ครอบครัวเชื่อมจิต บุกพม.ขอให้มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก 8 ขวบ หลังถูกใส่ร้าย ทำเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.38 น. ครอบครัว "เชื่อมจิต" เด็กชายวัย 8 ขวบพร้อมทนายความ เดินทางมาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อเตรียมแถลงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณีที่ถูกใส่ร้าย และยื่นหนังสือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก

ภายหลังจากที่เข้ายื่นหนังสือนานกว่า 1 ชั่วโมง

คุณอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม.ให้สัมภาษณ์ หลังพบกับครอบครัวน้องเชื่อมจิต โดยระบุว่า วันนี้ ครอบครัวน้อง 8 ขวบ มายื่นให้ตรวจสอบการทำงาน ของเจ้าหน้าที่ พม.ที่ จ.สุราษฎร์ธานี รายหนึ่ง เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งบรรยากาศพูดคุยกันวันนี้ เป็นการคุยกันด้วยความปรารถนาดี

ส่วนกรณีการที่ พม.ยื่นร้องต่อศาล 2 กรณี คือ ให้ผู้ปกครองหยุดการกระทำทุกรูปแบบ และทุกช่องทาง ที่จะเป็นการหาประโยชน์จากเด็ก และให้ผู้ปกครอง ร่วมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ในการเลี้ยงดู ให้ได้ตามมาตรฐานและพัฒนาการของเด็ก โดยศาลจะนัดไต่สวน วันที่ 17 มิถุนายน นี้ ซึ่งจะเป็นการไต่สวนในภาวะปกติ

กล่าวว่า สำหรับบรรยากาศการพูดคุย เป็นไปแบบปรารถนาดีร่วมกัน โดยพ่อแม่ของเด็กรับปากว่าจะดูแลเด็กอย่างดีที่สุด ขณะนี้การดำเนินการในส่วนของ พม.มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อร้องต่อศาลเพื่อไต่สวน 2 กรณี โดยขอให้ไต่สวนฉุกเฉินไม่ให้พ่อแม่นำเด็กไปแสวงหา และให้พ่อแม่ร่วมมือกำหนดแผนในการดูแลเด็กกับ พม.

โดยได้ยื่นต่อศาลครั้งที่ 1 ศาลไม่รับไต่สวน ขอให้เป็นการไต่สวนเป็นกรณีปกติ วันที่ 17 มิ.ย.นี้ จากนั้น พม.ยื่นต่อศาลเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง แต่ศาลยังยืนยันจะไต่สวนเป็นกรณีปกติ

เมื่อถามว่า ประเมินสุขภาพของเด็กชาย 8 ขวบด้วยสายตาเป็นอย่างไรบ้าง อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนบอกว่าน้องยังเป็นปกติ ส่วนพ่อแม่ก็เป็นพ่อแม่เด็ก

ขณะเดียวกัน มีแฟนคลับบางส่วนได้นำดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจให้กับเด็ก 8 ขวบ พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจเสียงดังก้อง

ทีมข่าวได้สอบถาม 1 ในผู้เลื่อมใสเล่าว่า ตนติดตามอาจารย์เด็ก 8 ขวบ มานานกว่า 2 ปีแล้ว วันนี้เดินทางมาจากเขตบางแค ยืนยันว่าไม่มีการจัดจ้าง ตนเดินทางมาด้วยตนเอง และมาเพียงแค่คนเดียว เชื่อว่าหากมารอแต่เช้าอย่างไรก็น่าจะได้เจอกับอาจารย์เด็ก 8 ขวบแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเชื่อความศรัทธาอย่างไร ชายรายดังกล่าวระบุว่า ด้วยคำสอนของอาจารย์เด็ก 8 ขวบ ทำให้เราเกิดในด้านของการนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งตนทำมาแต่เดิมนานนับสิบปีแล้ว แต่เมื่อได้มาฟังสิ่งที่อาจารย์เด็ก 8 ขวบสอน ก็ทำให้การนั่งสมาธิของตนนั้นนิ่งขึ้น เกิดจิตที่สงบขึ้น เพราะฉะนั้นตนจึงรู้สึกว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์สำหรับตน แต่สำหรับบุคคลอื่นจะเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ แต่ว่าสิ่งที่ท่านสอน ตนตามหามาเป็นสิบๆ ปีแล้วก็ยังไม่ได้

เมื่อถามว่าตนเคยไปร่วมนั่งสมาธิกับกลุ่มเชื่อมจิตด้วยตนเองแล้วหรือยัง ชายรายดังกล่าวระบุว่า ถ้านั่งสมาธิแบบทั่วไป ตนเคยไปนั่งมาแล้วหลายแห่ง แต่ถ้าเป็นของอาจารย์เด็ก 8 ขวบ ตนยังไม่เคยไปนั่งสมาธิกับท่านแต่ก็นั่งทางไลน์ เมื่อท่านนัดว่าจะมานั่งสมาธิตอนเวลากี่โมง เราก็คอยรอเวลา แล้วก็ไปนั่งสมาธิตอนเวลาที่ท่านจะเข้ามาสอน

เมื่อถามต่อว่า เชื่อในเรื่องการนั่งสมาธิ แล้วเรื่องของ "การเชื่อมจิต" หรือ "การซูม" เชื่อหรือไม่ ชายรายดังกล่าวระบุว่า เชื่อมจิตในทางพุทธศาสนานั้นมีจริง เพียงแต่ว่าใครจะพูดอย่างไร ใช้ศัพท์แบบไหน อาจจะไม่ตรงกัน ฉะนั้น ไม่ว่าอาจารย์เด็ก 8 ขวบ หรือหลวงพ่อองค์ไหน ที่ท่านสามารถเป็นอาจารย์สอน ก็คิดว่าการเชื่อมจิต มันเป็นเรื่องปกติในทางการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน

เมื่อถามว่า ล่าสุดทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกมายืนยันว่า การเชื่อมจิต ไม่มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฎก ไม่มีในความเชื่อของศาสนาพุทธในนิกายเถรวาท ชายรายดังกล่าวระบุว่า คำว่า พระไตรปิฎก เราต้องยอมรับว่าเกิดหลังจากพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไป เพราะฉะนั้นพระไตรปิฎกจึงไม่ใช่คำสอนที่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกกระเบียดนิ้ว มันอาจจะมีผิดเพี้ยนบ้างมากหรือน้อยซึ่งตนไม่รู้ ตนคิดว่าถ้าคำสอนใด ที่ไม่ทำให้เราเสียคนก็ลองศึกษาดู เมื่อเราศึกษาแล้วเกิดประจักษ์ว่า ทำให้เราเกิดจิตนิ่งสงบนั่งสมาธิได้ดีขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ตนตัดสินใจเองว่าน่าเคารพ

เมื่อถามว่า วันนี้เตรียมอะไรมาบ้างแล้วอยากจะให้กำลังใจอาจารย์เด็ก 8 ขวบ อย่างไรบ้าง ชายรายดังกล่าวระบุว่า ตนเตรียมดอกไม้มาให้ เพื่อเป็นกำลังใจเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากหัวใจที่ศรัทธาท่านร้อยเปอร์เซ็นต์

"ในด้านของการหลอกลวงประชาชน มันเป็นข่าวที่กระแสโซเชียลในเวลานี้เขาโหมกัน แต่ในความเป็นจริง ที่เราสัมผัส ผมยังไม่เคยเสียเงินให้กับอาจารย์สักบาทเดียว ไม่เคยคิดที่ว่าจะมีใครมาเรียกร้องเงินจากผมเลย แม้กระทั่งแอดมินหรือว่าอะไรทั้งหลาย" ชายรายดังกล่าวระบุ