ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง เปิดขั้นตอนรับตัว "แป้ง นาโหนด" ขังเดี่ยวกักโรคโควิด 5 วัน ก่อนพิจารณาแดนขัง
นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง เปิดเผยว่า ขั้นตอนการรับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด เข้าเรือนจำกลางบางขวาง จะเข้าสู่กระบวนการระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่และผู้ต้องขังเข้า-ออกเรือนจำ พ.ศ. 2561
เริ่มที่เจ้าพนักงานเรือนจำ ตรวจสอบเอกสารคำสั่งระบุตัวตนของผู้ต้องขัง อาทิ ชื่อนามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน และพิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป ตำหนิรูปพรรณ สภาพร่างกาย หรือสิ่งแสดงลักษณะเฉพาะของบุคคล ทั้งหมดจะถูกรวบรวมประกอบข้อหาหรือฐานความผิด
เมื่อเสร็จแล้ว เข้าสู่กระบวนการตรวจค้นตัวและสัมภาระ ต่อด้วยคัดกรองโรค โดยเจ้าหน้าที่พยาบาล หรือผู้ที่ผ่านการอบรมด้านงานพยาบาลของเรือนจำ ดำเนินการตรวจสุขภาพเบื้องต้นแก่ผู้ต้องขังและสอบถามเรื่องโรคประจำตัว ยารักษาโรคต่าง ๆ พร้อมกับให้ผู้ต้องขังเซ็นชื่อกำกับการบันทึกดังกล่าวด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันข้อมูลที่ตรวจสอบ เป็นความจริง
สุดท้าย ผู้ต้องขังจะถูกแยกไปทำการกักโรคโควิด-19 ที่ห้องกักโรคของสถานพยาบาลภายในเรือนจำ ระยะเวลา 5 วัน เนื่องจากนายเชาวลิต เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเชีย และก่อนหน้านี้ได้มีการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะบาหลี เมืองเมดาน
สำหรับ การกักโรค (ห้องเดี่ยว) จะไม่ได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังใหม่ เพราะเรือนจำกลางบางขวาง เป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ไม่ค่อยมีการรับตัวผู้ต้องขังใหม่รายวัน เว้นแต่ในวันนั้นจะมีผู้ต้องขังโทษประหารชีวิตย้ายมา
จากนั้นเมื่อกักโรคโควิด-19 ครบกำหนดระยะเวลาไม่พบว่ามีเชื้อโควิด-19 ทางคณะทำงาน นำโดยผู้บัญชาการสถานการณ์ที่มีนายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน จะพิจารณาว่าควรนำตัวนายเชาวลิตไปคุมขังยังแดนขังใด
อย่างไรก็ตาม ทางเรือนจำ จะต้องตรวจสอบว่าภายในเรือนจำอีกด้วยว่า มีโจทก์หรือเครือข่ายเก่า เกี่ยวข้องกับนายเชาวลิต หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ต้องขังบางรายเคยไปข้องเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวของผู้ต้องขังอื่นๆในแดนมาก่อน (ชู้สาว) หรือเคยไปมีเหตุเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาก่อน ทั้งจี้ จับ ปล้น บังคับขืนใจ จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะให้อยู่ในแดนขังไหน