนที่เคยเป็นที่ดินสาธารณะเป็นของชุมชน ตนก็ยอมคืนให้เป็นเนื้อที่ 1 งาน จากนั้นประตูรั้วบ้านออกแล้วขยับร่นเข้ามาในบ้านอีก แต่เพื่อนบ้านก็ไม่พอใจถึงกับบุกรุกเข้ามาในบ้านแล้วขู่ฆ่าตน โดยรูปถ่ายเพื่อนบ้านที่ตนให้ทีมข่าวช่อง 8 ดูเป็นหลักฐานเป็นภาพตอนที่เพื่อนบ้านออกไปจากบ้านของตน หลังจากบุกเข้ามาขู่ฆ่าแล้วออกไป
ตนกลัวเรื่องความปลอดภัยและที่บ้านไม่มีผู้ชาย จึงนิมนต์พระรูปดังกล่าวมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเห็นเป็นลูกบุญธรรม แต่ยืนยันไม่มีเรื่องชู้สาว ตนยังคิดอีกว่าหากปัญหาเพื่อนบ้านยังไม่จบ ตั้งใจจะขายบ้านที่ตนอยู่ปัจจุบันทิ้งในราคา 1 ล้านบาท เพื่อจบปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้าตนเองทนไม่ไหวเพราะตนก็เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ตนจะไปผูกคอตายบ้านเพื่อนบ้าน ซึ่งตั้งใจจะทำจริง ๆ ถ้าลูกสาวตนและพระไม่มาห้ามก่อน