พ่อหนุ่มทิ้งศพใต้ด่วนบางพูน เผยลูกชายป่วยจิตเวช ฝ่ายหญิงช่วยให้เรียนจบมัธยม เคยมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้
วันที่ 5 มิ.ย. 2567 จากกรณีพบร่างผู้เสียชีวิตเพศหญิงถูกตัดข้อมือ ห่อด้วยผ้านวม ถูกทิ้งใต้ทางด่วนบางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายธนากรณ์ อายุ 18 ปี และผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.วรัญญา อายุ 18 ปี ทั้งคู่เป็นแฟนกัน คาดเบื้องต้นว่า ทั้งคู่อาจทะเลาะมีปากเสียงกันจึงลงมือก่อเหตุ หลังเกิดเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุคิดสั้นพยายามกินยานอนหลับ แต่นำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน โดยมีพ่อผู้ตายตามมาด้วย
พ่อผู้ตาย เผยว่า ทั้งคู่คบกันมา 2-3 ปี พ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้และอยู่บ้านด้วยกัน บ้านที่เกิดเหตุมีคนตาย คนก่อเหตุ พี่ชายคนก่อเหตุ ยอมรับว่าแฟนสาวคนนี้ทำให้ลูกชายเรียนจบชั้นมัธยมได้ เนื่องจากลูกชายของตนมีอาการสมาธิสั้น และเป็นโรคทางจิตเวชร่วมด้วย ทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิในการเรียน แต่นางสาววรัญญา อายุ 18 ปี ผู้เสียชีวิต ก็ช่วยจนลูกตนเรียนจบ ซึ่งลูกชายของตนป่วยเป็นโรคทางจิตเวชมาประมาณ 2-3 ปี แล้วและรักษาอาการอยู่ตลอด
ที่ผ่านมา ทั้งคู่คบหากันด้วยดีมาตลอด แต่อาจจะมีปากเสียงกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ในช่วงก่อนเกิดเหตุ พี่ชายเล่าว่า ได้ยินเสียงทะเลาะกัน แต่ไม่ได้เข้าไปดู เพราะปกติคู่นี้ก็ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อก่อนตนเคยทราบข่าวว่าทั้งคู่มีการทำร้ายร่างกายกันอยู่บ้าง ซึ่งตนก็เคยเตือนว่าถ้าทะเลาะกันไม่ควรจะทำร้ายร่างกายกัน แต่ครั้งนี้ตนไม่รู้สาเหตุที่ลูกชายไปก่อเหตุ
แต่เท่าที่ตนทราบคือ เมื่อช่วงประมาณ 05.00-06.00 น. ลูกชายได้โทรศัพท์มาหาแม่ของเขา พร้อมกับพูดว่า “ขอโทษ” แต่ในช่วงนั้นตนและภรรยายังนอนอยู่ จึงทำให้ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก หลังจากที่ภรรยาตื่นและไปทำงาน จึงพยายามติดต่อไปหาลูกชายและผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ก็รู้สึกร้อนใจ เลยให้พี่ชายของผู้ก่อเหตุไปตามที่บ้าน แต่พยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนออกมา จึงพังประตูเข้าไป พบว่าลูกชายนอนอยู่ในห้อง สภาพอึ ฉี่ เรี่ยราด และมียาจิตเวชที่ลูกชายทานหล่นอยู่เต็มห้อง พี่ชาย จึงรีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาล
ยอมรับลูกชายป่วยเป็นจิตเวช มีอาการควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ แต่ไม่ได้มีอารมณ์รุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาก็เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เสียชีวิตพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเป็นประจำ
แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกชายของตนและผู้เสียชีวิตก็เพิ่งไปมอบตัวที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากสอบติดในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และกำลังจะเข้าเรียนชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว
อาการของลูกชายของตนตอนนี้ยังคงไม่รู้สึกตัว แต่ไม่มีอาการอะไรรุนแรง เบื้องต้นตนเตรียมจะย้ายลูกชายไปรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพล แต่ตำรวจไม่อนุญาตเนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ ตนจึงขอย้ายลูกชายไปโรงพยาบาลรัฐ ในเขตจังหวัดปทุมธานีต่อไป
นอกจากนั้น ทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่า ผู้ก่อเหตุเองทานยานอนหลับไปประมาณ 10 เม็ด ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายกับร่างกาย แต่อาจจะนอนหลับเป็นเวลานานกว่าปกติ ซึ่งตอนนี้ต้องรอให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาก่อนถึงจะสามารถพูดคุยได้