"ครอบครัวกานต์" โผล่แล้ว! พร้อมปฏิเสธพรากผู้เยาว์ รับรู้สึกผิดมีความสัมพันธ์กับ "เจสซี่"

วันที่ 3 มิ.ย. 2567 ที่สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี นายเบียร์ อายุ 33 ปี / นางกานต์ อายุ 33 ปี และ น.ส.พิมพ์ อายุ 16 ปี พร้อมทนายรัชพล ศิริสาคร โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของพิมพ์และกานต์ หลังเกิดเรื่องดราม่าขึ้น โดยทั้งครอบครัวเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมปฏิเสธในข้อหาพรากผู้เยาว์ และรับของโจร

โดยทนายรัชพล เผยว่า ที่เดินทางมาในวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอปฏิเสธในข้อหาพรากผู้เยาว์ และรับของโจรหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครอบครัวนายเจสซี่ อายุ 17 ปี ได้แจ้งความดำเนินคดี

นางสาวพิมพ์ บอกว่า ได้เริ่มคบหากับนายเจสซี่ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2566 และยอมรับว่าได้ขอเงินจากนายเจสซี่จริง แต่ไม่ได้ขอเป็นเงินก้อน จะทยอยขอครั้งละ 500- 1,000 บาท โดยบางครั้งก็อ้างว่า ต้องการนำเงินไปช่วยเหลือพ่อที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน แต่เมื่อได้มาแล้วก็จะนำไปใช้จ่าย กิน เที่ยวเล่น และมีครั้งหนึ่งเคยขอให้นายเจสซี่โทรศัพท์มือถือให้ ราคา 12,000 บาท แต่ได้ใช้เงินคืนในส่วนนี้ไปแล้ว นางสาวพิม ยืนยันอีกว่า ส่วนตัวไม่เคยรู้มาก่อนว่าเงินที่นายเจสซี่นำมาให้ เป็นเงินของพ่อนายเจสซี่ เพราะนายเจสซี่บอกว่าเป็นเงินเก็บส่วนตัวจากการทำงาน จนกระทั่งมาทราบความจริงเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะนายเจสซี่มาบอกว่า พ่อรู้เรื่องเงินที่หายไปแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายเจสซี่กับนางกานต์ในช่วงแรกตนไม่รู้ว่าทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์กัน แต่มาเริ่มเอะใจในช่วงที่นางกานต์ทำกับข้าวไปให้เจสซี่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากถามทั้งคู่ เพราะส่วนตัวจบความสัมพันธ์กับนายเจสซี่ไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า โกรธนางกานต์หรือไม่ที่สานความสัมพันธ์กับนายเจสซี่ นางสาวพิม นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม

 

ขณะที่นางกานต์ ยอมรับว่า ส่วนตัวได้สานความสัมพันธ์กับนายเจสซี่จริง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะทั้ง 2 คนมีปัญหาครอบครัวเหมือนกัน เมื่อมาพูดคุยกันก็รู้สึกเข้าอกเข้าใจกัน จึงคบหากัน แต่สถานะเป็นเพียงคนคุยกันเท่านั้น ไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเลย แม้จะพูดคุยกันในทางชู้สาว โดยนายเจสซี่จะใช้คำเรียกนางกานต์ทั้ง ”แม่ พี่ และกานต์“ รวมถึงกอดหอมกันนั้น เพราะนายเจสซี่เป็นลูกครึ่ง มักจะกอดหอมเป็นปกติอยู่แล้ว และส่วนตัวก็ดูแลนายเจสซี่เหมือนลูกชายคนหนึ่ง

ส่วนคลิปวิดีโอที่นอนกอดกับนายเจสซี่ในโรงแรมแห่งหนึ่งนั้น ยอมรับว่า คือตนเองจริง แต่ปฏิเสธไม่ได้มีสัมพันธ์กัน เพราะในวันดังกล่าวมีนางสาวพิมพ์ และเพื่อนของเจสซี่อยู่ในห้องด้วย พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้พรากผู้เยาว์ เพราะนายเจสซี่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์มารับนางกานต์เอง เนื่องจากมีความเครียด กลัวว่าพ่อกับแม่จะทำโทษที่นำเงินไป จึงได้มาปรึกษานางกานต์ และพากันไปคุยที่บ้านเพื่อนของนางสาวพิมพ์ เพราะเกรงว่า นายเบียร์จะได้ยิน แล้วโมโห เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน

นางกานต์ ยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่ออกมากับนายเจสซี่ ไม่เคยไปอยู่ด้วยกัน เพราะนายเจสซี่จะไปอยู่กับเพื่อน และส่วนตัวก็พยายามบอกเจสซี่เสมอให้กลับบ้าน แต่นายเจสซี่ปฏิเสธทุกครั้ง เพราะกลัวแม่จะทำโทษ พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวจบความสัมพันธ์กับนายเจสซี่ตั้งแต่ทราบปัญหาเรื่องเงินเมื่อเดืนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยังคุยปรึกษากับเพื่อหาวิธีนำเงินมาคืนพ่อของนายเจสซี่ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนและนายเบียร์ เป็นเรื่องของอนาคต และอยู่ที่ทางสามีจะให้อภัยหรือจะว่าอย่างไรหรือไม่ แต่ยอมรับว่า ตนเองเป็นฝ่ายผิดจริง ซึ่งรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ส่วนนายเบียร์ บอกว่า ในส่วนของตนเองขอปฏิเสธรับของโจร เพราะทางครอบครัวไม่รู้ว่านายเจสซี่ขโมยจากพ่อมาให้ พร้อมตั้งคำถามกลับว่า ในกรณีนี้นายดีแลน พี่ชายของนายเจสซี่จะถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจรด้วยหรือไม่ เพราะนายเจสซี่ก็เคยโอนเงินกว่า 1 แสนบาทไปให้นายดีแลนเล่นการพนันออนไลน์ด้วย

ด้านทนายรัชพล กล่าวถึงพฤติการณ์ของเจสซี่ ไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็น จึงไม่เข้าข่ายมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ทำให้กรณีการฟ้องชู้นายเจสซี่นั้น ก็ต้องดูพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงก่อน และอยากให้พ่อแม่ของนายเจสซี่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวนายเบียร์และนางกานต์ เกี่ยวกับการลักทรัพย์ด้วย เพราะนายเจสซี่เป็นผู้กระทำผิดโดยตรง จะให้ฝ่ายนี้รับผิดชอบเต็มจำนวนนั้น คงไม่เป็นธรรมกับครอบครัวฝ่ายหญิง

หลังจากที่ทั้ง 3 คนเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จกานต์ได้ลงมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนักข่าวไปเคาะประตูห้องว่า ตนไม่มีเจตนาจะหนีไปไหน เพียงแค่ตกใจ ลูกสาวก็กลัวมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจออกจากตรงนี้ ยืนยันว่าวันดังกล่าวเจสซี่ไม่ได้อยู่ด้วย อยู่กับแค่ ตน พิมพ์ และเพื่อนพิมพ์เท่านั้น